รถคันแรกซัดกำลังซื้อไตรมาส 2 ยังซบ คาดลากยาวตลอดปี ชี้ห้างกระทบ โชห่วยได้อานิสงส์
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลพวงจากนโยบายรถคันแรกในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคมีกำลังการซื้อลดลง และชะลอการซื้อสินค้าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา รวมถึงยังพบว่ากำลังการซื้อในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค. ยังไม่ฟื้นตัว
นอกจากนี้ คาดว่ากำลังการซื้อของผู้บริโภคจะยังคงซบต่อเนื่องลากยาวจนถึงสิ้นปีนี้ หากภาครัฐไม่มีนโยบายหรือมาตรการใดๆ ออกมากระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค หลังจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายลงเนื่องจากต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้จ่ายค่างวดรถคันแรก
ขณะเดียวกัน นอกจากผลของรถคันแรกแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลงทั้งการส่งออกและกระทบถึงราคาจำหน่ายในประเทศ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า
“ปีนี้กำลังการซื้อผู้บริโภคไม่ดีมาก แม้กระทั่งตลาดอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันยังได้รับผลกระทบ ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการทำตลาด แต่ไม่เน้นการทำโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม” นายบุญชัย กล่าว
ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตจากเดิมตั้งไว้ 18% เป็นเหลือ 12% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาท
ด้านนายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า กำลังการซื้อไตรมาส 2 ของผู้บริโภคยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัว โดยกลุ่มผู้บริโภคที่น่าจะเป็นห่วงคือ กลุ่มระดับกลาง-ล่าง จนถึงกลุ่มรากหญ้า และคาดว่าจะซบลากยาวกระทั่งถึงสิ้นปีนี้ หรืออาจซบต่อเนื่องถึงขั้น 5 ปี หรือจนกว่าจะผ่อนรถหมด ส่วนกลุ่มระดับกลาง-บน ยังมีกำลังการซื้อดีอยู่
จากการสำรวจสภาพการจับจ่ายของผู้บริโภคในปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่จำหน่ายในศูนย์การค้า รวมไปถึงสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า คาดว่าจะเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากกำลังการซื้อที่ลดลงมากกว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ตาม พบว่าร้านค้าปลีกดั้งเดิมกลับได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากกว่าจะเดินทางไปซื้อในศูนย์การค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น