จากกรณีมีคนโพสต์คลิปวิดีโอลงในเว็ปไซต์ ยูทูบ ใช้ชื่อคลิปว่า "pattaya mafia” (พัทยามาเฟีย) ซึ่งเป็นภาพวิดีโอได้มีรถกระบะสีบรอนซ์ทองยี่ห้อ นิสสัน มีสัญญาณไฟไซเรนติดอยู่บนหลังคารถ มาจอดบริเวณหน้าป้อมของเจ้าหน้าที่ ทัพพระยา 2310 จากนั้นมีชายไทยอายุประมาณ 50 ปี บุกเข้าไปในป้อมจากนั้นได้กระชาก 1 ในเจ้าหน้าที่อยุ่ในเครื่องแบบเต็มยศ ออกมาจากป้อม ด้วยอาการโมโหแล้วตบเข้าที่หน้าของเจ้าหน้าที่ทัพพระยาอย่างแรงแต่มืออีกข้างจับเครื่องแบบไว้ไม่ปล่อยพร้อมกับด่าทออยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางสายตาของนักท่องเที่ยวและประชาชนใกล้ เหตุเกิดบริเวณ ป้อมยามทัพระยา 2310 จุดท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ต่อมา ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์บุคคลในคลิปเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคลิปดังกล่าว คือ นายอนุรัตน์ ชั้นไพบูลย์ อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษ ทัพพระยา ผู้ที่ถูกโดนทำร้าย เล่าว่า เหตุการณ์ในคลิปดังกล่าวเกดิขึ้นเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุได้มีเสียงชายนิรนามเข้ามาในช่องวิทยุสื่อสารของทางทัพพระยาแล้วโวยวายว่า รถติดทีท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย ทำไมไม่มีคนมาดู เมื่อตนได้ยินตนจึงรีบออกมาตรวจสอบ ก็พบว่ารถติดมากจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายที่รถติดแล้วหันกล้องเก็บภาพไปเรื่อยๆเพื่อส่งให้ศูนย์ดูตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ขณะเดียวกันเป็นช่วงเวลาพร้อมกับที่ชายคนดังกล่าวที่บุกเข้ามาทำร้ายทราบต่อมาว่าเป็นนายเอ (นามสมมติ) เจ้าของธุรกิจเรือสปีดโบ๊ตนำเที่ยวชื่อ บริการลากเรือขึ้นจากน้ำเพื่อขึ้นมาจอดบนบก ได้ใช้รถกระบะคันเดียวกันเปิดไฟไซเรนแล้วเปิดเสียงดังสนั่นลากเรือสปี๊ดโบ๊ตขนาดใหญ่ย้อนศรสวนทางขบวนรถบัสส่งนักท่องเที่ยวขึ้นมา ซึ่งเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้รถติดเช่นกัน
นายอนุรัตน์ เล่าต่อว่าจากนั้นตนก็ออกไปโบกรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นลูกสาวของนายเอได้มาขอดูโทรศัพท์ของตน ขู่ว่าถ้าไม่ให้ดูมีปัญหาแน่ ตนจึงให้ดูแต่ได้ลบคลิปออกไปแล้วแต่ยังมีคลิปที่ 2 ที่ยังส่งให้กับศูนย์ไม่เสร็จซึ่งเป็นคลิปที่ติดภาพขณนนายเอกำลังลากเรือไปด้วย ลูกสาวนายเอจึงลบทันทีที่เห็นแล้วด่าทอตนตนพยายามอธิบายว่าคลิปดังกล่าวไม่ได้เจาะจงรถของนนายเออย่างเดียว แต่ตนถ่ายไปเรื่อยๆเพราะเป็นคำสั่งของศูนย์ จากนั้นตนได้เข้าอยู่ในป้อม จู่ๆ นายเอได้ขับรถกระบะคันดังกล่าว มาจอดหน้าป้อมแล้วเปิดประตูกระชากคอเสื้อของตนออกไปข้างนอกบริเวณริมถนนแล้วตบหน้าตนอย่างแรงหนึ่งครั้ง
นายอนุรัตน์ อ้างว่า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิงของการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ที่อยู่ในป้อมใช้โทรศัพท์มือถือพยายามถ่ายคลิปเก็บไว้นายประดิตได้เข้าไปต่อว่าและขู่ให้ลบคลิปออกเจ้าหน้าที่หญิงทั้ง 3 คนกลัวจะถูกทำร้ายจึงรีบลบคลิปออกตามคำสั่งของนายเอ จากนั้นได้มีคนมาห้ามนายเอจึงขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอหลังเกิดเหตุตนได้รายงานให้ศูนย์ทราบแล้วโทรศัพท์เล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อเดินทางมาถึงได้ตรงเข้าตบหน้าของนายเอ 1ครั้ง เมื่อบรรดาสมุนของนายเอที่อยู่บริเวณไกล้เคียงจำนวนหลายสิบคนก็เข้ามารุมทำร้ายพ่อของตน รถของทัพพระยาที่เข้ามารับตนมาถึงพอดีจึงเข้ามาห้ามแล้วนำพ่อของตนขึ้นรถก่อน แต่นายเอไม่ยอมได้ขับรถไถสำหรับรากเรือขนาดใหญ่ มาจอดขวางไว้ไม่ให้รถออกจาก ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยาให้มาระงับเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไกล่เกลี่ยแล้วให้ทั้ง 2ฝ่ายเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองพัทยา โดยตนได้แจ้งความไว้ว่าถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นทางหัวหน้าของตนได้ให้ตนย้ายจากป้อมจุดท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย เข้าไปทำงานภายในศูนย์ก่อน อย่างไรก็ตาม ตนต้องการดำเนินคดีกับนายประดิต ให้ถึงที่สุดเพราะตนถูกทำร้ายระหว่างปฏิบัติหน้าที่และเกินกว่าเหตุหากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นกับตนอาจจะต้องเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ป้อมดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น