วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

‘มาร์ค’ ยกธงปรองดองฉบับเห้ พธม. ชู 3 เงื่อนไขต้าน พท.โต้ป้ายสีนายกฯโพลชี้สส.ทำขัดเเย้ง เมื่อ 26 พ.ค.56



‘มาร์ค’ ยกธงปรองดองฉบับเห้ พธม.

ชู 3 เงื่อนไขต้าน พท.โต้ป้ายสีนายกฯโพลชี้สส.ทำขัดเเย้ง

ปรองดองฉบับเหลิมส่อเรียกแขก “พธม.” ฮึ่มปลุกม็อบต้าน อ้างขัดเงื่อนไข 3 ข้อ นัดแกนนำถกจันทร์นี้ ชี้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายลง ขณะที่ “ปชป.” ย้ำจุดยืนต้านปรองดองตัวเงินตัวทอง ชี้เป้าล้างผิดคนโกง-ปล่อยคนสั่งฆ่า ปชช. เสี้ยมแดงโดนทักษิณสับขาหลอก นิรโทษฉบับวรชัย ลับหลังส่งซิกดันร่างปรองดองสุดซอยเหลิมล้างผิดตัวเอง ด้าน “มาร์ค” ยกธงยอมแพ้ปรองดองฉบับเห้ ย้ำ กม.สุดซอยเหลิมเป็น กม.การเงิน เตือนใช้เสียงข้างมากลากขัด รธน. แนะปูยึดหลักอริยสัจ 4 สร้างปรองดองชาติ ส่วน “พท.” โวย ปชป.อย่าป้ายสีนายกฯ ปู ดันปรองดอง-นิรโทษฯ ช่วยพี่ชาย โบ้ยหน้าที่ ส.ส.ปูไม่เกี่ยว ซัดเอาทักษิณบังหน้า ตั้งท่าค้านทุกเรื่อง ขณะที่โพล ชี้ ปชช.สุดเอือมนักการเมือง ต้นตอทำชาติแตกแยก ชี้ไร้จริยธรรม-เอื้อประโยชน์พวกพ้อง
ปชป.ย้ำจุดยืนต้าน กม.ล้างผิดคนโกง
หลังจากที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 163 คน ยื่นร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ พ.ศ…..ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ นั้น วันที่ 24 พ.ค. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า เราต่อต้านกฎหมายที่จะมีการล้างผิดให้คนทุจริต คอรัปชั่น โดยเฉพาะคนที่มีความผิดติดตัวในคดีอาญา สั่งฆ่าประชาชน หรืออยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีแดง ทหาร ประชาชนทั่วไป พรรคยืนยันว่าจะต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไป เพื่อแสวงหาความจริงให้ประเทศ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการปรองดอง สิ่งที่พรรคเพื่อไทยและสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำอยู่ในเวลานี้ เป็นการตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ตัดทอนความจริงของประเทศ ทำพี่น้องเสื้อแดงต้องบาดเจ็บล้มตายไปฟรีๆ เพื่อเป็นเงื่อนไขต่อรองให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิด และกลับประเทศอย่างไร้มลทิน การที่ พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์มาที่เวทีราชประสงค์ ในรำลึกการชุมนุม คุณทักษิณหลีกเหลี่ยงที่จะพูดร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของคุณเฉลิม คุณทักษิณพยายามที่จะพูดทำนองว่าสนับสนุนร่างกฎหมายของคุณวรชัย ที่จะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน แต่ละเว้น ยกเว้นแกนนำทุกระดับทุกสี แต่ในข้อเท็จจริงลับหลังคุณทักษิณก็แอบสะกิดคุณเฉลิมให้ผลักดันเร่งรัด พ.ร.บ.ปรองดองฉบับดังกล่าว เพราะร่างของคุณวรชัย สุ่มเสี่ยงที่คุณทักษิณจะไม่ได้รับประโยชน์ หรือไม่ได้รับการล้างผิด และจะปล่อยประชาชนคนเสื้อแดงให้หลุดพ้นจากการเป็นตัวประกันของคุณทักษิณ ตรงกันข้ามร่างของคุณเฉลิมเป็นร่างที่ประชาชนทั้งประเทศถูกลากเข้ามา เพื่อเป็นเครื่องต่อรองให้คุณทักษิณด้วยเช่นเดียวกัน
เย้ยฉบับวรชัยแค่สับขาหลอกแดง
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงคือร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิมเท่านั้นที่จะได้รับการผลักดันเอาจริงเอาจัง จากคนในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนร่างของนายวรชัยเป็นเพียงการเสนอขึ้นไปเพื่อสับขาหลอกคนเสื้อแดงให้เห็นว่ายังมีกระบวนการพยายามหาตัวคนสั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ จึงอยากฝากไปถึงคนเสื้อแดงว่าถ้าไม่ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ และคนที่ต้องการรักษาระบบของบ้านเมือง ในอีกไม่กี่เดือน คนที่สั่งฆ่าประชาชน ทำร้ายทหาร จะสามารถถอดหน้ากากสีดำออกมาแล้วประกาศตัวว่า เขาเหล่านั้นเป็นคนฆ่าประชาชน เป็นคนยิง 6 ศพในวัด โดยคนเสื้อแดงจะได้แต่ยืนมองโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย และจะนำไปสู่ความแตกแยกย่อยยับมากกว่าเดิม
“มาร์ค” งง พท.ภูมิใจตัวเงินตัวทองโผล่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนแนล ว่า ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ นั้น ตนอยากให้ย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ ร.ต.อ.เฉลิม เคยให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบ ซึ่งวันนั้นมีตัวเงินตัวทองเดินผ่านวงสัมภาษณ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม เขาบอกว่า ขนาดตัวเงินตัวทองยังเห็นด้วย จึงไม่แปลกที่ตัวเงินตัวทองจะไปร่วมอยู่ในการยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ด้วย โดยทางกลุ่ม ส.ส.ที่ไปยื่นต่างรู้สึกภูมิอกภูมิใจ บอกว่า แม้แต่ตัวเงินตัวทองยังปรองดองด้วย ถ้าคิดเช่นนั้นตนก็คงยอมแพ้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้จะมีการตัดมาตรา 5 ออกไป ก็ยังคงเป็นกฎหมายการเงินอยู่ดี เพราะในมาตรา 4 กำหนดเรื่องสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์สินคืนจากรัฐ ซึ่งต้องดูต่อไป เพราะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประธานสภาฯ หากเห็นว่า เป็นกฎหมายการเงิน ก็ต้องส่งให้นายกฯ เซ็นรับรอง แต่หากมีการยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับกฎหมายการเงิน ถ้ากระบวนการไม่ชอบก็จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เราสามารถนำหลักธรรม อริยสัจสี่มาสร้างความปรองดองให้กับประเทศได้ ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย จะจัดเวทีประชาเสวนานั้น เป็นห่วงว่า จะไม่ทำตามหลักวิชาการตามข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า และกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เพื่อหาคำตอบเรื่องนิรโทษกรรมและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน และไม่มีความชอบธรรมเบี่ยงเบนไปตามกรอบที่รัฐบาลหยิบยื่นให้ โดยเฉพาะคู่มือของวิทยากร แผ่นพับ บทสรุป น่าเป็นห่วง ดูแล้วอันตราย เพราะดูเหมือนตั้งไว้เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของรัฐบาล และที่มีการสรุปมาก็เป็นแบบเอียงข้าง โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการสรุปว่า สาเหตุที่เกิดความขัดแย้ง เพราะมีคนไม่อยากสูญเสียอำนาจ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถือว่า เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นงานฝ่ายอื่น จึงน่าติดตามดูเวทีนี้ที่จะเริ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ โดยถ้าคำตอบออกมาไม่ถูกใจรัฐบาล รัฐบาลก็คงจะฉีกข้อสรุปอีก
ฉะ “แม้ว” เล่นเกมดิสเครดิตศาล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่กระทรวงยุติธรรมจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิการเมือง เกี่ยวกับการทำงานของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น จากการที่มีข่าวว่า มีรัฐมนตรีได้ท้วงระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ใครที่ถูกลงโทษควรมีสิทธิในการอุทธรณ์ไปยังองค์กรที่ใหญ่กว่า ซึ่งถ้าเราติดตามจะพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินในคดีที่ดินรัชดา คดีการยึดทรัพย์ จึงมองได้ว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการดิสเครดิตองค์กรยุติธรรม และรายงานของรัฐบาลก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็น คือ 1.รัฐธรรมนูญ ปี 50 เปิดช่องให้มีการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา และ 2.หลายประเทศในยุโรป จะไม่ให้มีการอุทธรณ์ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำทุจริต โดยเขาใช้ศาลสูงจัดการเหมือนกัน
พธม.ฮึ่มปรองดอง “เหลิม” ขัดเงื่อนไข
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมจะประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหว โดยอาจจะเคลื่อนไหวทางกฎหมาย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นการชุมนุมใหญ่เท่านั้น เพราะในขณะนี้สิ่งที่แน่นอนแล้วก็คือจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก่อนเป็นเรื่องแรกเมื่อเปิดประชุมสภาฯ แต่ พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นั้น ยังเป็นการบรรจุเข้าเป็นระเบียบวาระต่อจากเรื่องอื่นๆ ซึ่งอาจจะมีการเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนตามมติของที่ประชุมส่วนใหญ่ก็เป็นได้ ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม มีเนื้อหาที่ขัดเงื่อนไข 3 ข้อ ของกลุ่มพันธมิตรก็คือ ลดอำนาจสถาบัน-ล้างผิดทักษิณ-ปฏิรูปประเทศ ที่กลุ่มพันธมิตรเคยประกาศเอาไว้ แต่ร่าง พ.ร.บ.ของนายวรชัย ยังมีเนื้อหาที่ก้ำกึ่งอยู่ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าความชัดเจนจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่สภาฯ จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญทั่วไป เราคงจะต้องรอดูการทำงานในสภาอีกครั้งหนึ่ง เพราะการพิจารณากฎหมายในแต่ละฉบับก็มีขั้นตอนที่ใช้เวลานาน
นัดถกกำหนดเคลื่อนไหวจันทร์นี้
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่เลวร้ายลง ในที่สุดแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีมติเห็นชอบให้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และอาจมีการกำหนดมาตรการหรือการเคลื่อนไหวต่อไป โดยกำหนดให้นัดประชุมและแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.56 ณ บ้านพระอาทิตย์ เวลา 12.00 น. ขอเรียนเชิญพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้
รัฐบาลโวย ปชป.ป้ายสีปู
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกฎหมายเพียงฉบับเดียว ที่จะยื่นต่อสภาฯ ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ คือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้นำเสนอ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ดังกล่าวต่อสภาฯ ร่วมกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ส่วนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปรองดอง ไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับอีก 42 ส.ส.หรือ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ล้วนแต่เป็นกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เสนอโดยรัฐบาล จึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดบิดเบือนให้สังคมเกิดความสับสนว่ารัฐบาลหรือนายกฯ เป็นผู้ผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองเหล่านี้ หากพรรคฝ่ายค้านหรือวุฒิสมาชิกท่านใด ไม่เห็นด้วยกับหลักการหรือเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าว ก็ขอให้ไปอภิปรายโต้แย้งได้ที่รัฐสภา ซึ่งนายกฯ ได้ย้ำอยู่เสมอว่าการสร้างความปรองดองในสังคมนั้น ต้องให้สังคมช่วยกันคิดหาทางออกและต้องใช้รัฐสภา เป็นกลไกในการแก้ปัญหา ดังนั้น การที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อถามจุดยืนเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ปรองดอง รวมทั้ง การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และลูกพรรค พยายามให้ข่าวอย่างต่อเนื่องว่า นายกฯ จะต้องลงชื่อใน พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม นั้น จึงเป็นการให้ข้อมูลเท็จ และเป็นความพยายามที่จะยัดเยียดว่ารัฐบาล เป็นผู้เสนอกฎหมายปรองดองดังกล่าว ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภาฯ ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ดังกล่าว ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ในฐานะฝ่ายบริหารจึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เลิกบิดเบือนและหยุดนำกฎหมายดังกล่าวไปโยงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ฉะหยุดบิดเบือนปรองดอง-นิรโทษ
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หยุดบิดเบือนว่าพรรคเพื่อไทย จะสอดใส้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ ส.ส.วรชัย เหมะ และ พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าด้วยกัน เพราะกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีหลักการที่แตกต่างกัน และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีมติเพียงข้อเดียว คือ สนับสนุนให้เลื่อน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ ส.ส.วรชัย เหมะ ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน ในการประชุมสภาฯ สมัยสามัญวันที่ 1 ส.ค.ในขณะที่ พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยังไม่ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมพรรค จึงถือว่ายังไม่มีมติใดๆ ของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม มีสิทธิ์ที่จะมีมุมมองที่แตกต่างจากพรรค ในเรื่องของการสร้างความปรองดอง และขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ระหว่างการเดินสายเพื่อนำเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง ให้ประชาชนได้รับทราบ และแสดงความคิดเห็น แต่ยังไม่ใช่มติของพรรค
พท.ป้องยิ่งลักษณ์ตี 2 หน้านิรโทษ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย และตี 2 หน้าเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น วาทกรรมดังกล่าวสะท้อนหลักคิดและตัวตนของนายอภิสิทธิ์ ว่าดีแต่กล่าวร้ายคนอื่น โดยไม่ย้อนมองดูตัวเอง หากเปรียบเทียบนายอภิสิทธิ์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเห็นมุมมองประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน นายอภิสิทธิ์ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ขโมยนักการเมืองในรูปแบบงูเห่าเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ได้เป็นนายกฯ ด้วยการชนะเลือกตั้ง ตรงกันข้ามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ชนะเลือกตั้งท่วมท้น เป็นนายกฯ ตามวิถีทางประชาธิปไตย ข้องใจว่านายอภิสิทธิ์เคยอายปากตัวเองบ้างหรือไม่ พูดอะไรออกมามันก็เข้าตัวหมด ขอยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้พูดประชาธิปไตยแต่ปาก และไม่มีการตี 2 หน้า พฤติกรรมแบบนี้คงต้องย้อนไปดูตอนที่นายอภิสิทธิ์เอากุหลาบไปมอบให้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นนายกฯ นั่นคือการตี 2 หน้าที่แท้จริง ในวันวิสาขบูชาอยากให้นายอภิสิทธิ์คิดถึง หิริ โอตัปปะ ให้มาก เพราะยังไม่เคยเห็นท่าทีสำนึกถึงการบริหารที่ผิดพลาดจนมีคนเจ็บเกือบ 2,000 คนตายกว่า 100 ซ้ำยังก้มหน้าก้มตาขัดขวางการออกกฎหมายปรองดอง นิรโทษกรรม ไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือประชาชน เอาแต่อ้างเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณมาบังหน้า ขัดขวางการปรองดองของคนในชาติอยู่เรื่อยไป ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ไปเปิดดูรัฐธรรมนูญในเรื่องแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ที่ระบุในเรื่องของการรู้รักสามัคคี นายอภิสิทธิ์น่าจะไม่เคยเปิดดูหรือดูไม่ลึกซึ้ง ดังนั้นตนจะส่งเป็นหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ให้นายอภิสิทธิ์อ่าน เพื่อไม่ให้ไปต่อต้าน หรือตั้งเวทีที่ไหน เพราะอาจจะเป็นคนที่ขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง
ส.ส.แดงขวางลัดคิวปรองดอง
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ระบุ อาจเสนอให้พิจารณา พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นเรื่องเร่งด่วนนั้น ถ้าดันขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วนจริง ก็เป็นการเรียกแขกแน่ เพราะวันนี้กระแสสังคมให้ทำเพียงแค่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อน จึงไม่ควรไปเลยเถิดกติกาสังคม ขณะนี้สังคมต้องการดูว่า เรามีความจริงใจแค่ไหนในการเสนอกฎหมาย ถ้ารีบผลักดันให้พิจารณา พ.ร.บ.ปรองดองเป็นเรื่องเร่งด่วนจะยิ่งถูกถล่มหนักจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายคัดค้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกคนเสื้อแดงที่เป็นพวกเดียวกันคัดค้านด้วย ขอให้รอเวลาที่เหมาะสม พออารมณ์คนเปลี่ยน บรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น ก็ค่อยเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้ามาก็ยังไม่สาย ทั้งนี้ถ้าจะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ให้เป็นวาระเร่งด่วนจริง ก็ต้องออกเป็นมติพรรค ถ้ามติพรรคไม่เอาด้วย ก็ให้เป็นเอกสิทธิ์ส.ส.ในการตัดสินใจเอง
เตือนเร่งรีบเสียมวลชน
น.พ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเสนอให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง พิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนนั้น พูดได้ แต่ทำยาก พรรคคงไม่เอาด้วย ยิ่งทำให้เสียมวลชน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ารอได้ ให้ช่วยประชาชนก่อน ดังนั้นไม่ควรเร่งรีบ ขณะนี้มีกฎหมายใหญ่ 2 ฉบับรออยู่ คือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และการแก้รัฐธรรมนูญ ถือว่าหนักอยู่แล้ว ถ้าเร่งรีบนำ พ.ร.บ.ปรองดองเข้ามาอีก ก็ยิ่งเรียกแขกหนักขึ้นอีก และจะทำให้กฎหมายสำคัญสองฉบับนี้สะดุดไปด้วย ดังนั้นไม่ควรรีบร้อน รออีก 2 ปีก็ได้ เพราะ พ.ร.บ.ปรองดอง อีก 4 ฉบับก็ยังค้างอยู่ในสภา ในช่วงนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องไปพูดคุยเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง เอาชนะใจคนเสื้อแดงให้ได้ แต่ดูแล้วคงยาก เพราะคนเสื้อแดงอยากเห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีติดคุก
ปชช.เอือมนักการเมืองไร้จริยธรรม
ขณะเดียวกัน สวนดุสิตโพล ได้ผลสรุปวิเคราะห์ จากการอบรมวิทยากรกระบวนการโครงการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย “พูดจาหาทางออกประเทศไทย” รุ่นที่ 1 จำนวน 220 คน เมื่อวันที่ 18-19 พ.ค.56 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สรุปว่า 1.ความคิดเห็นของตัวแทนภาคประชาชน ต่อ “บ้านเมืองไทย” ณ วันนี้ ด้านการเมือง อันดับ 1 การขาดคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมือง/เอื้อประโยชน์ เล่นพรรคเล่นพวก 51.01% อันดับ 2 ความน่าเชื่อถือของนักการเมือง การทำงานด้านการเมืองไม่มีประสิทธิภาพ 39.59% อันดับ 3 ความขัดแย้งทางความคิดเห็นทางการเมืองโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 9.40% ด้านเศรษฐกิจ อันดับ 1 ความเหลื่อมล้ำทางฐานะความเป็นอยู่ 44.30% อันดับ 2 โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังไม่เข้มแข็ง การผูกขาดของกลุ่มทุนบางกลุ่ม 36.71% อันดับ 3 ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย สินค้าราคาแพง 18.99% ด้านสังคม อันดับ 1 ความขัดแย้ง แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 43.19% อันดับ 2 การขาดคุณธรรมจริยธรรม คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น 32.95% อันดับ 3 ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา การแบ่งแยกชนชั้น 23.86% 2.สาเหตุ ของความขัดแย้ง/แตกแยกของคนไทย อันดับ 1 มุมมองความคิดเห็นที่แตกต่าง การปิดกั้นทางความคิด 49.64% อันดับ 2 อำนาจและผลประโยชน์ การแก่งแย่งชิงดี 41.01% อันดับ 3 การเลือกรับข้อมูลข่าวสาร เพียงด้านเดียว รับรู้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง 9.35% 3.ทำอย่างไร คนไทยที่มีความขัดแย้งกันจึงจะหันหน้ามาพูดจากันเพื่อ “หาทางออกให้กับประเทศไทย” อันดับ 1 เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น/จัดเวที ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงระดับประเทศ 35.85% อันดับ 2 ความร่วมมือกันทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสื่อมวลชนต้องเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง 34.08% อันดับ 3 หยุดการเคลื่อนไหว/ปลุกระดม เน้นการเสริมสร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย 30.07% 4.เรื่องหรือประเด็นที่ควร “หาทางออกให้กับประเทศไทย” อันดับ 1 การเมือง โดยเฉพาะความขัดแย้งของนักการเมือง/การแบ่งพรรคแบ่งพวก 26.51% อันดับ 2 เศรษฐกิจ ปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน 24.50% อันดับ 3 นักการเมืองขาดคุณธรรมจริยธรรม 20.88% อันดับ 4 ความขัดแย้งของคนในสังคม 16.47% อันดับ 5 ความไม่เข้าใจในเรื่องของประชาธิปไตย 11.64%
วันที่ 25/05/2556 เวลา 5:18 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น