วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"พล.ร.อ.บรรณวิทย์" ลั่นเชื่อ100% "เอกยุทธ" ตายปมการเมือง-ไม่ใช่ชิงทรัพย์ ชี้ทีมฆ่าเป็นผู้มีอำนาจ-อิทธิพล??เมื่อ 13 มิ.ย.56



"พล.ร.อ.บรรณวิทย์" ลั่นเชื่อ100% "เอกยุทธ" ตายปมการเมือง-ไม่ใช่ชิงทรัพย์ ชี้ทีมฆ่าเป็นผู้มีอำนาจ-อิทธิพล??
"พล.ร.อ.บรรณวิทย์  เก่งเรียน" เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ 100% "เอกยุทธ" ถูกสังหารเป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่ชิงทรัพย์ เพราะมีการวางแผนเป็นขั้นตอนเพื่ออำพราง  ต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจ-อิทธิพลอย่างชัดเจน

          พล.ร.อ.บรรณวิทย์  เก่งเรียน  อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม  กล่าวในรายการทีนิวส์  ทูไนท์  ของสำนักข่าวทีนิวส์  เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา  กล่าวถึงการสังหาร "นายเอกยุทธ  อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดังด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์   ส่วนตัวระบุว่าการเสียชีวิตของคุณเอกยุทธในครั้งนี้ เป็นการตายเกี่ยวเนื่องกับประเด็นทางการเมือง เพราะการสังหารมีการวางแผนเป็นขั้นตอนเพื่ออำพราง ซึ่งการกระทำลักษณะนี้แสดงว่าต้องเป็นการกระทำของผู้ที่มีอำนาจและมีอิทธิพลอย่างชัดเจน เนื่องจากคุณเอกยุทธ มีความเห็นตรงข้ามกับรัฐบาลและอาจรวมถึงเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  
 
ทีนิวส์  :  ก่อนอื่นต้องขอถามก่อนเลยว่า  พล.ร.อ.บรรณวิทย์  รู้จักคุณเอกยุทธดีขนาดไหน
บรรณวิทย์  :  รู้จักมานานแล้วหลายปี
ทีนิวส์  :  ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าคุณเอกยุทธกับตัวท่าน  ชอบไปนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
บรรณวิทย์  :  เราทานข้าวด้วยกันนานมาแล้วเป็นเวลาหลายเดือน  แต่จุดที่สำคัญก็คือว่า  เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการประสานมาว่า  พวกเราอยากจะคุยกันในเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองโดยมีคุณเอกยุทธด้วย  มีตัวผู้ประสาน  รวมไปถึงผู้ที่มีการนัดหมายร่วมกันขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อนะครับ 
ทีนิวส์  :  มีการประสานเข้ามานานหรือยังว่าจะมีการพูดคุยกัน
บรรณวิทย์  :  เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเอง  ผู้ประสานได้เดินทางไปต่างประเทศ  แล้วก็ตกลงกันว่ากลับมาแล้วจะคุยกัน  ผู้ประสานงานเพิ่งเดินทางกลับมาเมื่อวานนี้เอง
ทีนิวส์  :  คือกลุ่มของท่านเอง  หรือแม้แต่คุณเอกยุทธจะถูกลวงจากฝ่ายรัฐบาลว่าเป็นกลุ่มที่หวังจะจ้องล้มรัฐบาลชุดนี้  แต่แล้วอยู่ ๆ คุณเอกยุทธก็มาถูกอุ้มถูกสังหาร  ประเด็นเป็นแค่การชิงทรัพย์  ท่านมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไร
บรรณวิทย์  :  ขอเป็นประเด็นแรกก่อนว่า  ผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จ้องล้มรัฐบาล  ผมอยู่ในกลุ่มที่เมื่อรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว  ผมขอให้ท่านคืนอำนาจนั้นกับพี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจ  ส่วนใครจะมาเป็นรัฐบาลผมไม่ได้สนใจ  สนใจว่าเมื่อท่านทำประเทศชาติเสียหาย  ถ้าท่านมีจริยธรรมมีคุณธรรมธรรมาธิปไตย  ท่านก็ต้องลาออกไป  แต่อันนี้ถ้าท่านไม่ลาออกพ่อแม่พี่น้องก็ต้องเดือดร้อน  เช่น ที่สนามหลวง เป็นต้น  ไม่ต้องทำมาหากินกัน  โอเคประเด็นนี้เคลียร์  ส่วนประเด็นต่อมาก็ตอบตรง ๆ ไปเลยว่า  ผมเชื่อว่าการตายของคุณเอกยุทธเป็นเรื่องการเมือง  คือถ้าไม่ได้ตายเรื่องการเมืองประเด็นแรกเรื่องการชิงทรพย์ 5 ล้าน  เลิกคุยไปเลยดีกว่า  เพราะคนระดับคุณเอกยุทธที่ผมรู้จัก 5 ล้านไม่ต้องไปถอนแบงก์  ผมเดินไปแล้วบอกคุณเอกยุทธบอกว่าเอาเงิน 20 ล้าน  ท่านก็มีให้เพราะท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ 
ทีนิวส์  :  ท่านมองว่ามันน่าจะเป็นประเด็นไปในทางการเมือง แล้วการสังหารคุณเอกยุทธในครั้งนี้ทำไปเพื่ออะไร 
บรรณวิทย์  :  คือในความเห็นส่วนตัวผมมองว่าเป็นการสังหารเรื่องการเมือง  ผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ 100%  เพราะว่าถ้าเป็นการสังหารเพื่อชิงทรัพย์  จะต้องเป็นการฆ่าอีกแบบหนึ่ง  ไม่ใช่เป็นการตระเตรียมคนมาเพื่อมารัดคอ  แล้วคนที่สามารถทำแบบนี้ได้  ต้องเป็นคนที่ได้รับการฝึกหัดมา  วันนี้ถ้าให้ท่านมาบีบคอผม  ผมก็ไม่ตาย  เพราะว่าถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันไม่น่าจะเป็นไปได้   
ทีนิวส์  :  ผู้ต้องหานายสันติภาพกับพรรคพวกสารภาพว่าบีบคอคุณเอกยุทธ  แต่ทางตร.ยังไม่ได้มีการให้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเลย  ว่ามีการบีบคออย่างไร      
     
บรรณวิทย์  :  การบีบคอหรือการรัดคอ  มันเป็นนักฆ่าระดับอาชีพเขาถึงจะทำกัน  แล้วการสังหารแบบนี้เป็นการเดินทางระยะไกล  ไม่มีใครหรอกที่ฆ่าชิงทรัพย์แล้วเดินทางไปเกือบครึ่งประเทศ  เอาแค่ว่าท่านเดินทางไปเที่ยวจ.เพชรบุรี  ท่านก็เจอด่านไม่ต่ำกว่า 4 ด่านแล้ว  เมื่อเทียบกับขนาดที่ว่าท่านเดินทางไปจ.พัทลุง  ท่านจะต้องเจอกี่ด่าน  เข้าทางป้ายแล้วทำไมถึงไม่เจอเลย  แล้วคนที่จะทำอย่างนี้ถ้าไม่มีอำนาจหรือไม่มีอิทธิพลอย่างแท้จริงเป็นไปไม่ได้แน่นอน 
ทีนิวส์  :  มันก็มีข่าวออกมาว่าคุณเอกยุทธอาจจะเป็นกลุ่มทุนตัวสำคัญเลย  ซึ่งไม่เอารัฐบาลชุดนี้  มันเป็นไปได้หรือเปล่าถ้ามองอย่างนั้น  ก็เลยต้องจัดการกับกลุ่มทุนก่อน 
บรรณวิทย์  :  เท่าที่ผมดูคุณเอกยุทธ  ในการออกมาต่อสู้กับความเห็นที่หักล้างกัน  คือคุณเอกยุทธมีความเห็นที่ตรงข้ามกับรัฐบาลเหมือนกับผม  ผมมีความเห็นว่าการจำนำข้าวมันขาดทุน  แต่เขาบอกว่าไม่ขาดทุน  ก็เป็นความเห็นของแต่ละคน  คุณเอกยุทธมีความเห็นที่ขัดแย้งมาตลอดแล้วก็มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  มันเป็นประเด็นค่อนข้างที่จะดูว่ารุนแรง  แต่ผมกลับคาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในเมืองไทย  ถ้าบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้อยู่  ผมคิดว่าความปลอดภัยของนักธุรกิจจะอยู่ตรงไหน  เพราะคุณเอกยุทธท่านเป็นนักธุรกิจ  นักธุรกิจย่อมมีความเห็นแย้ง  เพราะฉะนั้นยังมีนักธุรกิจอีกหลายท่าน  ยังมีนายแบงก์อีกหลายคนที่มีความเห็นแย้ง  วันนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอีก  ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีท่านจะถูกผู้มีอิทธิพลดักจับตัวเมื่อไหร่  แล้วการสร้างสถานการณ์รอบข้างมันสร้างกันได้ง่าย  เพราะผู้ที่จะกระทำการสอบสวนเบื้องต้นคือตร.  ผมเชื่อว่าการชิงทรัพย์  หรือการฆ่าด้วยอารมณ์ชั่ววูบ  ต้องเป็นการฆ่าปัจจุบันทันทีและจบลงตรงนั้น  มันมีจุดมองที่ว่าถ้าท่านเป็นผู้นำในการที่จะประท้วงรัฐบาลซึ่งเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ  และผมเป็นผู้ร่วมผ่านรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรม  เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ผมว่าบ้านเมืองย่ำแย่ 
ทีนิวส์  :  อีกมุมหนึ่งบางคนก็บอกว่าผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล   หรือแม้กระทั่งตัวท่านเอง  โดนแค่ระเบิดปิงปอง  แต่คุณเอกยุทธโดนอุ้มสังหาร  อย่างนี้มันต่างกัน
บรรณวิทย์  :  ในประเด็นนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ผมรู้แต่เพียงว่าการเสียชีวิตของคุณเอกยุทธในครั้งนี้  เป็นการตายเกี่ยวเนื่องกับประเด็นทางการเมือง  และในการสังหารครั้งนี้มีการวางแผนเป็นขั้นตอนเพื่ออำพราง  การกระทำลักษณะนี้แสดงว่าต้องเป็นการกระทำของผู้ที่มีอำนาจ  ผู้มีอิทธิพลอย่างชัดเจน       
ทีนิวส์  :  สามารถสังหารคุณเอกยุทธได้  ต้องบอกเลยว่ากลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล  หรืออยากให้เปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้  เขาจะหยุดการกระทำนี้หรือไม่
บรรณวิทย์  :  ผมต้องขอเรียนตรง ๆ ว่าหลายท่านกลัวมาก  พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณเอกยุทธ  มีบางท่านขอย้ายไปอยู่ต่างประเทศดีกว่า  แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่บอกว่าถ้าไม่สู้ก็ตาย  สู้ก็ตาย  ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอสู้ดีกว่า  หลายท่านตั้งใจว่าจะเดินหน้าสู้ต่อไป  ผมก็เหมือนกันยืนยันว่าจะสู้ต่อไป  แต่ต้องระมัดระวังตัวด้วย  เพราะเราทำงานในจุดที่เราเชื่อว่าประเทศเราจะถูกเสียดินแดน  เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังจะล้มเหลว  ดังนั้นเราจึงต้องออกมาต่อสู้เพื่อประเทศของเรา  ก็ยังมีกลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้  และที่สำคัญยังมีผู้ที่ต้องการจะต่อสู้ร่วมกันเพื่อประเทศอีกเยอะ  เช่น ขบวนการหน้ากากขาว  ซึ่งเขาบอกอย่างชัดเจนว่าต่อต้านระบอบทักษิณ  แต่ว่าเขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง  เพราะเขากลัวเหตุต่าง ๆ เหล่านี้  แต่ถ้าวันนี้มันเป็นเชิงสัญลักษณ์มาถึงจุดที่ทนไม่ได้แล้วเปิดหน้ากากออกมา  วันนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในทันที    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น