วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แฉโจรใต้ปล้นฆ่าครบวงจร ค้ายา-น้ำมันเถื่อน! กู้ระทึกระเบิด 20 กก. ดักถล่มชุดรปภ.ครู เมื่อ 2 มิ.ย.56



แฉโจรใต้ปล้นฆ่าครบวงจร

ค้ายา-น้ำมันเถื่อน! กู้ระทึกระเบิด 20 กก. ดักถล่มชุดรปภ.ครู

โจรใต้ป่วนไม่เลิก ซิ่งรถกระบะบุกยิงฐานทหารนราธิวาส เกิดยิงปะทะกันดุเดือด ส่งผลให้ทหารดับ 1 นาย ขณะที่ จนท. กู้ระทึกระเบิดในถังดับเพลิงน้ำหนัก 20 กก. ฝังไว้ใต้ถนนที่สุไหงปาดีได้สำเร็จ หลังทหาร ฉก.นราฯ ลาดตระเวนพบวัตถุต้องสงสัยโผล่ขึ้นมาบนถนน คาดเตรียมไว้ถล่มชุด รปภ.ครู จันทร์นี้ ด้าน “โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยันโจรปล้นรถขนเงินกสิกรไทยโยงกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ขณะที่ “ภราดร” เลขาธิการ สมช. ลั่นถกสันติภาพบีอาร์เอ็น 13 มิ.ย.นี้ จ่อถามกลุ่มใดป่วนใต้ หลังบีอาร์เอ็นอ้างไม่ได้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมโต้ “เฉลิม” เหตุการณ์รุนแรงทุกครั้งไม่ได้เกิดจากกลุ่มก่อความเสมอไป “ถาวร” แนะ “รัฐ” เลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่มีกำหนด จนกว่าตกลงกรอบลดความรุนแรงสำเร็จ ไม่เห็นด้วยคุยกันไปฆ่ากันไป
กู้ระทึกลูกระเบิดหนัก 20 กก.สำเร็จ
สถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้คนร้ายก่อเหตุไม่เลิก เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.ท.ปัญญา ตั้งความเพียร ผบ.ฉก.นราธิวาส 35 ได้รับแจ้งจาก ร.อ.วนสัณห์ โพธิสุภาพ ผบ.ร้อย ร.1214 ฉก.นราธิวาส 35 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณโรงงานกระดาษเก่า ในพื้นที่ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ว่าในขณะที่ จ.ส.อ.วราสิทธิ์ จิตรไธสง หน.ชุดลาดตระเวน หมวดปืนเล็กที่ 2 ร้อย ร.1214 ฉก.นราธิวาส 35 ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นำกำลังพร้อมลูกน้องรวม 6 นายออกเดินเท้าลาดตระเวนออกจากฐานปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางในพื้นที่ หมู่ 3 บ.บาโงบือราแง ต.โต๊ะเด็ง หลังเกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนหวังสังหาร ร.อ.วนสัณห์ ผบ.ร้อย ร.1214 พร้อมลูกน้องรวม 12 นายขณะออก รปภ.ครูในพื้นที่เดียวกัน เหตุเกิดช่วงบ่ายของวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา เคราะห์ดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด และในขณะที่ จ.ส.อ.วราสิทธิ์ หน.ชุดลาดตระเวน หมวดปืนเล็กที่ 2 พร้อมลูกน้องเดินเท้าถึงบริเวณถนนสายโต๊ะเด็ง ห่างจากที่ทำการ อบต.โต๊ะเด็งประมาณ 100 เมตรและห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดเมื่อวานนี้ประมาณ 300 เมตร ได้พบเห็นวัตถุต้องสงสัยฝังไว้ใต้ผิวถนนที่ชำรุด จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อเข้าพิสูจน์ทราบ
ต่อมา พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตร ผกก.สภ.สุไหงปาดี พ.ท.ปัญญา ตั้งความเพียร ผบ.ฉก.นราธิวาส 35 พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 พร้อมด้วย ร.ต.ผล ยอดใจ หน.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ฉก.อโณทัย เดินทางเข้าไปตรวจสอบโดยได้กันพื้นที่โดยรอบไว้เพื่อความปลอดภัย และตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือทุกระบบ เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบไว้ในถังดับเพลิงหนักประมาณ 20 กก.เตรียมจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารไอคอม และมีสภาพพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายจำนวน 2 ครั้งเพื่อความมั่นใจและสามารถทำการเก็บกู้ได้สำเร็จ ขณะที่ พ.อ.ปัญญา ตั้งความเพียร ผบ.ฉก.นราธิวาส 35 กล่าวว่า ระเบิดลูกนี้คาดว่าคนร้ายวางกับดักไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา หวังสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลังที่เข้าตรวจสอบเหตุระเบิด ผบ.ร้อย ร.1214 และเป็นเส้นทางที่คนร้ายคาดว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นเส้นทางขากลับ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่เลี่ยงเส้นทางบังคับ ทำให้เป้าหมายของคนร้ายพลาด และคงรอเตรียมจุดชนวนสังหารชุด รปภ.ครูในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งโชคดีที่ลูกน้องของตนเองลาดตระเวนพบเสียก่อนที่จะมีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
บุกยิงทหารพรานดับ 1 ศพ
ต่อมาเวลา 15.00 น. วันเดียวกันนี้ ร.ต.ท.วิชญ์พล คำสังวาลย์ พนักงานสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกยิงถล่มฐานทหารพราน ร้อย ทพ.4807 กรมทหารพรานที่ 48 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อบต.บูกิต หลังเก่า บ้านบูเก๊ะตาโมง หมู่ 12 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จว.นราธิวาส พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณป้อมยามทางเข้าฐานมีศพของ อส.ทพ.อำนวยสิทธิ์ หะมะ อายุ 29 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ โดยมีบาดแผลถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณศีรษะ 1 นัด และที่บริเวณบังเกอร์หน้าฐานมีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรูพรุนจำนวนหลายแห่ง หน้าฐานพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ของคนร้ายตกเกลื่อนถนน จำนวนกว่า 40 ปลอก จากการสอบสวน ร.ท.พันธมิตร อารยะมั่นคง ผบ.ร้อย ทพ.4807 กรมทหารพรานที่ 48 ทราบว่า ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารกำลังเข้าเวรยามตามจุดต่างๆ ภายในฐานอยู่นั้น ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน ใช้รถกระบะจำนวน 2 คัน และรถ จยย.อีก 3 คัน เป็นพาหนะ ขับมาจอดหน้าฐานก่อนจะเปิดผ้าคลุมสีดำที่ปิดท้ายกระบะ และให้คนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าคลุมท้ายกระบะใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มฐาน จนเกิดการปะทะกันนานกว่า 10 นาที สิ้นเสียงปืนพบ อส.ทพ.อำนวยสิทธิ์ ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนกลุ่มคนร้ายได้ขับรถกระบะและรถ จยย.หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งโปรยตะปูเรือใบไว้บนถนนสายเจาะไอร้อง-บูกิต เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่
กอ.รมน.ภาค 4 ยันโจรปล้นแบงก์โยงโจรใต้
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนร้ายปล้นรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และราษฎรได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน ใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. 1 กระบอก จักรยานยนต์ 1 คัน และรถปิกอัพ 1 คัน พร้อมทั้งได้โปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางเพื่อป้องกันการไล่ติดตามของเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้รถของชาวบ้านที่สัญจรไปมาได้รับความเสียหายกว่า 10 คัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
“กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย กับทั้งขอชื่นชมในวีรกรรมอันกล้าหาญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และจากการตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ คนร้ายที่เสียชีวิต คือ นายมะตอเห มุสลิมิน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 5 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นญาติกับนายรอฟีอี มุสลิมิน ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน ส่วนอาวุธปืนพกสั้น ตรวจสอบแล้ว หมายเลข กข 54295703 ซึ่งผู้ครอบครองคือ นายมะยูโซ๊ะ ดอเลาะ อายุ 55 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ณ หน้ามัสยิดบ้านปะนาเระ เมื่อ 3 ส.ค.55” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว และว่า สำหรับรถปิกอัพมาสด้า 4 ประตู สีน้ำตาล ทะเบียน กข 7968 ปัตตานี ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกยิงล้อยางแตกทั้ง 4 ล้อ จอดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ภายในรถพบปลอกกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวนหนึ่ง และพบกองเลือดจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาจากองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 8 พ.ค.56 ทะเบียนเดิม กข 5193 ปัตตานี
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวทำให้สังคมมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น เพราะนอกจากจะสร้างสถานการณ์ความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน รวมทั้งการเป็นอาชญากรปล้นธนาคารในครั้งนี้อีกด้วย การใช้มาตรการทางกฎหมาย และการเข้าจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อนอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อความอยู่รอดของกลุ่มปฏิบัติการในพื้นที่ เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ และไม่มีรายได้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs), ภาคประชาสังคม, กลุ่มเครือข่ายต่างๆ, ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชน ได้ร่วมกันประณาม และแสดงพลังบริสุทธิ์ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของผู้ก่อเหตุรุนแรงในทุกรูปแบบ เพื่อนำพาสันติสุข ที่ทุกคนใฝ่หากลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
รวบ 4 ผู้ต้องสงสัยสอบ
สำหรับความคืบหน้าคดีนี้วันนี้ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก. ยังได้สั่งการให้ทุกโรงพักพร้อมปฏิบัติ และปรับแผนการปฏิบัติดูแลความปลอดภัยให้แก่รถขนเงิน รวมไปถึงธนาคารทุกแห่งในพื้นที่ 12 อำเภอ โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานการทำงานระหว่างกัน โดยเฉพาะเมื่อมีการขนถ่ายเงินให้จัดชุดกำลังเข้าไปดูแลตลอดเส้นทาง พร้อมทั้งให้ทุกธนาคารมีการปรับปรุงกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพใช้การได้ดี อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทุกธนาคาร เพิ่มอาวุธปืนยาวเข้ามาเสริมในการป้องกันระวังกลุ่มคนร้ายที่หวังเข้ามาปล้น
ล่าสุดมีรายงานว่า ชุดปิดล้อมตรวจค้นได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวนหลายจุดในพื้นที่ อ.มายอ อ.สายบุรี และ อ.ทุ่งยางแดง ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 4 ราย ในพื้นที่ ต.กะดุนง อ.สายบุรี จึงได้นำตัวมายังศูนย์ปฏิบัติการที่ สภ.สายบุรี เพื่อเข้ากระบวนการซักถาม ต่อไป
“ภราดร” จ่อถามบีอาร์เอ็นใครป่วนใต้
ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ เลขาฯ สมช.เหมือนเดิม ไม่มีความกังวลใจ ไม่หวั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นข้าราชการต้องพร้อมปฏิบัติงานได้ตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง และในวันที่ 13 มิ.ย. ที่เป็นวันนัดพูดคุยสันติภาพรอบต่อไป ตนยังคงเป็นหัวหน้าทีมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยยังคงเน้นกรอบการพูดคุย ต้องลดความรุนแรงลง ซึ่งทางคณะของฝั่งไทย จะมีการสอบถามคณะของบีอาร์เอ็น ถึงกรณีแพร่คลิปด้วย ว่าถ้าทางกลุ่มขบวนการไม่ได้ก่อเหตุความรุนแรง แล้วใครหรือกลุ่มไหนเป็นผู้ลงมือ เพราะทางการของไทย ยืนยันได้ว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายที่สร้างสถานการณ์ความรุนแรงแน่นอน
โต้ “เฉลิม” บางเหตุการณ์ไม่เกี่ยวโจรใต้
พล.ท.ภราดร เลขาธิการ สมช. ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้าถกสันติภาพบีอาร์เอ็นอย่างเป็นทางการรอบที่ 3 วันที่ 13 มิ.ย.นี้ ไม่ได้ผลดี ยังลดความรุนแรงในพื้นที่ไม่ได้ จะต้องเปลี่ยนแนวทางการพูดคุยว่า เรื่องนี้ต้องประเมินเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นแต่ละเหตุการณ์ว่า เกิดจากฝีมือกลุ่มใด และจากสาเหตุใด เพราะบางกรณีเป็นการก่อเหตุจากภัยแทรกซ้อนจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือเหตุส่วนตัว จึงไม่ควรนำมาเหมารวมว่าเป็นการก่อความไม่สงบจากกลุ่มก่อความไม่สงบทุกกรณีไป ทั้งนี้ การพูดคุยถือเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จะแก้ปัญหาได้ยั่งยืน ขณะนี้ สมช.ไม่ได้คุยทางเปิดเผยอย่างเดียว แต่คุยทางลับด้วย และใช้การพัฒนาด้านต่างๆ ในพื้นที่ควบคู่ไปด้วย การเจรจาจึงต้องเดินหน้าต่อ เพื่อสืบสภาพให้ได้ว่า การก่อเหตุแต่ละครั้งเป็นฝีมือกลุ่มใด เพราะกรณีบีอาร์เอ็นปล่อยคลิปทางยูทูบ ครั้งที่ 3 แสดงให้เห็นชัดเจนว่าบีอาร์เอ็นยังขาดเอกภาพในการขับเคลื่อน และควบคุมแนว ร่วม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายฮัสซัน ตอยิบ ที่เราไปพุดคุยด้วยถือเป็นแกนนำสำคัญที่ดูแลมวลชนส่วนใหญ่ จึงจำเป็นต้องพุดคุยด้วย
ทหาร ตร.ยังปิดล้อมตรวจค้นต่อเนื่อง
ส่วนพื้นที่จังหวัดยะลา รายงานแจ้งว่า ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน คอยดูแลระวังป้องกันตามย่านชุมชน ตลาดสดและสถานที่ราชการอย่างเข้มงวด หลังจากหน่วยงานด้านความมั่นคงยังคงแจ้งเตือนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สำหรับการใช้แผนกวาดล้างกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการโดยการเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายต่างๆ อาทิ ต.ท่าสาป ต.ยุโป ต.ตาเซะ และเขตพื้นที่เมืองยะลา เพื่อเป็นการกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวได้ ซึ่งในช่วงนี้ในพื้นที่ยะลาก็ยังคงมีการจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดยะลา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น หลังมีใบปลิวข่มขู่
“ถาวร” อัดบีอาร์เอ็นใส่ร้าย จนท.ไทย
ต่อมา นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคลิปที่บีอาร์เอ็นระบุว่ารัฐไทยใช้ความรุนแรงกับพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ว่า เป็นการกล่าวหาเกินจริง เพราะหากติดตามจะเห็นแต่ข่าวครู พี่น้องตำรวจ ทหาร ชาวบ้านถูกกระทำ ที่สำคัญตนเคยเตือนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนที่จะลงนามเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้วว่า อย่าอ่อนหัดใช้แผนการตลาดประชาสัมพันธ์มาแก้ไขปัญหาความมั่นคงชาติ โดยการยกระดับให้ความสำคัญกับกลุ่มโจร ที่ไม่สามารถคุมกำลังออกคำสั่งกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้ เพียงเพื่อตอบสนองตามแผนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปเจรจากับผู้นำมาเลเซีย เพื่อใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ในช่วงเลือกตั้งของมาเลย์เท่านั้น ถือเป็นความผิดพลาดซ้ำ ครั้งที่ 3 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำกับพี่น้องชาวใต้ ขณะนี้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาต (สมช.) ก็ยอมรับกลายๆ แล้วว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นที่ไปเจรจา ไม่สามารถคุมผู้ก่อการร้ายได้ และถูกบีอาร์เอ็นใช้เล่ห์ย้อนศรประจานรัฐไทยเช่นนี้ สะท้อนถึงความล้มเหลว เพราะตนเคยเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ให้รัฐบาลแล้ว โดยเน้นย้ำว่าต้องให้ 66 กรม 17 กระทรวง 17 รัฐมนตรีร่วมกันลงไปดูแล เพราะต้องพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ ปากท้อง ภัยแทรกซ้อน ยาเสพติด การค้าชายแดน การขยายเส้นทางคมนาคม การศึกษา การทุจริตคอรัปชัน อำนวยความยุติธรรมและการรักษาอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่มองแต่ปัญหาความมั่นคงด้านเดียว
เสนอเลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่มีกำหนด
นายถาวร กล่าวอีก ตนขอแนะนำให้รัฐบาล และ สมช. ทบทวนการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่จะมีขึ้นในครั้งที่ 3 คือ 1.ขอให้เลื่อนไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าจะตกลงกรอบเงื่อนไขให้ลดความรุนแรง ไม่ใช่คุยไปฆ่าไป ชาวบ้านอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้ อย่ากลัวการเสียหน้า ไม่สำคัญเท่าชาวบ้าน เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2.นายกฯ ต้องนั่งหัวโต๊ะสั่งการเอง ประชุมมอบหมายงาน 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน ลงมาดูแลแก้ไขปัญหาควบคู่กันไป 3.หน่วยงานราชการด้านความมั่นคง อย่าอ่อนแอตามผู้นำ ไม่ใช่เห็นดีด้วยทุกอย่าง เอาคนอ่อนหัดมาเป็นเลขาฯ สมช. แก้ไขปัญหาไปวันๆ ผูกเสี่ยงกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ใช้งานคนแบบผิดฝาผิดตัว ไม่ยอมทบทวนแก้ไข นอกจากทำให้ สมช.เสื่อมเสียเกียรติยังทำให้ชาติ รัฐไทย เสื่อมเสียเกียรติในสายตานานาชาติ ที่สำคัญชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ข้าราชการทหาร ตำรวจ เสียชีวิตรายวัน เป็นครอบครัวคุณรับได้ไหม ช่วยตอบที ส่วนตัวเห็นว่าการเจรจาของเลขาฯ สมช.ตามโรดแม็พของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
วันที่ 2/06/2556 เวลา 8:46 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น