วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ศึกชิง "ดอรเมือง" "เพื่อไทย" ไม่นอนมา 13 พฤษภาคม 2556 เวลา 07:41 น


ศึกชิง "ดอรเมือง" "เพื่อไทย" ไม่นอนมา

  • 13 พฤษภาคม 2556 เวลา 07:41 น



ศึกชิง "ดอรเมือง" "เพื่อไทย" ไม่นอนมา
โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย


การเลือกตั้งซ่อม สส.กลับมาระเบิดศึกกันอีกครั้ง หลังจากล่าสุดก่อนหน้ามีเลือกตั้งไปแล้ว 2 รอบ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ผลัดกันแพ้และชนะคนละ 1 ครั้ง
โดย “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” ของประชาธิปัตย์ ชนะในสนามปทุมธานี ส่วนพรรคเพื่อไทยชนะในพื้นที่ของตายอย่าง จ.เชียงใหม่ ช่วยให้ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” แกนนำพรรคเข้าสภาได้อย่างสวยหรู
ขณะที่การเลือกตั้งเขตดอนเมือง กทม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 มิ.ย. ถือเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองพรรคจะกลับมาชิงฐานเสียงในพื้นที่เมืองหลวง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้ใบแดง “เก่งการุณ” เจ้าของพื้นที่ฐานทุจริตเลือกตั้ง
โชคดีที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร มิเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยอาจต้องถูกยุบพรรคซ้ำรอยพรรคพลังประชาชน
แทบไม่ต้องบอกเลยว่าพื้นที่ กทม. มีนัยทางการเมืองขนาดไหน แม้ดอนเมืองจะเป็นเพียงเขตเลือกตั้งเขตหนึ่ง แต่ท่ามกลางสถานการณ์เมืองขณะนี้การเลือกตั้งเพียงเขตเดียวในเมืองหลวง ย่อมสะท้อนถึงท่าทีของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลได้เช่นกัน
สนาม กทม.สำหรับพรรคเพื่อไทยนับว่าเป็นของแสลงอยู่ไม่น้อย
ต้องยอมรับว่าในภาพใหญ่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์เท่าไหร่นัก ดังจะเห็นได้จากผลการเลือกตั้งใน กทม.ที่ผ่านมา
วันที่ 3 ก.ค. 2554 ในการเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยได้ สส.กทม.เพียง 10 คน พรรคประชาธิปัตย์กวาดไป 23 เก้าอี้
ถึง 1 ใน 10 เก้าอี้ที่พรรคเพื่อไทยได้นั้นมีเขตดอนเมืองอยู่ด้วย แต่ถ้าดูจากคะแนนแล้วก็ไม่ได้มีช่องว่างห่างจากพรรคประชาธิปัตย์เท่าไหร่นัก
ครั้งนั้น “เก่ง การุณ” ได้ 38,351 คะแนน ขณะที่ “แทนคุณ จิตต์อิสระ” จากประชาธิปัตย์ได้ 30,675 คะแนน ตัวเลขส่วนต่างประมาณ 8,000 คะแนน
ด้านหนึ่งอาจดูว่าห่าง แต่เมื่อเทียบกับพื้นที่ดอนเมือง อันเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่พรรคเพื่อไทยผูกขาดมาหลายสมัย และเป็นพื้นที่สีแดงผนวกกับเป็นการลงสมัครครั้งแรกของแทนคุณแล้ว ต้องถือว่าเพื่อไทยแค่ชนะแต่ไม่สมศักดิ์ศรี
2 ก.ย. 2555 การเลือกตั้ง สก.เขตดอนเมือง เวลานั้นพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่ไม่อาจรักษาเก้าอี้ที่เป็นของครอบครัวโหสกุลเอาไว้ เพราะ “ประเวศร์ วัลลภบรรหาร” ผู้ช่วย เก่ง การุณ (10,224 คะแนน) แพ้ให้กับ “กนกนุช นากสุวรรณภา” ของประชาธิปัตย์ (12,858 คะแนน)
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้รับการวิเคราะห์ว่ามาจากตัวรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเองที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมช่วงปลายปี 2554 ไม่ได้ จนดอนเมืองกลายเป็นเมืองบาดาล
3 มี.ค. 2556 การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากประชาธิปัตย์ ที่ชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย คว้าเก้าอี้ได้อีกสมัย เฉพาะคะแนนในเขตดอนเมืองพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายชนะได้ 40,073 คะแนน ฝั่งตรงข้ามได้ 28,092 คะแนน นับว่าพอกู้หน้าขึ้นมาได้บ้าง
เมื่อดูจากผลคะแนนการเลือกตั้งในเขตดอนเมืองที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้งในทุกระดับแล้ว กำลังเป็นสัญญาณให้พรรคเพื่อไทยตระหนักว่าการเลือกตั้ง สส.ดอนเมือง ที่จะมีขึ้นไม่ใช่ของง่ายเหมือนกับที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่
กลับกันอาจจะเป็นสนามที่พรรคเพื่อไทยต้องเสียน้ำตาด้วยซ้ำไป
สถิติที่ผ่านมานอกจากจะแสดงถึงนัยการเมืองแล้ว แต่สถานการณ์ของรัฐบาลในปัจจุบันจะมีผลต่อการเลือกตั้งในดอนเมืองด้วย
โจทย์หลักที่รัฐบาลยังแก้ไม่ออกในเวลานี้ คือ ปัญหาเศรษฐกิจ
อย่าลืมว่านับตั้งแต่รัฐบาลประกาศจะกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ยังไม่สามารถตอบได้ว่าประเทศจะได้รับประโยชน์ที่คุ้มค่าอย่างไรเมื่อแลกกับเป็นหนี้ถึง 50 ปี
ที่สำคัญ นอกจากจะตอบไม่ได้แล้ว บางโครงการทำท่าจะมีความน่าสงสัยด้วย เช่น ทำไมค่าที่ปรึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงถึงได้แพงเกินจริง เป็นต้น
เช่นเดียวกับโจทย์การเมือง รัฐบาลเองก็ยังวนเวียนกับการสร้างปัญหามากกว่าการแก้ไขปัญหา สะท้อนได้จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเป็นเพียงการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้ ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเกี่ยวกับการโจมตีกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ หรือการปาฐกถาโจมตีองค์กรอิสระของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ย่อมอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เป็นชนวนจุดกระแสความหมั่นไส้พรรคเพื่อไทย และเทคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์
แผลตามตัวรัฐบาลทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะนำมาขยายผลเป็นยุทธศาสตร์ปักธงฟ้าในพื้นที่สีแดง
เหมือนกับที่เคยทำเมื่อครั้งเอาประเด็นความขัดแย้งการเมืองระดับชาติมาหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยน้ำตาตกมาแล้ว
ดังนั้น หากในวันที่ 16 มิ.ย. พรรคเพื่อไทยเกิดแพ้คาบ้านขึ้นมาจริงๆ คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น