วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“เหลิม” ต้ม “แม้ว-แดง” ดัน กม.ปรองดองเข้า ซอยตันพาฉิบหาย!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤษภาคม 2556 07:26 น

“เหลิม” ต้ม “แม้ว-แดง” ดัน กม.ปรองดองเข้า ซอยตันพาฉิบหาย!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์20 พฤษภาคม 2556 07:26 น


ผ่าประเด็นร้อน
       
       

        นาทีนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ทักษิณ ชินวัตร กำลังหน้ามืดอยากกลับบ้านเต็มทนจนขาดสติ ขาดความยั้งคิด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิด พูด และสั่งการให้คนอื่นทำการแทนตัวเองนั้น ในที่สุดจะย้อนกลับมากระแทกเข้าใส่ตัวเอง และรัฐบาลของตัวเองที่สั่งผ่าน "นอมิมี" ในครอบครัว คือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนักหน่วงที่สุดชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน    
        
       คนอย่างทักษิณอาจจะประเมินสถานการณ์จากข้างนอก จากการป้อยอของลิ่วล้อรอบกายว่าคุมกลไกทุกอย่าง ทั้งข้าราชการ ตำรวจ รวมไปถึงมวลชนคนเสื้อแดงเอาไว้พร้อมสรรพ คิดว่าเมื่อเขาต้องการอะไร จะหักอะไรก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องยั้ง ไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะคิดว่าถ้าตัวเองอยากได้อะไร ก็ต้องได้ และต้องเร็ว ไม่ต้องอ้อมค้อม เหมือนอย่างที่ส่งสัญญาณให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผลักดันร่างพระราชบัญญัติ ปรองดองแห่งชาติเข้ามา  เนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวที่มีเพียง 6  มาตรานั้นถือว่า “ตรงไปตรงมา” นั่นคือ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก ทั้งในเรื่องการลบล้างความผิด และ “คืนเงินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท” ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา สั่งยึดทรัพย์คดีทุจริตกลับมา เพียงแต่ว่าในร่างกฎหมายไม่อาจระบุชื่อตรงๆ ว่าเป็น “กฎหมายเพื่อทักษิณ” โดยเฉพาะเท่านั้น เมื่อระบุตรงๆไม่ได้ ก็ต้องครอบคลุม เผื่อแผ่อานิสงส์ไปถึงคนอื่นด้วย ทุกคน ทุกสี และทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ฆาตกร” ในความหมายที่คนเสื้อแดงถูกปลุกให้เชื่อแบบฝังหัวก็คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ต้อง “หลุด” ไปด้วย เพราะนี่คือกฎหมายปรองดอง เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ตามคำอ้างของเฉลิม อยู่บำรุง    
       
       สำหรับ ทักษิณ เมื่อเป้าหมายให้เขาได้พ้นผิดและได้เงินคืน ก็ย่อมแน่นอนว่านี่คือความหมายของคำว่า “สุดซอย” ที่เคยไสกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อหลายวันก่อน ยอมแม้กระทั่งให้โละทิ้ง ร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ผลักดันโดยหัวโจกคนเสื้อแดง บอกว่านั่นมัน “ครึ่งๆ กลางๆ” ไม่สุด อะไรประมาณนั้น แต่ในใจที่ไม่พูดออกมาให้ได้ยินก็คือ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯ ดังกล่าวมันชี้ชัดเฉพาะพวกคนเสื้อแดง หรือชาวบ้านที่กระทำผิดกฎหมายความมั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้พวกเด็กๆ ได้พ้นผิด รวมทั้งพวกที่ไม่ได้สั่งการ หรือแกนนำ  แม้ว่าในความเป็นจริงอาจเป็นการซ่อนความต้องการจริงให้ครอบคลุมถึงพวกแกนนำด้วยก็ได้  แต่ต้องไปว่ากันในขั้นกรรมาธิการแปรญัตติ  หรือในความหมายที่ต้อง “ตีความ” ในวันหน้า  
       
       แต่ทั้งหลายทั้งปวงคือ มัน “ไม่ชัวร์” นั่นเอง ไม่ชัวร์ว่าตัวเองจะพ้นผิด และที่สำคัญจะไม่ได้เงินคืน และด้วย “เหตุผลง่ายๆ โง่ๆ” แบบนี้แหละ ทักษิณถึงไม่เอา จะเอาแบบเฉลิม บอกว่าต่องเดินให้สุดซอยไงล่ะ                      
       
       หากพิจารณาจากความหมายและความต้องการของทักษิณ ก็คือว่าชัดเจนไม่ได้อ้อมค้อม เข้าใจง่าย เพียงแต่ว่าคนไทยและสังคมรับได้หรือไม่เท่านั้นเอง
       
       คำพูดและท่าทีดังกล่าวของเขาก็เป็นแบบนี้เหิมเกริม-เอาแต่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว สมัยที่ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จในฐานที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เคยเห็นใครในสายตา มาคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังจากค่อยๆ มีการสะสมอำนาจ เงินทอง จนมั่นใจขึ้นมาอีก ก็เหิมเกริมอีก
       
        อย่างไรก็ดี หากมองในมุมของ ทักษิณ แล้วคงไม่ผิดที่ต้องคิดแบบนั้น เพราะประเมินจากข้างนอก จากการรายงานของลิ่วล้อ ทำให้เคลิบเคลิ้ม “หลงตัว” ได้ไม่ยาก แต่ในมุมของชาวบ้านอื่นๆ รับรองว่าตรงกันข้ามแน่นอน เพราะเนื้อหาในร่างกฎหมายดังกล่าวของ เฉลิม อยู่บำรุง ถือว่าเป็นการย่ำยีหลักนิติรัฐ อย่างชนิดที่เรียกว่า “อุบาทว์” ที่สุด ไม่มีทางที่ใครจะรับได้ และนอกเหนือจากนี้ สาระสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นกฎหมายที่ทำให้ทุกคน “หลุดหมด” ซึ่งรวมถึง “ฆาตกร” ในความหมายของคนเสื้อแดงคือ อภิสิทธิ์-สุเทพ ไปด้วย จะรับกันได้หรือไม่                   
        
       ดังนั้น ถ้าพิจารณาตามความเป็นจริง ความเป็นไปได้ เชื่อได้เลยว่าสังคมส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยแน่ เพราะขนาดใช้คนเสื้อแดงไปข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่รับคำร้อง กรณีแก้ไขมาตรา 68 ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ชาวบ้านยังด่ากันพึมจนต้องสั่งให้ถอยกรูดไม่เป็นขบวนมาแล้ว ตัวอย่างมีให้เห็นมาแล้ว แต่ถ้ายังถือดี ดึงดันเดินหน้าตามที่พูดจริงๆ ลางหายนะมันก็จะเห็นกันอีกไม่ช้า คราวนี้เชื่อว่าจะไปกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว 
       
       
       อย่างไรก็ดี หากมองกันอย่างรู้ทันก็เป็นไปได้สูงที่ว่านี่คือ “เกมต้มหมู” นั่นคือ ต้มทั้งคนเสื้อแดง ซึ่งที่ผ่านมาก็โดนมาตลอดอยู่แล้วว่าจะพ้นความผิด และต้มทักษิณให้เข้าใจว่าทำเต็มที่แล้ว “ดันสุดซอย” แล้วนะ แต่ในเมื่อเป็น “ซอยตัน” ไปต่อไม่ได้ก็ต้องถอยกลับ ถ้าขืนดึงดันมันมีโอกาสฉิบหาย จะเลือกเดินหรือเปล่า ถึงตอนนั้นเฉลิมก็ไม่รับผิดชอบเพราะถือว่าได้ทำให้เต็มที่แล้ว!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น