‘บิ๊กตู่’ ฉุนใส่สื่อปั้นข่าวจ้องงาบ-งบรั้ว กั้น ‘ไทย-มาเลย์’ เพื่อรปภ. ‘บิ๊กโอ๋’ โม้ไม่หลงเล่ห์ BRN
“บิ๊กตู่” ฉุนอัดสื่อเขียนข่าวห่วย ขู่ตรวจสอบหากทำชาติเสียหายต้องรับผิดชอบ ยืนยันล้อมรั้วชายแดนใต้เพื่อความมั่นคงชาติ ไม่ได้คิดของบประมาณไปผลาญ ขณะที่ “บิ๊กโอ๋” หนุนสุดตัวล้อมรั้วชายแดนใต้เป็นเรื่องดี ยันไทยไม่เป็นมวยรองบีอาร์เอ็น ถกสันติภาพ 13 มิ.ย.นี้ ย้ำอีกสถานการณ์ใต้สิ้นปีนี้ดีขึ้นแน่ ขณะที่ “สกล” มทภ.4 สั่งกำลังพลตรวจสอบทุกจุดอ่อนแผน รปภ.ครู ประชาชน ด้านโจรใต้โหด 2 จว. ยิงทหาร- ชาวบ้านดับรวม 3 ศพ จังหวัดแรกที่ปัตตานีซุ่มยิงทหารดับ 2 นาย ขณะกำลังออก รปภ.เส้นทางครู ส่วนนราธิวาส ยิงชาวบ้านดับ 1 ศพ ขณะที่กำลังกรีดยางที่รือเสาะ
“ประยุทธ์” อัดสื่อเขียนข่าวห่วย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอเรื่องการล้อมรั้ว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าต้องการของบประมาณเพิ่มนั้นว่า เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ ที่เสนอไปเป็นเรื่องการป้องกันเขตชายแดน ซึ่งทั้งโลกก็ทำเช่นนี้ เพราะต้องมีรั้วบางพื้นที่และมีทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้า แต่มาหาว่าตนเสนอเพื่อต้องการงบประมาณมาทำรั้วนั้นคิดกันได้อย่างไร
“มันคิดกันได้ยังไง คนพวกนี้เอาสมองส่วนไหนคิด ผมอยากจะรู้ ขอให้ถามมาก่อนว่าที่ผมพูดหมายความว่าอย่างไร ไม่ได้ไปตัดสินแบบเบ็ดเสร็จว่าพูดแบบนี้เพราะอย่างนี้ ถามว่าเมื่อไหร่ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ ที่ผมเสนอเพราะมีคนถามมาว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย ถ้าคุณเป็นทหารจะรู้ว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนเป็นอย่างไร กลางคืนขอให้ลองไปเดินในป่าดูว่าตรงไหนเป็นเขตประเทศไทยหรือเขตของเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นต้องเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือ จะเป็นรั้วหรืออะไรก็ยังไม่รู้ ต้องไปหามา หรือใครอยากจะซื้ออะไรก็ไปซื้อ ไม่ใช่ว่าผมเสนอเพราะต้องการนำเงินมาซื้อ ขอให้สื่อเขียนอย่างสร้างสรรค์ต่อประเทศชาติ ต่อไปคนไม่ต้องทำงานกัน เนื่องจากเขียนให้คนทำงานหมดกำลังใจและทะเลาะกัน ต่อไปนี้ผมจะคอยดูสื่อฯ ฉบับใด เรื่องใด และคอลัมน์ใด และเมื่อถึงวันที่เกิดความเสียหายประเทศชาติ คนที่เขียนห่วยๆ ต้องรับผิดชอบ” ผบ.ทบ. กล่าว
เมิน ปชป.ให้งดคุยต่อบีอาร์เอ็น
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ยุติการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นรอบ 3 ว่า ถ้าไม่พูดคุย ตนถามว่า จะใช้อะไรต่อ และมีหนทางไหนที่ดีกว่านี้หรือไม่ ในส่วนทหารก็ทำหน้าที่ของทหาร ซึ่งเรายังไม่สามารถป้องกันได้ 100% ตราบใดที่ยังไม่มีการจำกัดเสรีของผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ได้ การที่จะลดสถานการณ์ในพื้นที่นั้นจะต้องฟังความต้องการของประชาชนและเจ้าหน้าที่ และหาสัดส่วนที่เหมาะสมในการปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าตนจะปัดความรับผิดชอบ แต่ความรับผิดชอบต่างๆ อยู่ที่ตนและรัฐบาล ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือ ส่วนกรณีที่ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ขยายรายละเอียด 5 เงื่อนไขผ่านยูทูบรอบ 2 นั้น ต่อให้มี 10 ข้อ ตนก็ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะไม่ได้นำมาปฏิบัติหรือตอบรับ คำตอบมีอยู่แล้วสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้
เห็นด้วยล้อมรั้วแนวชายแดนใต้
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ผบ.ทบ. ได้เสนอล้อมรั้วตลอดแนวชายแดนใต้ ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ยาว 600 กิโลเมตรช่วยป้องกันการลอบขนระเบิดเข้ามาในไทยนั้นว่า เป็นวิธีที่ดี ถ้าได้รับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านยิ่งดี ก็เท่ากับได้กำแพงที่ดี อย่างไรก็ตามทางมาเลเซีย ก็เคยประกาศเจตนารมณ์ที่ช่วยไทยในเรื่องการไม่ให้ที่พักพิงคนร้าย และเรื่องการถือ 2 สัญชาติ แต่ตอนนี้ มาเลเซีย เพิ่งตั้งรัฐบาลใหม่ ยังไม่ถึงเวลาที่จะคุยกัน ถ้าคุยกันอย่างจริงจัง อาจจะไม่ต้องสร้างกำแพง
‘สุกำพล’ ย้ำสิ้นปีนี้สถานการณ์ใต้ดีขึ้น
พล.อ.อ. สุกำพล ยังได้กล่าวถึงการเกิดเหตุรุนแรงในภาคใต้ว่า ภาพรวมเท่าที่ดูหน้าที่ของตำรวจ ทหาร หรือ หน่วยความมั่นคง เป็นเหมือนมีหน้าที่ล่อเป้า ซึ่งต้องทำเพราะมีภารกิจต้องคุ้มครองครู พระ ซึ่งทำเป็นเวลา โอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำมีมาก เพราะแต่ละวันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจจำนวนมากและถ้ากำลังตำรวจ อส.ลงไปช่วย ก็จะเข้มแข็งมากขึ้น ก็พยายามป้องกันไม่ให้เกิด แต่ทางฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ก็เปลี่ยนวิธีอยู่ตลอด ซึ่งทหารมีเป้าหมายที่จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ลดความรุนแรงลง ทั้งนี้ ก็ต้องทำด้วยกฎมายซึ่งทำยากก็ต้องค่อยๆ ทำ และอดทนต้องใช้เวลา อย่าใจร้อน วันนี้จุดแข็งคือชาวบ้านเห็นว่าเราทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขอเวลาอีกสักนิด สิ้นปีก็คงจะดีขึ้น ซึ่งทหารมีแผนและมีตารางเดินของตัวเอง ทหารเป็นฝ่ายสูญเสีย ก็ยังต้องนิ่ง เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่และมั่นใจว่าทำมาถูกทางแล้ว และขอขอบคุณคำแนะนำทั้งหลายที่มีเข้ามาด้วย ส่วนเรื่องการพูดคุยกับขบวนการบีอาร์เอ็น ในวันที่ 13 มิถุนายน นี้ จะต้องพูดคุยกันต่อไป แต่กับทางทหารก็ขนานกันอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกัน ทางกลุ่มที่ไปพูดคุยรู้ว่าจะต้องคุยอย่างไร เพียงแต่ทาง บีอาร์เอ็น มารุกถามก่อน โดยการพูดผ่านยูทูบ ไม่ใช่ว่าทางกลุ่มบีอาร์เอ็น บอกอะไรมาไทยต้องไปสนองทั้งหมด ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่ได้เป็นมวยรองบ่อนขนาดนั้น ต้องค่อยๆ ทำไป และที่ขอมานั้น ถ้าไม่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ก็คงทำให้ไม่ได้
มทภ.4 สั่งตรวจจุดอ่อนแผน รปภ.
ด้าน พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยกองกำลัง ตรวจสอบจุดอ่อนในแผนรักษาความปลอดภัยทุกแผนอย่างละเอียด ตรงไหนเป็นเป้าหมาย เป็นจุดอ่อน ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ลดความเสี่ยงตรงนั้นลง นอกจากนี้ ในช่วงนี้มีกำลังพลบางส่วนเข้ามาในพื้นที่ใหม่ ซึ่งยังขาดประสบการณ์การทำงาน จึงมีการให้ฝึกเพิ่มเติม และให้ทำงานร่วมกับผู้มีประสบการณ์ เพื่อลดการสูญเสียอันเกิดจากความประมาท หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในส่วนของขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังดีอยู่ โดยทางเจ้าหน้าที่ทุกนายเข้าใจในสถานการณ์ดีว่า ทางฝ่ายตรงข้ามต้องการอะไร ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามเต็มที่ในการยับยั้ง และดูความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
“ ภราดร” ชี้เหตุรุนแรงโยงคุย 13 มิ.ย.นี้
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการหารือกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ โดยยอมรับว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกับการหารือดังกล่าว เนื่องจาก ยังมีเครือข่ายของกลุ่มบีอาร์เอ็น บางส่วนที่ไม่ต้องการให้เกิดการหารือระหว่างกัน ซึ่งได้ย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่เคยใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา พร้อมกันนี้ พล.ท.ภราดร ยังกล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะครบกำหนด ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ กอ.รมน.ยังอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์ “ตอนนี้ กระบวนการก่อเหตุกับกระบวนการพิจารณาในพื้นที่ ซึ่งเราจะครบกำหนด พ.ร.ก.ครบกำหนด ในวันที่ 19 มิถุนายน เพื่อจะมีการพิจารณาถึงเรื่องนี้ ใช่ครับ ยังดูในตอนนี้ กำลังดูในทางสถิติแล้ว ก็ดูในเหตุผล ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน.กำลังประเมินให้อยู่” พล.ท.ภราดร กล่าว
ซุ่มยิงทหารปัตตานีดับ 2 นาย
สำหรับเหตุร้ายรายวัน เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 28 พ.ค. พ.ต.อ.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผกก.สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงปะทะกันบริเวณสะพานบ้านลูตง ต.แม่ลาน จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่าสถานการณ์เข้าสู้ภาวะปกติแล้ว และพบว่ามีทหารเสียชีวิต 2 นายจากการปะทะ ทราบชื่อ สิบตรีรณวิทย์ สิงห์สาย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 2 ต.ห้วยหลัว อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร และ อส.ทพ.เกรียงศักดิ์ ธูปพุดซา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 252 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทั้งสองถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าศีรษะและลำตัว ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน เอ็ม 16 จำนวนหลายปลอกตกเกลื่อนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ทหารชุดดังกล่าว เป็นชุดเหยี่ยวราตรี สังกัดกรมทหารพรานที่ 22 โดยมีหน้าที่รับผิดชอบช่วงกลางคืน ส่วนกลางวันจะพัก ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.รณวิทย์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเหยี่ยวราตรี ได้นำกำลัง 5 นาย ใช้รถ จยย.จำนวน 3 คันออกจากฐานปฏิบัติการณ์เพื่อตรวจเส้นทาง รปภ.ครูตามเส้นทางรับผิดชอบ ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุทั้ง 6 นายกำลังขับรถ จยย.เพื่อลอดใต้สะพานเพื่อเดินทางกลับ ได้มีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่ต่ำกว่า 10 คนซุ่มอยู่ 2 จุด คือบริเวณป่าละเมาะใต้สะพาน และบริเวณคอสะพาน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ทันที เจ้าหน้าที่จึงต้องหักหลบลงข้างทางก่อนจะเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ประมาณ 10 นาที จนคนร้ายล่าถอยหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ผบ.ฉก.ปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.บุญสิน พาดกลาง ผบ.ทพ.ปัตตานี 22 ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุทันที พร้อมกับกระจายเป็น 10 ชุด ออกไล่ล่าคนร้ายตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งเขตรอยต่อ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.เมือง พร้อมกันนี้ได้มีการประสานหน่วยกำลังใกล้เคียงสกัดตามเส้นทางทุกพื้นที่พร้อมกับสนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้นอีกหลายจุด เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มแนวร่วมในหลายพื้นที่ ได้มีการวางแผนก่อนล่วงหน้า และรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ จึงฉวยโอกาสก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์
ยิงชาวบ้านดับ 1 ศพ ขณะกรีดยาง
ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 06.50 น. วันเดียวกันนี้ ร.ต.ท.มารุจ นิลโกศรี ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดในสวนยางพารา บ.รือเสาะ ต.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ พ.ท.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 นายศศิพงศ์ ชูเชิด ปลัด อ.รือเสาะ ร.ต.ต.แซน วรงคไพสิฐ รองสารวัตรชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และกองวิทยาการ จ.นราธิวาส กำลังตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่ภายในสวนยางพารา ในสภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.เข้าที่หน้าอก 2 นัดและโคนขาอีก 1 นัด ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวน 3 ปลอก พร้อมกองเลือดจำนวนหนึ่ง จากการสอบสวน นายมะ ดอมิง เพื่อนบ้านที่กรีดยางอยู่ในสวนใกล้กันทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเดินทางออกจากบ้านพักเพื่อไปกรีดยางพาราในสวนยางพาราจุดเกิดเหตุ และในขณะที่กำลังกรีดยางอยู่นั้นได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ในป่า ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ผู้ตายจำนวน 3 นัด จนผู้ตายล้มทั้งยืนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดีในพื้นที่
ส่ง ส.ต.ต. 599 นาย ผ่านอบรมสู้โจรใต้
วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุมยะลารวมใจ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในพิธีประดับยศ “สิบตำรวจตรี” และมอบประกาศนียบัตรแก่บุคคลภายนอกผู้มีคุณวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรการฝึกอบรมนักเรียนนายสิบตำรวจ (พิเศษ) จากศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 599 นาย โดยมีผู้บังคับบัญชา และข้าราชการตำรวจจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี
พล.ต.ท.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อนุมัติให้ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกผู้มีคุณวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) สอบบรรจุแข่งขันเพื่อเข้าอบรมหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจ (พิเศษ) กลุ่มสายงานป้องกันและปราบปราม จำนวน 1,893 นาย โดยใช้สถานที่ฝึกอบรมตามหน่วยต่างๆ ประมาณ 6 เดือนนั้น สำหรับในส่วนของศูนย์ฝึกอบรมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวจำนวน 599 นาย จึงได้จัดให้มีพิธีประดับยศและมอบประกาศนียบัตรในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากำลังพลเหล่านี้จะไปเป็นกำลังเสริมในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่ 3 จชต.ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ชี้ล้อมรั้วชายแดนใต้ลดลักลอบสิ่งผิด กม.
ต่อมา พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีการเพิ่มความเข้มงวดตามบริเวณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ว่า การทำรั้วตามแนวชายแดนก็จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่สามารถจะช่วยให้การข้ามไป-มาของประชาชน มีระเบียบและถูกกฏหมายตามที่ควรจะเป็นมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยจะช่วยเสริมทดแทนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีจำนวนจำกัด และมีภาระงานมาก ที่สำคัญยังจะสามารถควบคุมการเข้าออกของบุคคลได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะสามารถจำกัดเสรีการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ฝ่ายความมั่นคงได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอนี้ไว้กับรัฐบาลแล้ว ส่วนในอนาคตการจะดำเนินการต่อเรื่องนี้หรือไม่อย่างไรนั้น น่าจะเป็นการพิจารณาต่อไปในระดับรัฐบาล
ชี้แถลง “บีอาร์เอ็น” หนสอง เนื้อหาเก่า
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงคำแถลงของ ฮัจญี อาดัม มูฮัมมัด นรู หนึ่งในตัวแทนบีอาร์เอ็น แถลงผ่านยูทูบว่า การแถลงครั้งนี้มีเนื้อหาเหมือนเดิมโดยการใช้ศัพท์คำพูดเป็นลักษณะวาทกรรมที่นำเสนอผ่านสื่อเพื่อชี้นำสังคมให้เห็นถึงเหตุผลความชอบธรรมในมุมมองของฝ่ายตน โดยยังปราศจากรายละเอียดข้อพิสูจน์สนับสนุน โดยเฉพาะเรื่องเงื่อนไขสาเหตุ เป็นเนื้อหาและข้อมูลเดิมที่มักถูกนำมากล่าวอ้างอยู่เสมอ อย่างไรตาม คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่ได้มีความรู้สึกถึงความขัดแย้งใด มีแต่แสดงออกว่าไม่ได้เห็นด้วยต่อแนวทางวิธีการ โดยเฉพาะความโหดร้าย การใช้ความรุนแรง และการไม่เคารพกฎหมายของทุกกลุ่ม สำหรับการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มต่างๆ โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ถือว่าเป็นการดำเนินการตามกลุ่มงานสร้างสภาวะเกื้อกูลแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง โดยสามารถทำได้กับทุกกลุ่มเพื่อลดความรุนแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทยที่ได้บัญญัติไว้แล้วว่าประเทศไทยจะแบ่งแยกไม่ได้
รดน้ำศพทหารกล้าเหยื่อบึ้ม
วันเดียวกันนี้ ที่วัดสุวรรณากร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ต.เบ็ญจรงค์ เจริญพร รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ อส.ทพ.ธวัชชัย จันทร์แดง อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ทหาร ชุดร้อย ทพ.4205 สังกัดกรมทหารพรานที่ 42 ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในขณะรักษาความปลอดภัยครูและนักเรียนภายในโรงเรียนบ้านกะลาพอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตรวม 2 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยประธานในพิธี เป็นตัวแทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก วางพวงหรีดหน้าศพของทหารกล้า จากนั้นหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ร่วมวางพวงหรีดเพื่อแสดงถึงความเสียใจและสรรเสริญสดุดีถึงความเสียสละของทหารกล้าผู้วายชน จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาและเหรียญบางระจันเชิดชูเกียรติให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับอีกหลายหน่วยงาน ต่างมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต หลังจากเสร็จพิธีรดน้ำศพ เจ้าหน้าที่จะทำการเคลื่อนศพเดินทางไปยังท่าอากาศยานสนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก เพื่อทำพิธีส่งศพด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยศพของ อส.ทพ.ธวัชชัย จันทร์แดง จะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดชุมทอง บ.ภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง อ.สุคีริน จ.นราธิวาส โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 31 พ.ค.56 ส่วนศพของ อส.ทพ.ประสงค์ ซาหีมซา อายุ 33 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกัน ทางญาติได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามยังบ้านเกิดแล้วที่ อ.เทพา จ.สงขลา โดยจะมีพิธีพระราชทานดินฝั่งศพในวันที่ 5 มิถุนายน 56 ที่จะถึงนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น