วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เดิมพัน “เหลิม บางบอน” จะเป็นใหญ่หรือเป็นโจร!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2556 05:44 น.


เดิมพัน “เหลิม บางบอน” จะเป็นใหญ่หรือเป็นโจร!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 พฤษภาคม 2556 05:44 น.
รายงานการเมือง
       
       “เหลิม บางบอน” จัดงานวันเกิดครบรอบ 66 ปี เอิกเกริกใหญ่โต เตรียมโต๊ะรับแขกเหรื่อนับพัน และก็ตบเท้ากันมาคับคั่งตามคาด
       
       แต่ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการตำรวจ ขนกันมาแทบทุกภูธร หัวแถวอย่างพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ก็ไม่พลาดตกขบวน นึกว่า สตช.เรียกประชุม!!
       
       สำหรับนักการเมืองไล่เรียงดูแล้วมากันประปราย ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสานลิ่วล้อในสังกัด ไม่มีคนมีอำนาจในรัฐบาลไปร่วมสักเท่าไหร่
       
       งานที่ดูยิ่งใหญ่ เลยกลายเป็นเล็กจิ๊บจ๊อยไปถนัดตา คนไม่ค่อยราคาสักเท่าไหร่ จะมากันเยอะก็พวกนักเลง อันธพาล นายบ่อน หวย แก๊งมอเตอร์ไซด์
       
       หากลองเปรียบเทียบกับงานวันเกิดของสุวัจน์ ลิปพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา จะเห็นความแตกต่างชัดเจน รายนั้นถึงไม่มีตำแหน่งแห่งหนทางการเมือง แต่ดูมีราศี-บารมีมากกว่าผู้มีอำนาจทางการเมืองมากันคับคั่ง
       
       ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ไป รัฐมนตรีล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แม้แต่ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าฝ่ายค้าน รัฐบาล ไปกันทั้งกลางวันกลางคืน เพราะในแวดวงเขารู้ใครของแท้ใครของเทียม!!
       
       งานวันเกิดของ “สารวัตรเหลิม” คนที่ต้องการให้ไปมากที่สุด หาใช่ใครอื่นนอกจาก ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ปูกรรเชียง แค่นายกฯ ไปคนเดียวจะเสริมบารมีให้ “เฉลิม” ขึ้นมากโข จะเป็นการันตีความสำคัญของตัวเอง ค้ำยันเก้าอี้รองนายกฯ ของตัวเองให้คงทนถาวร แต่กลับไม่ปรากฏแม้แต่เงาของ “ยิ่งลักษณ์”
       
       ทำให้ “เฉลิม” ต้องหัวใจสลาย กลายเป็นหมาป่าเดียวดายเหมือนอย่างเคย
      
       “เฉลิม” ยังคงโดดเดี่ยวใต้ธงรัฐบาล รวมถึงธงของพรรคเพื่อไทย โดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชน Lonely in the crowd แม้จะมีผู้คนขวักไขว่ห้อมล้อมมากมาย แต่ในใจวังเวง ต้องนั่งเปลี่ยวเหงาเมามาย เลอะเลือนท่ามกลางโต๊ะจีน!!

       
       เป็นที่รู้กันดีในแวดวงว่า “เฉลิม” ชอบเล่นการเมืองแบบไม่ลงทุน จับเสือมือเปล่า และก็มักชอบเอาตัวรอดก่อนเสมอ จึงไม่ค่อยมีพรรคมีพวกทางการเมือง ไม่มีกลุ่มก๊วนเพื่อนตาย ที่คบๆกันก็ฉาบฉวย ปั้นหน้าใส่กันด้วยผลประโยชน์ทั้งสิ้น ถึงช่วงเวลาทีเด็ดทีขาด ก็ไม่มีใครเหลียวแลหรอก
       
       ...ยิ่งถ้าไร้อำนาจวาสนา ฝูงเห็บก็โดดหนีหมาเน่า
       
       สำรวจดูในพรรคเพื่อไทยยามนี้จะมี ส.ส.ที่เรียกได้ว่าเป็นพรรคพวกที่แท้จริงกี่คน นับนิ้วแล้วไม่ถึง 10 คน ครั้นพอถึงเวลาจริงๆ ไม่รู้จะร่วมเป็นร่วมตายถึง 5 คนหรือเปล่า ฉะนั้น “เฉลิม” จึงไม่มีต้นทุนหน้าตักไปต่อรองอะไรมากมาย
       
       ในพรรคเพื่อไทย “เฉลิม” ก็เป็นเหมือนฟันเฟืองตัวหนึ่งเท่านั้น จะถอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เพียงแต่นายใหญ่ และนายกฯ ยังเล็งเห็นประโยชน์ใช้สอยอยู่บ้าง เรื่องของการตอบโต้ทางการเมือง เลี้ยงไว้ปะทะฝีปากกับการเมืองขั้วตรงข้าม
       
       จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ “เหลิม บางบอน” จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ออกมาท้าทายสังคม หลังเก็บงำอยู่นานจนขี้เกลือขึ้นแล้วขึ้นอีก ยิ่งมีข่าวอยู่เนืองๆ เก้าอี้จะหลุดตูด สถานภาพทางการเมืองไม่มั่นคง ก็ต้องหยิบจับทำอะไรให้ “นายใหญ่” เล็งเห็นคุณค่าบ้าง ไม่ใช่เป็นขี้ข้าปากดีไปวันๆ
       
       ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับสุดซอยลุยช่วยนายใหญ่ให้พ้นมลทิน ถูกอกถูกใจอ้ายแม้วเป็นที่ยิ่ง สั่งลุยแหลกไม่หวั่นแม้วันยุบสภา แต่ทำไปทำมาก็โลเลเปลี่ยนแนวอีก ตามสันดานแม้วที่ชอบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ใครมาพูดทีก็เชื่อไปทางนั้นที เป็นไม้หลักปักขี้เลนเอาแน่เอานอนไม่ได้
       
       อย่างว่า “ทักษิณ” วันนี้อยู่ไกลเหมือนคนตาบอดได้ยินแต่เสียง ก็ต้องมีพฤติกรรมแบบนี้ อีกทั้งจะหาใครไว้ใจก็ยากยิ่งนัก ต้องลอยคออยู่กลางทะเลแบบนี้ การตัดสินใจหลายๆ ครั้งเลยต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สับขาหลอกคนกันเอง จนบางทีตัวเองก็งง ฮ่วย!!
       
       ระยะหลัง “เหลิม บางบอน” เหมือนของขึ้น ออกมาพูดพล่ามสารพัด “ถ้านักธุรกิจใหญ่ 3 คน มีธุรกิจธนาคารหนึ่งคน ขายหมูเห็ดเป็ดไก่หนึ่งคน และขายของเมาอีกคน ถ้าไม่สนับสนุนเงินก็ไม่มีม็อบ วันนี้ทำท่ากล้าๆ กลัวๆ ขอเตือนว่าอย่าไปยุ่ง หากถึงเวลาเลือกตั้งก็ให้เงินเขาไปสิ จะให้เท่าไรก็ให้ไป 500 ล้านบาทหรือพันล้านบาทก็ให้ไป แต่เมื่อเขาเป็นรัฐบาลแล้วอย่าไปทำเลย สามกลุ่มนี้จะประสานงานกันหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่รอบที่แล้วมีการซื้อโฆษณากัน 500 ล้านบาท ทั้ง 3 บริษัทนี้ได้ฟังผมพูดแล้วก็ขอให้ยุติ อย่าไปยุ่ง”
       
       เรื่องนี้คงเป็นมุขหมาแก่ ตีกินตามสไตล์ ปูดเงินทุนหนุนม็อบ เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ เหมือนนิยายหลอกเด็กอมมือ แล้วก็ทึกทักอย่างนั้นอย่างนี้จะมีการเคลื่อนไหว มีมือที่มองไม่เห็นบงการบ้าง ทหารเฒ่าบ้าง พากินสันบ้าง
       
       วันดีคืนดีก็พูดจาให้มันดูน่ากลัว จะมีระเบิด จะก่อการร้าย ลอบสังหารนายกฯ บ้าง อดีตนายกฯ บ้าง วนเวียนอยู่แค่นี้ การเมืองมิติเดิมๆ คนดูเขาจับไต๋ได้หมดแล้ว อย่าฉายหนังซ้ำกันดีกว่ามันน่าเบื่อ
       
       เวลาในสนามการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิมกำลังเดินถอยหลังทุกทีๆ คงไม่มีหนทางก้าวเดินไปไกลกว่าที่เป็นอยู่
       
       ตอนนี้ถือว่ามาเกือบสุดทางแล้ว หลายครั้งหลายทีก็บอกว่าจะขอพัก ไม่ไหวแล้วแก่แล้ว แต่คงเป็นเพียงการพูดไปเรื่อยเปื่อยมากกว่า ไม่มีทางเลิกไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุผลสำคัญที่สุด คือ ลูกชายยังไปไม่ถึงไหน ยังไม่เอาไหนโตไม่ทันใช้ วันนี้ “วัน อยู่บำรุง” ที่โดดมาเล่นการเมืองเต็มตัว แม้แต่ ส.ส.ยังไม่ได้เป็น
       
       ถ้าสามารถปั้นเป็นรัฐมนตรีได้วันใด วันนั้นคงหมดห่วง มีคนมาสืบทอดตระกูลอยู่บำรุง ให้คนยังเคารพ ยำเกรงได้บ้าง ไม่อยากให้ตายซากไปเฉยๆ หมดรุ่นตัวเองแล้วหมดกัน
       
       วันนี้ “เฉลิม” กำลังตัดสินชะตาชีวิตทางการเมืองครั้งสำคัญ ด้วยการเสนอกฎหมายปรองดองแห่งชาติล้างผิดให้นายใหญ่ วัดใจกันทั้งกระดานการเมือง
       
       หากสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีอะไรตามมาถึงมือ “เฉลิม” มากมาย ไม่จำเป็นต้องเลิกเล่นการเมืองเหมือนอย่างที่ร่ำๆ อยู่ ต้องได้รับการตบรางวัลอย่างถึงอกถึงใจ เก้าอี้รัฐมนตรี-รองนายกฯ -มท.1 ที่น้ำลายไหลจ้องนั่ง ก็คงไม่มีใครกล้าขวาง
       
       แต่หากไม่สำเร็จแล้วไซร้ ผลที่ออกมาก็อาจตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหว ส่งผลเสียต่อชีวิตทางการเมืองอย่างยากที่จะประมาณได้ อาจต้องจบวิถีทางการเมืองเหมือนนายใหญ่ ที่ต้องกลายเป็นคนไร้แผ่นดินเหยียบ
       
       เดิมพันการสู้ศึกครั้งนี้ “ชนะเป็นใหญ่ แพ้เป็นโจร!!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น