วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รุมจวก-ไอซีทีปกป้องปูปิดเว็บด่านาย ม็อบเเดงไล่ศาลรธน.ปูทางลง8พ.ค.มาไม่ถึงเเสน-เลิกชุมนุม เมื่อ 7 พ.ค.56




รุมจวก-ไอซีทีปกป้องปูปิดเว็บด่านาย

ม็อบเเดงไล่ศาลรธน.ปูทางลง8พ.ค.มาไม่ถึงเเสน-เลิกชุมนุม

“ปชป.” รุมจวกไอซีที ลุอำนาจไล่ปิดเว็บวิพากษ์นายกฯ ปู ฉะมีหน้าที่แค่เฝ้าระวัง-รับเรื่องร้องเรียน ยันคำสั่งปิดต้องอำนาจศาลเท่านั้น เย้ยอนุดิษฐ์ปล่อยไก่อย่างน่าเวทนา ขณะที่ “มาร์ค” ตอกพฤติกรรมรัฐบาลสวนทางประชาธิปไตย ด้าน “ส.ว.สมชาย” ไล่ไอซีทีฟันเว็บหมิ่นสถาบัน ฉะผลาญงบติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทค 500 ล้าน ทำอะไรได้บ้าง ส่วน “กก.สิทธิฯ” ติงไอซีทีใช้อำนาจเกินขอบเขต-ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ปชช. สอนมวยปู เป็นผู้นำต้องยอมรับคำวิพากษ์ นำมาปรับปรุงการทำงาน ขณะที่ “อนุดิษฐ์” เดินหน้าแอ็กชั่น ป้องนายกฯ ปู ลั่นฟันคนโพสต์ด่าทุกคน ปัดเลือกปฏิบัติ อ้างระดับผู้นำประเทศยอมไม่ได้ ขู่ผิดอาญาโทษถึงคุก 1 ปี ด้าน “ม็อบแดง” ไล่ศาล รธน.ส่อถอย แย้ม 8 พ.ค. ไม่ถึงแสนยุติชุมนุม ย้ำ “จรัญ” ศัตรูอันดับ 1 ลั่นลุยทุก สน. ฟ้องเอาผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วน “พท.” ปัดพัลวัลขนมวลชนร่วมม็อบแดงไล่ศาล 8 พ.ค. โวยฝ่ายตรงข้ามปล่อยข่าวหวังผลทางการเมือง ขณะที่ “จรัญ” ไม่หวั่นม็อบแดงประกาศไล่ล่า-ศัตรูอันดับ 1 ยันขอใช้ธรรมะสยบ เชื่อกฎแห่งกรรมมีจริง แจงรู้หมดคนชักใยเคลื่อนไหว
“ม็อบแดง” ปักหลักไล่ศาล รธน.
เมื่อวันที่ 6 พ.ค.56 เวลา 11.00 น. ที่บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) นำโดยนายชาญ ไชยะ หรือหนุ่ม โคราช รองประธาน กวป. และนายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. ยังคงปักหลักชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 เพื่อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนยุติบทบาทหน้าที่ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทั้งนี้ กวป.ได้แถลงการณ์ยืนยันว่าจะยังปักหลักชุมนุมบริเวณด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญต่อไปจนกว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน จะยุติการทำหน้าที่โดยเด็ดขาด
ลั่น 8 พ.ค. ม็อบไม่ถึงแสนยุติชุมนุม
นายชาญ กล่าวว่า การนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 8 พ.ค. หน้าศาลรัฐธรรมนูญ มีการตอบรับกลับมาแล้ว 37 จังหวัด แต่ละจังหวัดคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาเข้าร่วมจังหวัดละ 1-2 หมื่นคน จะเดินทางมาถึงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ บริเวณศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะกันในช่วงเย็นของวันที่ 7 พ.ค. มั่นใจว่าจะมีประชาชนมาชุมนุมบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนมากตามที่ได้คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ขอบคุณประชาชนทุกคนที่เสียสละเวลามาร่วมชุมนุมต่อสู้ ทาง กวป.ได้รับแรงกดดันจากทุกด้านให้ยุติการชุมนุม แต่ กวป.ของฝืนมติ เพราะพวกเรามาจากภาคประชาชนและเป็นการชุมนุมโดยสงบ อย่างไรก็ตามในวันที่ 8 พ.ค.นี้ จะเป็นวันชี้ชะตาการชุมนุมของ กวป. ถ้าประชาชนมาร่วมชุมนุมถึง 1 แสนคน พวกเราจะชุมนุมต่อ แต่หากมาไม่ถึง 1 แสนคน ทาง กวป.ก็จะยุติการชุมนุมและยุติบทบาทลงทันที
ขู่แจ้งความเอาผิด “จรัญ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดชุมนุมใหญ่ของ กวป. ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ จะมีการรวมพลชุมนุมใหญ่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นในเวลา 10.00 น. จะเคลื่อนขบวนผ่านถนนพหลโยธิน ระหว่างทางจะเข้าแจ้งความ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกับสถานีตำรวจทุกสถานี แล้วเคลื่อนขบวนให้ไปยังหน้ารัฐสภา เพื่อยื่นหนังสื่อถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เรียกร้องให้ปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่รับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้สั่งการไปยังสำนักงบประมาณให้ทำการหยุดจ่ายเงินเดือนแก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และถ้ายังไม่มีการหยุดจ่ายเงินเดือนตามที่เรียกร้อง จะเดินทางไปปิดล้อมสำนักงานสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อกดดันให้หยุดจ่ายเงินเดือนแก่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
พท.ปัดขนมวลชนร่วมม็อบแดง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีการปล่อยข่าวว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ตลอดจน ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน จะสนับสนุนมวลชนมาร่วมชุมนุม ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เชื่อว่าคนปล่อยข่าวเป็นพวกฝ่ายตรงข้ามหน้าเดิมที่หวังผลทางการเมือง สร้างความสับสนให้ประชาชน วันนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้มีมาตรการตอบโต้ตามวิถีทางการเมือง ในเวทีรัฐสภา ส่วนการชุมนุมเป็นเรื่องของประชาชน ซึ่งสามารถทำได้แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ขอย้ำว่าไม่มีใครไปให้ท้ายรู้เห็นเป็นใจ อย่าพยายามโยงให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามาเกี่ยวข้องโดยปราศจากหลักฐาน เชื่อว่าการยกระดับการชุมนุมของ กวป.จะไม่มีความรุนแรงใดๆ เพราะการชุมนุมที่ผ่านมาล้วนสงบเรียบร้อยดี อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลการชุมนุมให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ถ้ามีคนมาชุมนุมมาก ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่อย่างเพียงพอ วันนี้เราไม่ห่วงการชุมนุมของ กวป. แต่ห่วงเรื่องของมือที่ 3 จะเข้ามายั่วยุ หรือสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดปัญหา
ย้ำ 312 ส.ส.-ส.ว.ไม่เข้าแจงศาล
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า 312 ส.ส. และ ส.ว. จะไม่เข้าไปชี้แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าผิด รธน. ม. 68 หรือไม่ ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ เพราะส่วนตัวเห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำถูกต้องแล้ว และมาตรา 68 ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด เหมือนกับที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต และเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ตีความ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะตีความออกมาอย่างไร คงไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ เพราะต้องแล้วแต่ศาลพิจารณา และหากต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเองถูกต้อง ก็ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ
ตอกมาร์คก้าวไม่พ้น-ตามไม่ทันแม้ว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า การดำเนินการของรัฐบาลปัจจุบัน และคนเสื้อแดง เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณให้ดำเนินการขั้นแตกหัก และบอกว่าความวุ่นวายทางการเมืองปัจจุบันเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ และว่า จะเลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่สามารถล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณได้นั้น ตนเห็นด้วยกับนายอลงกรณ์ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ก้าวไม่ข้ามและตามไม่ทัน พ.ต.ท.ทักษิณ และก็ไม่เหนือความคาดหมายว่านายอภิสิทธิ์จะโยนความผิดทุกอย่างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่เคยดูการกระทำของตัวเองว่าเป็นเหตุให้เกิดปัญหา และทำลายความมั่นคงทางการเมืองของประเทศมาอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอตการเลือกตั้งปี 2548 และท่าทีในการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7 ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ที่นำสู่วิกฤติทางการเมืองก่อนรัฐประหาร นายอภิสิทธิ์อย่าดูหมิ่นสติปัญญาของคนไทย ว่าปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความวุ่นวายของประเทศเกิดขึ้นจากฝ่ายมือที่มองไม่เห็น ไปทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ และใช้กลไกทุกอย่างทำลายฝ่ายตรงกันข้าม โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม หลักประชาธิปไตย และผลการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ไม่บอกอะไรนายอภิสิทธิ์บ้างเลยหรือ ว่าทำไมประชาชนจึงได้สนับสนุนฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้เสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด การที่นายอภิสิทธิ์พูดว่า เลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่สามารถล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายอภิสิทธิ์ควรรู้ว่า ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารนั้นเกิดจากการสอบสวนของ คตส. ที่คณะรัฐประหารตั้งฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นกรรมการ ซึ่งล้วนขัดหลักนิติธรรมทั้งสิ้น ทีตัวเองถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นนายกฯ สองสัญชาติ ใช้เอกสารปลอมในการเข้ารับราชการทหาร และก่อให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตหลายคน ก็บอกว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตั้งข้อกล่าวหาหลังรัฐประหาร ก็บอกว่าชอบธรรมแล้ว นี่คือความเลวร้ายของระบบอภิสิทธิ์ชนที่นายอภิสิทธิ์ควรรู้
“จรัญ” เหน็บเชื่อในผลกรรม
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่กลุ่มคนเสื้อแดงยกระดับการชุมนุม โดยจะเริ่มจากกดดันตนก่อนนั้นไม่ได้สนใจต่อข่าวที่เกิดขึ้น ส่วนที่จะขับไล่จนไม่ให้มีแผ่นดินอยู่นั้น เรื่องนี้ก็ปล่อยกันไป ไม่อยากไปทะเลาะกับเขา การที่คนกลุ่มนี้กร้าวออกมาขับไล่ตุลาการ ก็ต้องไปถามเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือไม่ จะมาถามตนในฐานะผู้เสียหายได้ไง อย่าให้ตนต้องไปฟ้องร้องประชาชน เราจะไปฟ้องร้องประชาชนได้อย่างไร ส่วนทางกฎหมายก็ว่ากันไป แต่คนที่ถูกดูหมิ่นใครควรจะต้องเป็นผู้ที่ชี้แจงกับสังคม อย่าให้ตนออกไปทะเลาะกับประชาชนเลย เขาทำอะไรอย่างไร สังคมเข้าใจและมั่นใจว่าสุจริตชนในประเทศไทยมีสติปัญหาพอที่จะวิเคราะห์ได้ ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าให้ตนต้องลงไปทะเลาะกับเขาเลย อย่าต้องดึงตนลงไปเลย จะเหมือนเอาน้ำไปสาดกัน ใครทำอะไรทุกคนต้องรับผิดชอบในผลกรรมที่ทำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงไปทะเลาะเบาะแว้ง และในเรื่องนี้ก็ทราบกันอยู่ว่าคนเหล่านี้ที่ออกมามีใครอยู่เบื้องหลัง ตนไม่อยากไปฟาดหรือบาดหมาง ตนไม่อยากหนักข้อ คนพวกนี้ทำเพื่ออะไร ก็ขอร้องอย่าเอาตนไปเป็นเหยื่อเลย ส่วนคนที่มาให้กำลังใจก็ไม่ได้ช่วยให้เราดีเด่นขึ้น คนที่ทำร้ายเราด่าเราก็ไม่ทำให้เราเลวลง กรรมคือการกระทำของเราที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าเราดีหรือเลวลง อย่าหวั่นไหวกับคำชมกับเสียงด่า ทั้งสรรเสริญแล้วนิทนาเป็นโลกธรรม ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่มีสาระแก่นสารอะไร และการกระทำของเขาอย่าทำให้เราผลัดตกลงไปในอกุศล สิ่งยึดเหนี่ยวใจ คิดอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้นไม่มีอะไรยอกย้อน
ส.ว.จี้งัด กม.ความมั่นคงคุมม็อบแดง
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเล็กเพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อให้อำนาจฝ่ายความมั่นคงเข้ามาควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงในนามกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ที่ประกาศว่าจะระดมคนเพื่อปิดล้อมศูนย์ราชการในวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเคยประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงจัดการกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มาแล้ว โดยครั้งนั้นรัฐบาลแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแลสถานการณ์ พร้อมกับระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศกว่า 5 หมื่นนายเข้ามาคุมพื้นที่ และที่สำคัญมีการใช้แก๊สน้ำตาจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยครั้งนี้เห็นว่าการประกาศท่าทีของคนเสื้อแดงได้เข้าลักษณะเดียวกับตอนที่องค์การพิทักษ์สยามประกาศชุมนุมใหญ่เมื่อปลายปี 2555 ดังนั้นรัฐบาลควรจะดำเนินการใช้กฎหมายความมั่นคงเช่นเดียวกับที่ใช้กับองค์การพิทักษ์สยาม ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการกับคนเสื้อแดงด้วยการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อาจถูกมองได้ว่ามีการกระทำที่เป็นสองมาตรฐาน หรือหากรัฐบาลไม่คิดจะใช้กฎหมายฉบับนี้ควบคุมการชุมนุมคนเสื้อแดงจริงๆ ก็ขอให้บอกว่าตามตรงว่าม็อบเสื้อแดงครั้งนี้มีจำนวนไม่มาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายดังกล่าว
“นายกฯ ปู” พักผ่อนกับครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศบริเวณหน้าบ้านพัก ซ.โยธินพัฒนา 3 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีสื่อมวลชนบางส่วนรอติดตามความเคลื่อนไหว ขณะที่นายกรัฐมนตรียังคงพักผ่อนภายในบ้านพักกับครอบครัว โดยยังไม่มีภารกิจใดๆ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยบริเวณบ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยตามปกติ
ยืนกราน “ปู” ไม่ต้องขอโทษปาฐกถา
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และลูกพรรค รวมทั้งวุฒิสมาชิกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ออกมาเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอโทษเรื่องการแสดงปาฐกถาที่มองโกเลียนั้น ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ขนาดอดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยสั่งฆ่าประชาชน ก็ยังไม่เคยออกมาขอโทษประชาชนเลยแม้แต่คำเดียว แล้วทำไมท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์จะต้องขอโทษด้วย ในเมื่อสิ่งที่ท่านนายกฯ กล่าวบนเวทีเป็นเรื่องจริง และไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหาย แต่ทำให้ประชาคมโลกเข้าใจตรงกันว่า ประเทศไทยมีความตั้งใจจริงในการเดินหน้าพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้เป็นการบอกกับโลกว่า คนไทยไม่อยากเห็นการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอีก จึงเป็นธรรมดาที่กลุ่มคนซึ่งได้รับประโยชน์จากการยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร ย่อมต้องไม่พอใจและเดือดร้อนกับคำกล่าวของท่านนายกฯ แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปที่รักประชาธิปไตย และคนที่ไม่หลอกตัวเองต่างก็สนับสนุนและชื่นชมจุดยืนของท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลไทยด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์จะต้องออกมาขอโทษ ในเมื่ออดีตนายกฯ ที่มือเปื้อนเลือดจากการสั่งฆ่าประชาชน ยังไม่เคยขอโทษประชาชนแม้แต่คำเดียว แต่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์แค่พูดความจริง ไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหายทำไมต้องขอโทษด้วย จะให้ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปขอโทษฆาตกรอย่างนั้นหรือ
อ้างมีขบวนการล้มรัฐบาล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล มุ่งโจมตีการไปปาฐกถาที่เวทีการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย ของนายกรัฐมนตรี เพราะแสดงให้โลกได้รับรู้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศ ไม่ได้มีการบิดเบือน อย่างที่มีบางกลุ่มพยายามบิดเบือน ดังนั้น ถ้าหากมีเวทีประชาธิปไตยอีก นายกรัฐมนตรีก็ควรไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงมีกระบวนการจ้องล้มอำนาจของรัฐบาล โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องไปชี้แจง คณะกรรมาธิการวุฒิสภาทั้ง 4 คณะ เพราะ ส.ว.ทั้ง 58 คน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ปชป.ร่อนแถลงการณ์ฟ้องโลก 7 พ.ค.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แถลงการณ์ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งที่มองโกเลีย ในวันที่ 7 พ.ค. 56 โดยจะมีการทำแถลงการณ์เป็นสองภาษาคือทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ซึ่งสาระสำคัญจะอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระบวนการทางการเมืองและประชาธิปไตยตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี การได้สัมปทานในสมัยรัฐบาลที่เกิดจากการรัฐประหาร ร่ำรวยจากการได้สัมปทานในช่วงเผด็จการ การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ทุจริตคอรัปชั่น แก้กฎหมายเอื้อทุจริตครอบครัว และการปราบปรามยาเสพติดที่ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ รวมถึงพฤติกรรมแทรกแซงองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ถ่วงดุลย์แต่อ่อนแอลงอย่างมาก เป็นที่มาของการต่อต้าน ช่วงปลายทักษิณ 1 ถึงทักษิณ 2 การปฏิวัติเกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรักษาการนายกฯ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี และหลังการรัฐประหาร มีรัฐบาลที่นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับไทยสู้คดีที่ดินรัชดา จากนั้นหนีคดีก่อนมีคำตัดสินจำคุก 2 ปี นอกจากนี้เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศ มีการปลุกระดมมวลชน ใช้กองกำลังติดอาวุธ คุกคามประชาชน และประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 และจนถึงปัจจุบันคนเสื้อแดงก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมคุกคามผู้ที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ พรรคการเมือง หรือภาคประชาชนที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาล
ลั่นลากไส้ทักษิณช่วงครองอำนาจ
ด้านนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แถลงการณ์ของพรรคเป็นการลำดับเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่การเมือง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้ประชาคมโลก ตอบโต้การบิดเบือนข้อเท็จจริงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อูลันบาตอ โดยขั้นตอนการดำเนินการคือ จะมีหนังสือส่งแถลงการณ์ไปยังคณะทูตในประเทศไทยและสหประชาชาติ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เอ็นจีโอต่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย และหอการค้าต่างประเทศในไทยทั้งหมด ส่วนในต่างประเทศจะแจ้งไปที่เลขาธิการองค์กรประชาคมประชาธิปไตยที่จัดประชุมใหญ่ที่อูลันบาตอ โดยมีสำนักงานใหญ่ที่โปแลนด์และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.56) จะเริ่มส่งไปยังองค์กรระหว่างประเทศและขอให้มีการส่งเป็นจดหมายเวียนไปยังประเทศสมาชิกด้วย รวมถึงองค์กรพรรคการเมือง คณะมนตรีว่าด้วยนักเสรีนิยมและประชาธิปไตย ที่ประชุมพรรคการเมืองทุกอุดมการณ์ของประเทศในเอเชียแปซิฟิก
“อภิสิทธิ์” จวกรัฐบาลไม่เป็น ปชต.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในทางลบ เพราะรัฐบาลที่มาจากกลุ่มคนที่บอกว่า กฎหมายความผิดทางคอมพิวเตอร์ เป็นกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และแม้จะมีการส่งข้อความหรือโพสต์ข้อความที่เป็นการผิดกฎหมาย เช่น มาตรา 112 ก็ยังมีการโวยวายว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ข้อเท็จจริงผู้ใดจะละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มิได้ แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกลับพยายามจะเอากฎหมายตัวนี้มาใช้ ซึ่งตนคิดว่าสวนทางกับคำพูดประชาธิปไตยที่มองโกเลียของนายกรัฐมนตรี ขณะที่ต่างประเทศคงจับตาดูว่าทำไมรัฐบาลนี้เข้มงวดกวดขันกับการสื่อสารที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งถือว่าไม่ใช่หลักประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามต้องดูว่าเมื่อไอซีทีและกรณีที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการเรียกร้องกับ กสทช. ก็ต้องติดตามว่าการที่ปากพูดว่าประชาธิปไตย ใจและพฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง
ฉะไอซีทีลุอำนาจขู่ปิดเว็บวิพากษ์ปู
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สั่งห้ามวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และจะปิดเว็บไซต์นั้นทันที ถือเป็นการปล่อยไก่อย่างน่าเวทนา เพราะตามกฎหมาย กระทรวงไอซีทีมีหน้าที่เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนตรวจสอบรักษากฎหมายในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน คือรัฐมนตรีไอซีทีต้องเป็นผู้นำเสนอศาลออกคำสั่งปิดกั้นหรือปิดเว็บไซต์ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถสั่งปิดได้ทันที นอกจากนี้ การกระทำที่จะถือเป็นความผิดและผู้กระทำต้องรับโทษทางอาญา คือ การกระทำที่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดและได้กำหนดโทษของการกระทำเอาไว้ คือ ในส่วนของหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ในมาตรา 326 และ มาตรา 328 คือผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ต้องพิสูจน์ว่าได้หมิ่นประมาทหรือไม่จนสิ้นความในชั้นศาลเสียก่อนด้วย ส่วนการที่สื่อมวลชน ประชาชน สังคมในโซเชียลเน็ตเวิร์ค แสดงความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ ถือเป็นสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองในการตรวจสอบสะท้อนความคิดเห็นอันพึงกระทำได้ แต่ถ้าข้อความคำพูดใดที่เห็นว่าเข้าข่ายล่วงล้ำถึงขั้นละเมิดหรือหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไปใช้สิทธิ์พลเมืองแจ้งความดำเนินคดีได้ ไม่มีสิทธิ์เหนือคนอื่นไปกระทำเกินกว่ากฎหมายกำหนดให้ได้ ทั้งนี้ กลางเดือนพฤษภาคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้นัดไปให้ข้อมูลเรื่องร้องค้างไว้กรณีที่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรัฐบาลนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้นหรือปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน จาบจ้วงสถาบัน ด่าทอสถาบันอย่างกว้างขวาง จึงอยากเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปดีเอสไอพร้อมกัน หรือรัฐมนตรีไอซีทีจะไปด้วยเลยยิ่งดี จะได้รู้เห็นว่าเว็บหมิ่นที่ตัวเองละเว้นไม่ลงมือทันที วันนี้มันขยายไปกว้างขนาดไหน
ไล่ไอซีทีฟันเว็บหมิ่นสถาบัน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากฝากไปยัง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เร่งจัดการกับผู้ดำเนินการเผยแพร่ข้อความและรูปภาพที่มีลักษณะดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ประกาศจะจัดการเฉพาะเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไอซีทีได้ขอจัดสรรงบประมาณไปมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขอติดตั้งอุปกรณ์จัดการกับผู้กระทำความผิด จึงอยากถามว่าปัจจุบันได้ดำเนินการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงไหนแล้ว
กก.สิทธิฯ ติงไอซีทีใช้อำนาจเกินขอบ
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ในสังคมระบอบประชาธิปไตยประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์บุคคลต่างๆ ได้ โดยต้องอยู่บนกรอบของกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารประเทศจึงถือเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้นนายกฯ ควรที่จะใช้โอกาสนี้นำเอาคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น รัฐมนตรีหรือผู้บริหาร ควรที่จะยอมรับการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพราะหากการวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย โดยที่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ก็สามารถทำได้ แต่หากการวิพากษ์วิจารณ์กระทบสิทธิหรือเป็นการพูดความเท็จ นายกฯ ก็สามารถยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ตามกระบวนการของกฎหมายได้เช่นกัน หน่วยงานรัฐหรือฝ่ายบริหาร ไม่ควรที่จะใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต ในการห้ามปรามการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในสังคมประชาธิปไตย เพราะถือเป็นการตัดสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชน
“อนุดิษฐ์” เดินหน้าเอาผิด
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า การดำเนินการกับผู้โพสต์ข้อความหมิ่นฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามเว็บไซต์นั้น ขณะนี้กระทรวงไอซีทีดำเนินการร่วมกับ สำนักป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ติดตามผู้โพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นประมาท โดยหากใช้ชื่อจริง สามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากใช้นามแฝงต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีที่ต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทุกคน การดำเนินการเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ไม่ได้เป็นกรณีที่กระทรวงไอซีทีดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมากรณีที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องเว็บหมิ่นฯ เรื่องพนัน และยาเสพติด ก็มีผลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความสนใจเท่ากรณีนายกฯ การหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่ถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ พี่สาว น้องสาว อา หรือใครก็แล้วแต่ ย่อมได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม และเป็นภัยที่ต้องเอาผิดกับผู้กระทำ เพราะเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่เฉพาะกรณีของนายกฯ เท่านั้น แต่เรื่องของท่านนายกฯ เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ
ปัดเลือกปฏิบัติ
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของไอซีที เรื่องนายกฯ ที่รวดเร็วกว่ากรณีอื่นๆ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นถึงระดับผู้นำของประเทศ และยังมีการใช้ข้อความดูหมิ่น ดูแคลน ซึ่งกระทรวงไอซีทีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว หากประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ในลักษณะหมิ่นประมาท สามารถแจ้งความดำเนินคดีและร้องเรียนมาที่กระทรวงไอซีทีได้ สำหรับโทษของการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ด่าว่าร้ายผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายทางเว็บไซต์จะเข้าข่ายมีความผิดข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 326 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม รมว.ไอซีที ยังกล่าวถึงกรณีที่เมื่อวานที่ผ่านมา มีการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เพื่อหารือภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ส่งตัวแทน มอบหมายให้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ให้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดคดีหมิ่นประมาทและผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับ “ชัย ราชวัตร” คอลัมนิสต์และนักเขียนการ์ตูนชื่อดังของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า ส่วนตัวไม่ได้เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ในชุดดังกล่าว จึงไม่ทราบผลสรุป แต่ก็มีความเห็นว่าควรที่จะดำเนินการไปตามกฎหมาย
วันที่ 7/05/2556 เวลา 6:40 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น