วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“ขี้ข้าเหลิม” เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด พา “แม้ว” ไปตายท้ายซอย!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2556 05:05 น.

“ขี้ข้าเหลิม” เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด พา “แม้ว” ไปตายท้ายซอย!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 พฤษภาคม 2556 05:05 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       หากพิจารณากันโดยผิวเผินก็ต้องบอกว่า “ร่างพระราชบัญญัติปรองดอง” ที่เสนอโดย รองนายกรัฐมนตรีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นั้นต้องถือว่า “สะใจ” คนที่เป็นเจ้านาย อย่าง ทักษิณ ชินวัตร อย่างเต็มที่ ถึงกับส่งเสียงเข้ามาให้รับรู้กันเป็นการภายในระหว่างการประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อหลายวันก่อน โดยเปรียบเทียบให้เห็นร่างฉบับที่เสนอโดย เฉลิม เป็นฉบับที่เดินกันแบบ “สุดซอย” เมื่อเปรียบเทียบกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่เสนอโดย วรชัย เหมะ กับแกนนำแดงหลายคน
       
       ก็จะไม่ให้สะใจกันสุดๆ ได้อย่างไรในเมื่อร่างฉบับของ เฉลิม อยู่บำรุง เป็นการลบล้างความผิดกันแบบยกเข่ง แต่มีเป้าหมายสูงสุดเฉพาะตัวคือ ลบล้างความผิดและคืนเงินที่ถูกศาลยึดไปจากคดีทุจริต 4.6 หมื่นล้านบาทกลับ โดยผลที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือเปิดทางให้ “ทักษิณ” กลับมาลงสนามการเมืองปูทางอำนาจอีกรอบ เพราะร่างกฎหมายฉบีบสุดซอยดังกล่าวได้ขจัดขวากหนามในเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามทั้งในเรื่อง “การต้องโทษจำคุกและเคยถูกยึดทรัพย์” เรียบร้อย
       
       ในร่างปรองดองที่ถูกหั่นให้เหลือ 5 มาตรา เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ได้ลอยตัวต่อไป โดยตัดมาตรา 6 ที่ชี้ชัดว่าเป็นกฎหมายการเงิน เพื่อไม่ต้องให้นายกฯต้องมาลงนามเสียก่อนออกไป อ้างว่าให้เป็นเรื่องของสภาว่ากันไปตามขั้นตอน ซึ่งถือว่าเป็นมุกเดิมๆ ที่ครอบครัวทักษิณมักจะใช้วิธีแบบนี้มาตลอด
       
       อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันถึงเนื้อหาสาระของร่างพระราชบัญญัติปรองดองที่เสนอโดย เฉลิม อยู่บำรุง ที่บอกว่าสุดซอยนั้น ก็ต้องรับว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเนื้อหาแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม หรือถ้าเรียกอีกแบบก็คือ “หน้าด้าน”สุดจะบรรยาย และมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวเท่านั้น และติดที่การออกกฎหมายไม่อาจเขียนระบุชื่อใครคนใดคนหนึ่งแบบเจาะจงได้ทำให้ต้อง “คลุม” ไปถึงบุคคลอื่นที่อยู่ข่ายพร้อมกันไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาสังคมเริ่มรับรู้ไปแล้ว
       
       ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายดังกล่าวนอกจากกำลังถูกต่อต้านจากสังคมภายนอกทั่วไปแล้ว ยังเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเริ่มกระอักกระอ่วน และมีท่าทีคัดค้านเห็นชัดมากขึ้น ล่าสุดมีปฏิกิริยาต้านจากกลุ่มญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมเมื่อปี 52-53 คนพวกนี้เริ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างปรองดอง หรือแม้แต่ร่างนิรโทษฯฉบับของ “วรชัย” ด้วย เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าเป็นการ “ปล่อยผี”ให้คนสั่งฆ่า ที่หมายถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมไปถึงฝ่ายทหารที่พวกเขาเห็นว่าเป็นคนลงมือลั่นไกสังหาร ให้พ้นความผิดไปด้วย
       
       ขณะเดียวกัน บรรดาญาติๆ ของคนเสื้อแดงดังกล่าวยังได้เริ่มเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องของการจ่ายเงินเยียวยาให้กับญาติที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บว่าเต็มไปด้วยปัญหาในลักษณะหักค่าหัวคิว ส่อไปในทางทุจริต เพราะไม่ได้จ่ายตามความเป็นจริง มีการสวมสิทธิ์ที่สำคัญยังมีอีกกว่า 800 รายที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่สังคมเคยรับรู้ไปบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าอยู่วงแคบ เป็นกลุ่มที่รู้ทันทักษิณ และบรรดาแกนนำเสื้อแดงหลายคนที่ “หากินกับศพคนเสื้อแดง” และสงสัยกันมานานแล้วว่าแท้จริงแล้วคนที่บงการสั่งฆ่าคนเสื้อแดงไม่ใช่ใครที่ไหนอาจเป็น ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นได้ เพราะมีเจตนาให้เกิดการจลาจล เกิดการปราบปรามสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรากฎหลักฐานจากประจักษ์พยานแวดล้อมมากมาย
       
       อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวดังกล่าวของบรรดาญาติๆ ของคนเสื้อแดงดังกล่าวน่าจะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และทักษิณบ้าง เพราะแม้ว่าหากเทียบกันแล้วฝ่ายรัฐบาลและทักษิณอาจชั่งน้ำหนักดูแล้วว่ามีแค่หยิบมือเท่านั้นก็ได้ แต่ไม่อาจประมาทได้ เพราะนี่ถือว่าเป็นคนใน ย่อมรับรู้ข้อมูลภายในอยู่ไม่น้อย
       
       แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากในมุมของฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ที่เริ่มเห็นอาการ “ทรุด” ของฝ่ายตัวเองออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากความไม่เอาไหนของพวกเดียวกันเอง หลายเรื่องกำลังเปิดโปงตัวตนออกมา ล่าสุดเรื่องข้าวของแพง หลายโครงการล้มเหลวไม่สมราคาคุย กลายเป็น “แต้มสะสม” ภาพลบมากขึ้นทุกวัน
       
       แต่นั่นไม่เหมือน “ตัวเร่ง” เท่ากับ เฉลิม อยู่บำรุง ที่เวลานี้หากสังเกตให้ดีจะพบว่ากระแส “เกลียดชัง” จากสังคมเริ่มย้อนกลับมาเหมือนอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นับตั้งแต่เกิดกรณี “ไอ้ปื๊ด” เมื่อหลายปีก่อน มาคราวนี้หลังจากดัน “ลูกดวง” จนได้ยศร้อยตำรวจเอก และจัดการ “ครอบตำแหน่งสารวัตร” ด้วยการจับยัดใส่ชื่อลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ยศและตำแหน่งหวังก้าวกระโดดนั่นเอง ซึ่งนาทีนี้คนอย่างเฉลิมไม่แคร์ใครอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างที่เป็นอยู่ตัวเองมีแต่กำไร-ไม่เคยลงทุนสักบาท
       
       อย่างไรก็ดี หากจะคิดในเรื่อง “อุทาหรณ์” ของจริงก็ต้องย้อนดูประวัติของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในอดีตแล้วจะพบความจริงว่า เขานี่แหละคือตัว “เรียกแขก” ของจริง และถ้าพิจารณาจากสถิติก็จะพบว่า “เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” และล่าสุดกำลังผลักดันร่างพระราชบัญญัติปรองดองที่หวังลบล้างความผิดและคืนเงินให้ ทักษิณ ก็กำลังสร้างกระแสต่อต้านแบบ “รวมการเฉพาะกิจ” แบบฉับพลันทันด่วน และที่บอกว่า สุดซอยนั้นกำลังจะพาทักษิณกลับมาตายท้ายซอยก่อนปีใหม่มากกว่า เพราะนับวันกระแสต้านแรงขึ้นมากเหลือเกิน!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น