วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

‘ปู’ปัญญาอ่อน! อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาซัดน่าเวทนา58ส.ว.จี้ขอโทษ เมื่อ 2 พ.ค.56


‘ปู’ปัญญาอ่อน! อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาซัดน่าเวทนา58ส.ว.จี้ขอโทษ



อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาจวกยับ "ยิ่งลักษณ์" ปัญญาอ่อน เวทนานกแก้วนกขุนทองอ่านโพยด่าประเทศตัวเอง ไม่รู้หลักปกครองระบอบประชาธิปไตย กางรัฐธรรมนูญอบรม ศาลเป็นอำนาจอธิปไตย มิใช่องค์กรอิสระ ขณะที่กลุ่ม ส.ว.ผู้รักชาติ 58 คนจี้ "ปู" ขอโทษประชาชน พร้อมเชิญชี้แจง กมธ.ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ขู่หากไม่มาก็ไปเจอกันที่ ป.ป.ช. ส่วนแดงเหม็นหึ่ง เทปลาร้าประท้วง "ชัย ราชวัตร"
    การแสดงปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลียของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากบุคคลหลายกลุ่ม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม หน้าเพจเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว 
    "กรณีที่มีคนปัญญาอ่อนไปอ่านข้อความที่มีผู้เขียนด่าประเทศตัวเองให้ชาวโลกฟัง จนเป็นน่าเวทนาสำหรับคนไทยที่ยังมีจิตวิญญาณเป็นไทยและรักประเทศไทยดังที่ทราบกันแล้วนั้น
    ข้อความที่อ่านไปนั้น มีกล่าวด้วยว่าองค์กรอิสระทำงานเกินหน้าที่ แต่ถ้าพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ ที่รัฐบาลและรัฐสภากำลังมีข้อขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับองค์กรอิสระใดๆ ข้อความที่กล่าวนั้นน่าจะหมายความถึงศาลรัฐธรรมนูญ
    ขอให้ทราบกันว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และศาลปกครอง ไม่ได้เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
    รัฐธรรมนูญทุกฉบับ รวมทั้งฉบับปัจจุบัน บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ว่า "อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ "
    ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว มีความหมายชัดเจนว่า ศาลจึงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในทางตุลาการหรือการพิจารณาพิพากษาคดี มีฐานะเท่าเทียมกับรัฐสภาที่เป็นผู้อำนาจอธิปไตยทางนิติบัญญัติและคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทางบริหาร
    รัฐธรรมนูญมีบัญญัติไว้อีกว่า หมวด 6 รัฐสภา, หมวด 9 คณะรัฐมนตรี, หมวด 10 ศาล, หมวด 11 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 1 องค์อิสระตามรัฐธรรมนูญ มี 1.คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. 2.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 3.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. 4.คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
    ดังนั้นที่ผู้เขียนพูดถึงองค์กรอิสระ ถ้าหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็แสดงว่าไม่รู้ถึงหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยึดถือว่า ศาลเป็นผู้ใช้อธิปไตยทางตุลาการ ไม่รู้ถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่บัญญัติไว้เช่นนี้ทุกฉบับ
    หรือถ้ารู้ก็มีเจตนาบิดเบือนให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิดว่า ศาลเป็นเพียงองค์กรอิสระ อันเป็นการลดฐานะการเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยให้ตกต่ำลงเพื่อความชอบธรรมในการที่พวกขี้ข้าทักษิณจะไม่ยอมรับอำนาจศาล รวมทั้งการที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งของตุลาการเพื่อพวกมันจะสามารถควบคุมได้
    สำหรับผู้อ่านตามที่ผู้เขียนให้นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะคงเหมือนกับนกแก้วนกขุนทองที่พูดตามคำที่มีผู้สอนโดยไม่รู้ว่าคำที่พูดหมายความว่าอย่างไร"
58 ส.ว.จี้ขอโทษประชาชน
        ที่รัฐสภา กลุ่ม ส.ว.จำนวน 58 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ออกแถลงการณ์ในนาม “ส.ว.ผู้รักชาติ” เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอโทษประชาชนจากกรณีปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลีย โดยจะเชิญนายกฯมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ, คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม, คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ต่อไป
         นางนรีวรรณ จินตกานนท์ ส.ว.สรรหา อ่านแถลงการณ์ มีเนื้อหาโดยสรุป 6 ข้อว่า 1.นายกฯ พูดในทางที่สร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในต่างประเทศ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย แฝงไปด้วยนัยสำคัญทางการเมืองที่สอดประสานกับสถานการณ์ในประเทศ ที่กำลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการต่อต้านการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และการเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 
         2.นายกฯ กล่าวหาว่าพี่ชายตัวเองถูกรังแก เป็นการพูดความจริงไม่ครบถ้วน เพราะสาเหตุของการรัฐประหารปี 2549 มาจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ มีผลประโยชน์ทับซ้อนการละเมิดจริยธรรม คุณธรรม ของผู้นำประเทศ การแทรกแซงระบบการตรวจสอบทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ 2540 จนก่อให้เกิดการต่อต้านของประชาชนอย่างกว้างขวาง 
    3.ในเมื่อนายกฯ ระบุว่า รัฐประหาร 2549 และการเข่นฆ่าประชาชนเมื่อเดือน พ.ค.2553 มีสาเหตุเดียวกันมีผู้บงการเป็นกลุ่มเดียวกัน และยังชี้ชัดว่าคนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงด้วยสไนเปอร์ นั่นเท่ากับว่านายกฯ กล่าวหาศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงาน ทั้งรัฐบาลในอดีต กองทัพ ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และส่วนราชการ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ ดำเนินการตามกฎหมาย
        4.การกล่าวพาดพิงองค์กรอิสระของนายกฯ เป็นการสอดประสานกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการทำหน้าที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ หลักประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม เพราะมีแต่การสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองด้านเดียว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ได้รับผลกระทบจากคำตัดสินขององค์กรอิสระ แต่นายกฯ กลับไม่พูดถึงที่มาของความผิด 
    5.นายกฯ ไม่เข้าใจหลักของประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ โดยเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ แก่นแท้เป็นไปเพื่อรวบอำนาจไว้กับนักการเมืองเท่านั้น ขณะที่ประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์
         6.นายกฯ มีความสับสนและขัดแย้งในตัวเองด้วยการเชิญชวนนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ขณะเดียวกันก็ประกาศให้โลกรู้ว่าประเทศไทยไม่มีความปลอดภัย ทำให้ประเทศชาติเสียหาย
ขู่เจอกันที่ ป.ป.ช.
          ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในขั้นตอนนี้จะยังไม่เชิญนายกฯ มาชี้แจงด้วยการใช้อำนาจ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก แต่หากเชิญไปแล้วยังไม่ได้รับการตอบรับ ก็เตรียมพิจารณาต่อไป เช่นเดียวกับจะยังไม่รวบรวมรายชื่อ เพื่อยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เอาผิดทางอาญา เพราะอยากรอฟังคำชี้แจงจากนายกฯ ก่อน
    นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทำ
จดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกและเครือข่ายประชาคมประชาธิปไตย (Community of Democracies) ระบุว่าสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดล้วนเป็นเรื่องตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เหมือนเช่นที่ได้ขึ้นเบิกความเท็จต่อศาลไทยในคดีซุกหุ้นของครอบครัวมาก่อนหน้านี้แล้ว  
    "ตัวจริงของนางและพี่น้องหาใช่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใดเลย แท้ที่จริงนั้นครอบครัวชินวัตรได้พยายามยึดประเทศไทยเป็นวิสาหกิจหาประโยชน์โดยมิชอบมากว่า 10 ปีแล้ว ถูกพี่ชายส่งขึ้นมาครองอำนาจเป็นการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขกฎหมายลบล้างคดีคอรัปชั่นของครอบครัวเป็นเท่านั้น"
    ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ระบอบการปกครองของชินวัตรคือเผด็จการทุนนิยมสามานย์ในคราบประชาธิปไตย ครอบครัวนี้มิได้สร้างตัวจากทุนเสรีที่บากบั่นและสร้างสรรค์ พวกเขาได้สัมปทานผูกขาดโทรคมนาคมไทยจากอำนาจคณะรัฐประหาร พวกเขาร่ำรวยจากการใช้ข้อมูลภายในหากำไรจากตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ แล้วรุกคืบเข้าสู่วงการเมืองเพื่อแปลงสินทรัพย์สาธารณะของเมืองไทยเป็นทุนอีกชนิดหนึ่งของวิสาหกิจชินวัตร   เมื่อได้อำนาจก็ใช้อำนาจส่วนรวมปรนเปรอเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของครอบครัว ทำรัฐเสียประโยชน์กว่าแสนล้านบาท
       จากกรณี “ชัย ราชวัตร” นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า “โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ” เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
         บ่ายวันพฤหัสบดี บริเวณหน้าสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถ.วิภาวดีรังสิต ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณกว่า 100 คน นำโดยนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมารวมตัวกัน เพื่อวางพวงหรีดแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีดังกล่าว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 1 กองร้อย
แดงเหม็นเทปลาร้า
    กลุ่มคนเสื้อแดงได้เรียกร้องให้ นสพ.ไทยรัฐ ตรวจสอบการทำงานของ "ชัย ราชวัตร" และขอให้นำเสนอข่าวโดยงดแสดงความคิดเห็น ซึ่งถือว่าผิดจรรยาบรรณ โดยทาง นสพ.ไทยรัฐมอบหมายให้นายประกิต หลิมสกุล ที่ปรึกษากองบรรณาธิการ เข้ารับหนังสือเรียกร้องจากกลุ่มคนเสื้อแดง 
    คนเสื้อแดงได้มีการนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า "ไว้อาลัย ชัย ราชวัตร" มาวางไว้บริเวณทางเข้า-ออก ประตู 3 ก่อนนำน้ำปลาร้าที่บรรจุอยู่ในขวดน้ำพลาสติกเทราด   ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
    หลังการรับหนังสือเสร็จสิ้น แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนได้ประกาศยืนยันขอให้มีการออกมาขอโทษต่อการนำเสนอเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากไม่มีผู้ออกมาขอโทษ ก็จะปักหลักชุมนุมกันต่อไป ด้านการจราจรบริเวณหน้าสำนักพิมพ์ไทยรัฐ แต่ต่อมาส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับ คงเหลือเพียงบางส่วนราว 30-40 คนกระจายตัวจับกลุ่มพูดคุยอยู่บริเวณประตูทางเข้า 
    ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการแยกย้ายกันไปนั้น แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า จะรอคำตอบและการแสดงความรับผิดชอบจาก "ชัย ราชวัตร" และนัดหมายรวมตัวกันอีกครั้ง ในบ่ายวันอังคารที่ 7 พ.ค.
    นายประกิตกล่าวภายหลังรับหนังสือประท้วงจากกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทางผู้ใหญ่จะได้มีการประชุมหารือถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะมีคำตอบออกมา ทั้งนี้ เห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณชัย ราชวัตร เพราะเป็นการโพสต์ข้อความลงบนสเตตัสของคุณชัยเอง ไม่ได้ลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงท่าทีของนายชัย ราชวัตร อยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอยู่ตลอด แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะขาดสติอย่างรุนแรง ถึงขั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เถื่อน ถ่อย ไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศของตนเองและเป็นผู้นำผู้หญิง เท่ากับดูหมิ่นเพศแม่ของตัวเอง พรรคเพื่อไทยขอประณามนายชัย ราชวัตร ในพฤติกรรมครั้งนี้ โดยไม่ก้าวล่วงต่อนักหนังสือพิมพ์ สื่อมวลชนรายอื่นๆ ในสำนักพิมพ์ดังกล่าว และเชื่อมั่นในศักยภาพ วิธีบริหารจัดการแบบสื่อมืออาชีพของหนังสือพิมพ์ที่จะต้องมีการดำเนินการที่เหมาะสมในเรื่องนี้ต่อไป 
    "นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องวิงวอนเครือข่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า คนเสื้อแดง และเครือข่ายหนุนรัฐบาลทั้งหลายให้อดทนอยู่ในที่ตั้ง ไม่ออกมาดำเนินการใดๆ ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของฝ่ายต้องการยั่วยุ" รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
     สำหรับการผลักดันกฎหมายปรองดองฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ของ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อให้ตัวเองได้เงิน 4.6 หมื่นล้านบาทคืนด้วยนั้น นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 
หากเปิดสมัยการประชุมสภาสมัยหน้าแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้ามา ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดองมาพิจารณารวมกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะเป็นกฎหมายที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกัน สามารถมาพิจารณารวมกันได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาก่อน หากมีผู้คัดค้านก็ต้องโหวตกัน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านแน่นอน 
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะใช้เวลาในช่วงเปิดสมัยประชุมวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อ เพราะมีการส่งสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณให้เร่งเดินหน้า แต่เชื่อว่าทำไม่สำเร็จ 
    "พวกผมจะทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แม้ว่าจะเป็นเสียงข้างน้อยในสภา แต่เชื่อว่าความถูกต้องจะสามารถทัดทานได้" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น