เสื้อแดงปลุกม็อบ 8 พค. ลุกฮือไล่ศาล รธน.
เด้งรับคำบัญชาทักษิณเพื่อไทยเดินหน้าฉบับเฉลิม
การเมืองร้อนฉ่า “ม็อบแดง” ประกาศยกระดับชุมนุมสมบรูณ์แบบ สั่งระดมพล 1 แสน แตกหัก 9 ตุลาการ รธน. 8 พ.ค.นี้ ขณะที่ “ศาล รธน.” รับคำร้องสมเจตน์ ปม ม. 68 เพิ่มอีก พร้อมยอมขยายเวลาชี้แจง 312 ส.ส.-ส.ว. ด้าน “พท.” ย้ำไม่รับอำนาจศาล รธน. เตรียมร่อนจดหมายเปิดผนึก 3 พ.ค.นี้ รับลูกนายใหญ่ จ่อแปลงร่างนิรโทษฉบับวรชัย ดึงปรองดองฉบับเหลิมศึกษาควบคู่ ส่วน “มาร์ค” เชื่อสองพี่น้องชินวัตรส่งสัญญาณชัดลุยแน่ แก้ รธน.-นิรโทษ จวกหวังล้างผิดตัวเอง-ทวงเงิน 4.6 หมื่นล้านคืน ลั่นขวางไม่ให้ไปถึงสุดซอยแน่ เผย จม.เปิดผนึกฟ้องโลก ไม่เกิน 2 วันเสร็จแน่ ขณะที่ รัฐบาล โต้ ยันนายกฯ ปูแสดงจุดยืนประชาธิปไตย หยันก้าวไม่ข้าม-คิดไม่ทัน ตอกร้อนตัวทำจดหมายแจงนานาชาติ หลังเถลิงอำนาจโดยวิธีการไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย
ศาล รธน.ถกปม แก้ รธน.ขัด ม.68
วันที่ 1 พ.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อาคารเอ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุม เพื่อพิจารณาคำร้อง จำนวน 4 คำร้อง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ภายหลังครบ 15 วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 312 คน ส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหามายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ผู้ถูกร้องกลับอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และไม่มีการดำเนินการส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ที่ประชุมตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ยังพิจารณาคำร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102 (6) หรือไม่ หลังจากที่กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งถอดยศ ร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ ไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ข่าว ว่าจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (หลังเดิม) ที่อาคารบ้านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ เขตพระนคร เป็นสถานที่ประชุมในวันนี้ แต่ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ให้กลับมาใช้อาคารสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (หลังใหม่) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ดังเดิม
เลื่อนเชือด “มาร์ค” ปมหนีทหาร
ภายหลังการประชุม นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมตุลาการฯ ได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของ ส.ส. จำนวน 134 คน ที่อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 91 ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ว่า ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102 (6) หรือไม่ เนื่องจากกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ ออกจากราชการ เป็นนายทหารกองหนุน ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะตุลาการฯ ได้พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและการพิจารณายังไม่ได้ข้อยุติ จึงขอให้เลื่อนการพิจารณาคำร้องดังกล่าวออกไปในการประชุมครั้งต่อไป ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
ขยายเวลาชี้แจง ม.68
นายพิมล กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้มีการพิจารณาคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และคำร้องของนายบวร ยสินธร แกนนำกลุ่มราษฎรอาสา ที่ให้ศาลวินิจฉัยการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภา รวม 312 คน ที่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่าเป็นการตัดสิทธิ์ประชาชนในการร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งที่ศาลได้ทำสำเนาไปยัง ส.ส.และ ส.ว. เพื่อให้ส่งหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะอ้างว่าไม่มีการจัดส่งหนังสือเนื่องจากปิดสมัยประชุมไม่ได้ แต่ทั้งนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อนุญาตตามคำขอของ ส.ว. ทั้ง 46 ที่ขอขยายเวลาชี้แจงข้อกล่าวหา ไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค. หากยังไม่มีการชี้แจง ถือว่าไม่ติดใจในเรื่องนี้ พร้อมกันนี้ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 รับคำร้องของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ที่ให้วินิจฉัยการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภา รวม 312 คน ที่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่ยังไม่มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวตามคำร้อง เพราะยังไม่มีเหตุเพียงพอ ส่วนจะมีการรวมพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับมาตรา 68 ในคราวเดียวกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจขององค์คณะตุลาการ อย่างไรก็ตาม การประชุมในวันนี้ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเนื่องจากลาป่วย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับแรงกดดันจากกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด โดยมอบหมายให้นายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ในที่ประชุมแทน และการประชุมในวันนี้คณะตุลาการไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง และกระแสการกดดันในการทำหน้าที่แต่อย่างใด
แดงนัดรวมพล 1 แสน 8 พ.ค.นี้
ขณะที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีผู้ชุมนุมต่างทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล จำนวน 1 กองร้อย ผลัดกันทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยรอบ อย่างไรก็ตาม มีผู้ชุมนุมได้นำป้ายข้อความมาติดบริเวณแผงกั้นเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามายังตัวอาคารของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้น เวลา 11.00 น. นายชาญ ไชยะ หรือ หนุ่ม โคราช แกนนำกลุ่ม กวป. และนายศรรัก มาลัยทอง โฆษก กวป. ได้แถลงข่าวว่า เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน มีความนิ่งเฉย จึงประกาศขอยกระดับการชุมนุม และล้มล้างมาตรา 309 ที่เป็นกฎหมายการป้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ได้ครบกำหนดเงื่อนไขเวลา 24 ชม. คณะตุลาการฯ ยังคงไม่มีคำตอบให้แก่ประชาชน ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญไม่มารับหนังสือของกลุ่ม กวป. ดังนั้นจึงเป็นเหตุเชื่อได้ว่าคณะตุลาการฯ ไม่ได้มีการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์จริง ถือว่ากลุ่ม กวป.ไม่กระทำการละเมิดพระราชอำนาจจริง อีกทั้งทางกลุ่ม กวป.ต้องการให้ตุลาการฯ ลาออกจากตำแหน่งโดยทันที และในวันที่ 8 พ.ค.จะประกาศแตกหักกับตุลาการฯ 9 คน เพราะไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีสามัญสำนึก ไม่มีความเสียสละ จึงประกาศให้ประชาชนมารวมตัวกัน 1 แสนคน และยกระดับอย่างสมบรูณ์แบบของภาคประชาชน
พท.ย้ำไม่รับอำนาจศาล รธน.
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การส่งจดหมายเปิดผนึกปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงต่อองค์กรอิสระต่างๆ นั้น หลังจากนี้จะส่งจดหมายเปิดผนึกให้พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.พิจารณาเนื้อหาในจดหมาย จากนั้นจึงจะส่งให้องค์กรอิสระต่างๆ ต่อไป คาดว่าจะส่งได้เร็วๆ นี้ เชื่อว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.น่าจะเห็นไปในแนวทางเดียวกันในการไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างไม่มีเนื้อหาล้มล้างการปกครอง และเป็นการทำตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้แก้ไขเป็นรายมาตรา ศาลรัฐธรรมนูญจึงเข้ามาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ เหมือนกับห้ามครูสอนหนังสือ ห้ามพระบิณฑบาต ซึ่งไม่สามารถทำได้
เตรียมร่อนจดหมายเปิดผนึก 3 พ.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยมีความเห็นตกผลึก สอดคล้องกับแนวทางของพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะไปหารือกับ ส.ว.อีกนิดหน่อยในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะเผยแพร่จดหมายดังกล่าวได้ประมาณวันที่ 2-3 พ.ค. โดยยืนยันว่าจะไม่มีข้อความหรือจดหมายใดๆ ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะอาจเข้าใจผิดคิดว่าเราจะไปชี้แจง ทั้งนี้จะมีการเผยแพร่จดหมายดังกล่าวผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย ส่วนการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ทราบว่ามีการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ได้กว่า 100 คนแล้ว โดยรอดูท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญก่อนตัดสินใจเดินหน้าตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการข่มขู่คุกคาม แต่เป็นหลักการแบ่งแยกอำนาจที่เราต้องการให้มีความชัดเจน วันนี้เราถอยมามากแล้ว ต้องแสดงจุดยืนเป็นหลักให้ประชาชนบ้าง
“สุวัจน์” ชี้แก้ รธน.ต้องยึดหลักกติกา
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองยังไม่มีอะไรน่าห่วง โดยทั่วไปตอนนี้เรียบร้อยดี บ้านเมืองเดินไปได้ด้วยดี ส่วนการเคลื่อนไหวกรณีการแก้ รธน.ทั้งกลุ่มเสื้อแดง และกลุ่มเสื้อหลากสีที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้าปะทุขึ้นมาอีกนั้น ตนคิดว่า เราต้องยึดกติกา ยึด รธน.เป็นหลัก แต่การแสดงความคิดเห็นที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องยอมรับเสียงข้างมากภายใต้กติกา และผู้ที่ใช้เสียงข้างมากในสภาฯ ก็คือ วุฒิสภา และทาง ส.ส.จะได้เอาสิ่งนี้ไปประกอบดุลยพินิจในการพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไรในแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น เช่น การแก้ไข รธน. ข้างนอกคิดกันอย่างไร คนในสภาก็ต้องฟังเสียงข้างนอก แต่ทุกอย่างต้องเดินตามกรอบของ รธน. ส่วนการชุมนุมกดดันไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องให้อยู่ในกรอบของความเรียบร้อย แสดงความคิดเห็นกันได้ เพื่อให้บรรยากาศของบ้านเมืองเดินไปได้ด้วยดี
“มาร์ค” สั่งกษิตร่อจม.แจงต่างชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การออกจดหมายเปิดผนึกของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนั้น ขณะนี้นายกษิต ภิรมย์ กำลังดำเนินการอยู่ และไม่น่าเกิน 1-2 วันจะแล้วเสร็จ โดยเรื่องนี้ไม่ควรให้เกิดความสับสนกับต่างประเทศเลย ตนยืนยันว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้นข้อเท็จจริงคาดเคลื่อนเยอะมาก สุดท้ายวนไปดูที่ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สไกป์มา ที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่บอกว่ากฎหมายที่ต้องใช้คือร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ทำให้ตัวเองพ้นผิดจากการทุจริต
ชี้พี่น้องชินวัตรส่งสัญญาณสั่งลุย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มายังที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทย สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีนั้น ตนฟันธงไปแล้วว่า ที่น้องสาว พี่ชาย กำลังทำขณะนี้ส่งสัญญาณชัดว่าลุยแน่นอน แล้วก็เป็นไปอย่างที่เคยพูดไว้ว่า ในที่สุดแล้วร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เสนอมา และอ้างว่าไม่มีเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น สุดท้ายจะไม่ใช่ของจริง เพราะฉะนั้นสุดท้ายที่ไปพูดที่มองโกเลีย หรือที่ไหนว่าเป็นเรื่องรัฐประหารประชาธิปไตยอะไร ไม่ใช่ สุดท้ายกลับมาเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้ล้างผิดให้กับพี่ชาย แล้วก็ทำอย่างไรจะเอาเงิน 46,000 ล้าน กลับมาเป็นของตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว และอาจจะรวมถึงส่วนหนึ่งที่เป็นของนายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้มันน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าให้เดินหน้า อย่าถอย หากเกิดอะไรขึ้น ก็พร้อมจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่นั้น ก็รู้สึกว่าประเด็นหลักน่าจะไปอยู่ที่ว่า ปอดบวมแล้ว ทำนองนั้น นี่เขาพูดของเขาเอง ไม่ใช่เกี่ยวกับพวกเรา และตนไม่เคยกังวลเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไร แต่สนใจเพียงว่า จะเป็นคุณทักษิณหรือใครนั้น ขอให้ยอมรับและอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะฉะนั้นถ้าเกิดกฎหมายให้คุณทักษิณทำอะไร คุณทักษิณก็มีสิทธิ์ทำหมด ตนไม่ได้กังวลเลย ไม่ใช่ปัญหาของพวกตนเลย ปัญหาของพวกตนคือ ตนไม่ต้องการให้คนทำผิดกฎหมายอยู่เหนือกฎหมายได้ เพราะมีเงิน เพราะมีอำนาจ แล้วก็คุณทักษิณก็เข้าใจผิดครับ
กร้าวไม่มีทางเดินถึงสุดซอยแน่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าใช้ร่าง กม. ปรองดองฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อจะเดินหน้าให้สุดซอยนั้น ยังไม่ทราบว่าจะทำเมื่อไหร่ แล้วก็จะสำเร็จหรือไม่ คิดว่า 1.ทำเมื่อไหร่นั้น เมื่อวานก็เหมือนกับยังบอกว่า รอสมัยประชุมหน้าก็ได้ แต่คำว่า หน้า นี้ตนไม่รู้หมายถึงวิสามัญ หรือสามัญ แล้วก็พูดทำนองว่าจะไม่เอา 3 วาระรวด ก็ต้องฟังหูไว้หู 2.ถามว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ยังเชื่อว่า ถ้าสังคมส่งสัญญาณชัดแล้วโดยเฉพาะให้นายกรัฐมนตรีซึ่งควรที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อาณัติของพี่ชาย ก็จะต้องตัดสินใจว่า ตกลงที่อาสาตัวเองแล้วมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น จะทำงานเพื่อใคร ตนก็ยังยืนยันอย่างนั้น เพราะฉะนั้นถ้าสังคมช่วยกันในการส่งสัญญาณชัดๆ เช่นเดียวกัน ขอให้ชัด อย่าให้แพ้กับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณกับสมุนของตัวเอง ตนว่าอันนี้ละก็จะเป็นจุดที่จะทำให้เรามาดูกันต่อไปว่า ความต้องการแบบนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เมื่อถามว่า จะยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินสุดซอยหรือไม่ จะเป็นนักเลงขวางซอยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เป็นนักเลง แต่คงไม่ให้ไปถึงสุดซอยอยู่แล้ว
พท.ปัดข่าวแม้วสั่งลุยนิรโทษสุดซอย
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มายังที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทย สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า ในฐานะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อเย็นวันที่ 30 เม.ย. ยืนยันว่าพรรคยังสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่ให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนเท่านั้น ส่วนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิมนั้น พรรคยังไม่มีมติสนับสนุน และ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้บอกว่าจะสนับสนุน แค่บอกว่าขอให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันก่อน ส่วนคำพูดที่ว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัยเหมือนเดินไปครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดซอย ไม่ใช่คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นคำพูดของ ส.ส.อีสานคนหนึ่งที่แสดงความเห็นเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองต่อที่ประชุม
รัฐบาลย้ำปูแสดงจุดยืน ปชต.
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การกล่าวปาฐกถาของนายกฯ เป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยของประเทศไทย และถือเป็นการลบล้างมลทินของประเทศไทย ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ในเวทีที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย เนื่องจากรัฐบาลเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเข้าสู่อำนาจโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย การที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำจดหมายชี้แจงไปยังองค์กรใดๆ ก็ตามถือเป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบหรือว่าประชาคมโลกมีความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้นของประเทศไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเบื้องหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ที่มีการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร การปราบปรามประชาชนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และหากที่ผ่านมาประชาคมโลกไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังทางการเมืองประเทศไทย เหตุใดรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงไม่ได้เชิญไปเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญระดับโลก โดยเฉพาะเวทีที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ลองถามตัวเองว่า สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์เคยได้รับเชิญไปร่วมในเวทีสำคัญ หรือได้รับเชิญไปเยือนประเทศที่มีการพัฒนาประชาธิปไตยในระดับสูงหรือไม่ พร้อมทั้งขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หยุดบิดเบือนว่าการปาฐกถาของนายกฯ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเจตนาของนายกฯ ต้องการแสดงให้โลกเห็นว่าประเทศไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาประชาธิปไตย ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว แต่เป็นเรื่องส่วนรวมและเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
เย้ยมาร์คคิดไม่ทันปู
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ยังคงก้าวไม่ข้าม และคิดไม่ทันนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยเสมอ ทั้งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปแสดงสุนทรพจน์ระดับโลก การกล่าวปาฐกถาของนายกฯ ที่ระบุยังมีกลุ่มที่มีปฏิกิริยาต่อต้านระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นการพูดเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ถือเป็นเจตนารมณ์อันดี อยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ถ้ากระบวนการทุกอย่างเป็นประชาธิปไตยในทุกด้าน จะทำให้มีความมั่นใจ นักลงทุนเกิดความสบายใจ ประชาชนจะมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ส่วนที่บอกว่าท่านนายกฯ นำเรื่องไม่ดีของประเทศไปพูดในเวทีนานาชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ต้องแยกส่วนในการมอง ถ้าเป็นการไปเยือนประเทศต่างๆ ในฐานะทีมไทยแลนด์ก็ต้องพูดในสิ่งดีๆ ของประเทศอยู่แล้ว แต่เนื่องจากครั้งนี้เป็นเวทีประชาคมประชาธิปไตย เขามาถกแถลงและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการศึกษา เจตนาของทุกประเทศที่มา คือช่วยกันพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้แข็งแรง ที่สำคัญสิ่งที่ท่านนายกฯ พูดในเวทีก็เพื่อบอกว่าประเทศไทยมีความจริงใจที่จะช่วยและร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวทางของหลายประเทศ ดังนั้น เมื่อเป็นเวทีประชาคมประชาธิปไตย ท่านก็ต้องพูดในเรื่องประชาธิปไตย
แรมโบ้หนุนปรองดองฉบับเฉลิม
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า พ.ร.บ.นิรโทษที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเสนอ ส่วนใหญ่ ส.ส.ก็เห็นด้วยไม่ได้มีปัญหา และเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมเสนอร่าง พ.ร.บ.การสร้างความปรองดองแห่งชาติขึ้นมาอีก ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย และทุกคนก็พร้อมปฏิบัติ เพราะไม่ว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือ พ.ร.บ.การสร้างความปรองดองแห่งชาติ ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม ก็สามารถเสนอเพื่อบรรจุในการประชุมสภาฯ สมัยประชุมสามัญได้ ส่วนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็ถูกบรรจุอยู่ในสภาฯ เป็นวาระเร่งด่วนอยู่แล้ว ดังนั้น ทั้ง 2 ร่าง สามารถเป็นการพิจารณาศึกษาควบคู่กันไปพร้อมกันได้ ตนมั่นใจในฐานะที่เคยเป็นกรรมาธิการดูแลเรื่องกฎหมายมาแล้ว ในชั้นกรรมาธิการสามารถหยิบทุกประเด็นขึ้นมาพูดกันได้ทั้งนั้น ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัยนั้นยังครึ่งๆกลางๆ ไม่สะเด็ดเท่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม นั้น ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนตัวตนคิดว่าทุกอย่างต้องว่ากันไปตามมติพรรคเพื่อไทย และทุกร่างก็สามารถนำมาบรรจุร่วมกันได้เมื่อเปิดสมัยประชุม
“เฉลิม” โวปรองดองฉลุย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แนะนำ สำหรับตนเองพยายามประสานกับหลายพรรค เพราะตนอยู่การเมืองมานาน ไม่อยากเห็นการเมืองเป็นแบบนี้ ซึ่งชัดเจนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ทุกคนจะได้รับผลจากกฎหมายปรองดองฉบับนี้ทั้งสิ้น ไม่ต้องมาทะเลาะกันอีกแล้ว ทุกอย่างมาเริ่มนับหนึ่งประเทศไทยกันใหม่ และจากการที่เดินสายไปชี้แจงกับประชาชนในต่างจังหวัดเขาก็เข้าใจและพร้อมสนับสนุน ส่วนกับพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองก็มีการประสาน โดยประสานกับ นายถาวร เสนเนียม และได้ให้ร่างกับ นายนิพิษฐ์ อินทรสมบัติ ไปแล้วด้วย ส่วนกลุ่มการเมืองก็ประสานกับ นายคำนูญ สิทธิสมาน กับ น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ ก็คุยได้ ส่วน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เขานักเลง ถ้าไม่ได้เปรียบเสียเปรียบ ก็ไม่มีอะไร ที่เจรจายากรู้สึกจะมีคนเดียวคือ นายสุริยะใส กตะศิลา ที่เป็นประธานกลุ่มกรีน วันหนึ่งเคลื่อนทไหวหลายอย่าง เดี๋ยวทำโน่น ทำนี่ ไปทุกที่ในประเทศไทย ไปทุกทีในโลก ยกเว้นที่ราศีไศล บ้านเกิดตัวเอง อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของตน ขณะนี้มีผู้มาร่วมลงชื่อสนับสนุน 90 กว่าคนแล้ว ซึ่งถือว่าสมบูรณ์แล้ว หากใครต้องการมาเซ็นเพิ่มก็ยินดี สำหรับตนเซ็นรับรองคนที่ 9 เพราะต้องการเอาฤกษ์เอาชัย และจะสามารถเสนอต่อสภาได้ในสมัยประชุมสภาสมัยสามัญในเดือนสิงหาคมเลย มั่นใจว่าจะไม่มีคนออกมาคัดค้าน เพราะถ้าค้านก็ไม่รู้จะค้านเรื่องอะไร เพราะไม่ใช่ได้เฉพาะส่วน แต่ได้กันทุกคน และเรากำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้นเราจะมาทะเลาะกันทำไม และถ้าไม่ทำอย่างนี้ บ้านเมืองไม่สงบหรอก แต่หากร่าง พ.ร.บ.ปรองดองผ่าน บ้านเมืองสงบแน่นอน
“สุวัจน์” รับลูกทักษิญพร้อมเลือกตั้ง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณให้พรรคเพื่อไทยเตรียมพร้อมการเลือกตั้งนั้น ตอนนี้รัฐบาลเดินมาเกือบครึ่งเทอมแล้ว ฉะนั้นการเลือกตั้ง สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมก็ได้ หรืออาจจะอยู่ไม่ครบเทอมก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมือง เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องวิตกกังวล ทุกพรรคการเมืองก็ต้องมีความพร้อมที่จะนำเสนอนโยบายต่อประชาชน ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องรัฐประหารขอให้เป็นอุทาหรณ์นั้น เชื่อว่าทุกคนก็คงคิดเหมือนๆ กันว่า ประชาธิปไตยดีที่สุด ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากประชาธิปไตย เพราะว่าวันนี้การยอมรับในสากลในเรื่องของประชาธิปไตยนั้นสูงมาก และเป็นเรื่องที่มาผูกกับเรื่องระบบเศรษฐกิจ ผูกกับเรื่องการค้าการขาย กติกาต่างๆ ฉะนั้นถ้าเกิดเราสามารถที่จะใช้ประชาธิปไตยเป็นหลัก ดีหรือไม่ดีก็ 4 ปี ตัดสินกัน น่าที่จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
วันที่ 2/05/2556 เวลา 6:12 น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น