"ลดราคาจำนำข้าว" นิติกรรมอำพรางทุจริต
ถึงวันนี้..รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยังไม่ยอมรับหรือจำนนแก่หลักฐานว่านโยบายการจำนำข้าวทุกเมล็ดที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งกว่า 1 ปีที่ผ่านมาล้มเหลวไม่เป็นท่า อีกทั้งสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติประชาชนอย่างมากมายมโหฬารมหาศาล แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากสำนัก และสถาบันวิจัยต่างๆ ตอกย้ำเป็นทำนองเดียวกันว่า มีการโกง และทุจริตในโครงการนี้ จนสร้างความเสียหายอย่างมากมายสอดคล้องกับที่หลายฝ่ายได้เคยและพยายามออกมาคัดค้าน ต่อต้าน และตำหนิติเตือนถึง "อันตราย" ของโครงการประชานิยมสุดขั้วมาโดยตลอด
แม้รัฐบาลจะหยิบยกเหตุผลเกี่ยวกับปัญหากลไกตลาดข้าวในโลก หรือวินัยการเงินการคลังมาเป็น "ตัวช่วย" ในการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดจากเกษตรกรชาวนา จากเดิมเกวียนละ 15,000 บาทเหลือ 12,000 บาท โดยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบโจทย์หรือคำถามอันเกี่ยวกับตัวเลขการขาดทุนตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเกิดจากกระบวนการทุจริต คอรัปชั่นทุกขั้นตอนในโครงการดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ไม่อาจมองข้ามความจริงหรือเบี่ยงเบนประเด็นอันเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า การลดราคาจำนำข้าวลงนั้น หากไม่ได้สนใจในการบริหารจัดการปัญหาบกพร่องผิดพลาดในโครงการรับจำนำข้าวตามที่ทุกฝ่ายได้เพียรตอกย้ำและชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่และปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เม็ดเงินจากโครงการนี้ก็จะยังตกหล่นไปอยู่ในกระเป๋าเหลือบไรที่แสวงหาผลประโยชน์แทนที่เกษตรกรจะได้รับเต็มๆ ไม่แตกต่างจากเดิมแน่นอน
การลดราคาจำนำข้าวจึงเป็นแค่ปะทะประทังภาวะการขาดทุนในกระเป๋ารัฐให้ลดน้อย และสามารถบรรเทาปัญหาตัวเลขขาดทุนทางงบประมาณจนอาจจะกระทบต่อวินัยการเงินการคลังโดยรวมเท่านั้น แต่มิได้หยุดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอันเป็นมูลเหตุสำคัญทำให้โครงการรับจำนำข้าวล้มเหลวและสร้างความฉิบหายให้กับคนไทยทั้งชาติเลย เพราะดูเหมือนทุกกระบวนการก็ยังคงเดินหน้าต่อไปตามปกติ ยกเว้นชาวนาจะได้เงินจากการเอาข้าวไปขายลดน้อยลงเกือบ 20% ในขณะที่เงินภาษีของประชาชนทั้งจากคนรวยและคนยากจนทั้งประเทศ ก็คงยังจะถูกรัฐบาลล้วงไปถลุงผ่านโครงการประชานิยมสุดขั้ว โดยที่ผู้ได้รับประโยชน์เต็มมือไม่เปลี่ยนแปลงคือโรงสี และเจ้าของโกดังเก็บข้าว ตลอดจนถึงบรรดา Surveyors ที่รัฐบาลต้องจ้างและจ่ายเงิน เพื่อตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวปีหนึ่งนับหมื่นๆ ล้านบาท
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะอับอายขายขี้หน้า ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะ "ขอโทษ" กับประชาชน และยอมรับว่า โครงการจำนำข้าวก่อให้เกิดการรั่วไหลและความสูญเปล่าจำนวนมหาศาล โดยเกษตรกรชาวนาที่รัฐบาลอ้างว่า รัฐบาลขาดทุนไม่เป็นไร ขอให้ชาวนาอยู่ดีกินดีนั้น แทบจะมีแค่หยิบมือเดียว เพราะจากสำนักสถิติแห่งชาติระบุว่า ครัวเรือนชาวนาทั่วประเทศมีประมาณ 3.8-4 ล้านครัวเรือน แต่ปรากฏมีชาวนาที่เข้าโครงการจำนำไม่ถึง 9 แสนครัวเรือน แต่การดันทุรังโยนความผิดให้กับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ หรือคณะกรรมการนโยบายข้าว ก็ไม่ใช่ทางออกที่ประชาชนจะเชื่อถือและศรัทธาได้อย่างแน่นอน ในเมื่อตั้งแต่ก้าวแรกที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารบ้านเมืองนั้น ชูธงรับจำนำข้าวทุกเมล็ดมาโดยตลอด ซ้ำร้ายยังทำทุกวิถีทางที่จะให้ทุกฝ่ายเห็นดีเห็นงามกับนโยบายอัปยศนี้ แม้กระทั่งการใส่ร้ายป้ายสีว่า คนคัดค้านนโยบายจำนำข้าวเป็นพวกอำมาตย์ ชอบเล่นการเมือง ถ่วงความเจริญ ไม่หวังดีต่อรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าว หัวข้อใหญ่ใจความไม่ใช่เพราะกลไกตลาด ไม่ใช่เพราะปัญหาวินัยการเงินการคลัง แต่มันคือการรั่วไหล ทุจริต คอรัปชั่นเชิงนโยบายทุกขั้นตอน ตั้งแต่ชาวนา โรงสี การสวมสิทธิ์ การเวียนเทียนข้าว การลักลอบขายข้าว การเจือปนข้าวที่ขาดคุณภาพ โดยใช้เงินภาษีประชาชนอย่างสนุกสนานตามอำเภอใจ ลุแก่อำนาจ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดที่รัฐบาลควรจะเลือกคือ ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว เพราะนอกจากประชาชนจะได้รับประโยชน์น้อยมาก มีเพียงชาวนาระดับบนหรือกลุ่มนายทุนไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ที่ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวแล้ว โครงการประชานิยมสุดขั้วนี้ยังทำให้เกิดความสูญเสียไปจนถึงภาพลักษณ์และการเป็นผู้นำในตลาดส่งออกข้าวของประเทศไทยด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น