วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ปิดคดีอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” เร่งรีบตัดตอน “ผู้บงการ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2556 05:42 น

ปิดคดีอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” เร่งรีบตัดตอน “ผู้บงการ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์14 มิถุนายน 2556 05:42 น

รายงานการเมือง
       
       ปริศนาการเสียชีวิตของ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” นักธุรกิจชื่อดังและเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ถูกแถลงคลี่คลายปมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำทับด้วยความเห็นจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
       
       แทบจะฟันธงไปแล้วว่าเป็นการอุ้มฆ่าโดยทีมงาน “สันติภาพ เพ็งด้วง” ก่อเหตุร่วมขบวนการกันเพียง 3-4 คน
       
       แต่ทว่าคนที่ไม่ได้กินหญ้ายังมองว่า มันมีอะไรที่สลับซับซ้อนกว่านั้น
       
       การออกมาแถลงข่าวของทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. หรือแม้แต่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้วผบ.ตร. ดูหลุกหลิกเร่งร้อน ส่อพิรุธ ลุกลี้ลุกลนเหมือนทำให้จบๆ ไป ไม่เปิดโอกาสให้มีการสอบถามอย่างเต็มที่ ผิดวิสัยสันดานตำรวจจะต้องคุยโม้โอ้อวด จัดเต็มทุกรายละเอียด
       
       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีคำถามตามมาอื้ออึงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนรอบด้านแล้วหรือไม่ พยานแวดล้อม พร้อมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ครบถ้วนแล้วหรือยัง
       
       เพราะร่องรอยบางอย่างยังเป็นปริศนาที่ถูกละเลยไป
       
       ไม่ต้องอื่นไกลทีมอุ้มฆ่าที่พยายามชี้ภาพให้เห็นว่า มีเพียงแค่ 2 คน บนรถตู้ จะมีฝีมือระดับพระกาฬขนาดนั้นเชียวหรือ การอ้างว่า “ไอ้เบิ้ม-สุทธิพงษ์” เป็นตัวการสำคัญในการก่อเหตุเอาปืนจี้นายเอกยุทธเพียงลำพัง ยังดูเป็นเงื่อนงำที่น่าสงสัย น่าจะมีใครคนอื่นอยู่อีกหรือไม่ เพราะการจะปลุกปล้ำใส่กุญแจมือเพียงลำพังคงเป็นไปได้ยาก
       
       จิ๊กซอว์ตัวสำคัญหลังจากนี้ก็คือ “ไอ้เบิ้ม” ต้องจับตัวมาเค้นสอบให้หมดเปลือกคดีถึงจะคลี่คลายไปอีกชั้นหนึ่ง หวั่นใจว่าจะหลบหนีไปซ้ำร้อย “ไอ้ปื๊ด” สืบสาวอะไรไม่ได้เลย หรืออาจจะโดนเก็บตัดตอนไปเสียก่อน
       
       แต่นั่นก็จะยิ่งทำให้เกิดเงื่อนงำหนักขึ้น สันนิษฐานว่าจะต้องมีขบวนการซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
       
       พฤติการณ์อุ้มสังหารอย่างโหดเหี้ยมนี้ เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง คนธรรมดาทำไม่ได้แน่นอน ไม่มีร่องรอยหลักฐานทิ้งไว้มากนัก การฆ่ารัดคอเป็นยุทธวิธีแบบมาเฟียอิตาลี ใช้เชือกรัดคอจนตายแบบเงียบเชียบ ผ่านการวิเคราะห์วางแผนมาอย่างดี ฝีมืออำมหิตเกินกว่าเด็กวัยรุ่นอายุ 20 กว่าๆ จะกระทำได้
       
       การออกมายอมรับสารภาพของคนขับรถ “สันติภาพ” หลังปฏิเสธในชั้นต้น เหมือนต้องการชักจูงไปให้คล้อยตามเฉพาะในสิ่งที่เปิดเผยออกมา ซึ่งในความจริงแล้วอาจมีอะไรอีกมากกว่านั้น
       
       มีหลักฐานมากกว่าที่บอก มีผู้ร่วมขบวนการมากกว่าที่สรุปกัน เหมือนจงใจเปิดหลักฐานบางส่วน แต่ยังปิดหลักฐานบางส่วน ไม่ให้สาวไปถึงผู้กระทำผิดตัวจริง และผู้บงการ!!
       
       ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานนิติเวช นิติวิทยาศาสตร์ ต้องสืบจากศพให้ละเอียดทุกซอกมุม เพื่อค้นหาหลักฐานที่ซ่อนเร้นอำพรางไว้อยู่ เช่น เรื่องของการใส่กุญแจมือ ต้องมีร่องรอยต่อสู้ถลอกปอกเปิด มีการต่อสู้อะไรกันหรือไม่ ต้องหาหลักฐานแบบนี้มาตอบสังคม หรือขยับการสืบสวนสอบสวนไปอีกทางหนึ่ง
       
       แต่ไม่ทันไรก็เห็นอาการแหม่งๆ อีกแล้ว เมื่อชันสูตรออกมาบอกว่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ แต่ยืนยันไม่ได้ว่าเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน เหมือนเลี่ยงๆไป ไม่อยากผูกมัดตัวเอง ยิ่งทำยิ่งซ่อนเร้นปกปิด!!
       
       วันนี้สังคมไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามถ้อยแถลงทั้งหมด ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหลายส่วน ดูเหมือนว่าทีมสังหารจะไม่มีเพียงแค่นี้ และเป้าประสงค์ไม่ใช่ทรัพย์สิน
       
       ประเด็นเรื่องของการฆ่าเอาเงินอาจให้ “สันติภาพ” เอ่ยอ้างขึ้นมาเป็นเหตุผลเพื่ออำพรางคดีเท่านั้น!!
       
       และการบีบให้เอกยุทธเซ็นเช็คก็เหมือนวางแผนมาอย่างดีคล้ายมีกุนซือ ไม่ให้เซ็นทีเดียว 5 ล้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แต่ให้เซ็น 3 ฉบับๆ ละ ล้านกว่า ไม่ถึงสองล้าน ไม่ให้กระโตกกระตากให้งานเดินไปราบรื่น นอกจากนั้นยังมีข้อสงสัยอีกหลายจุดโดยเฉพาะช่วงที่อยู่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เอาเช็คไปให้ “เอกยุทธ” เซ็น ตอนนั้นต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ การควบคุมตัวมายังจุดที่คนพลุกพล่าน ต้องมีการวางแผนไว้อย่างลึกซึ้ง
       
       น่าแปลกใจว่า ไม่มีใครพบเห็นความผิดปกติเลยหรืออย่างไร “เอกยุทธ” ไม่คิดหาช่องทางหลบหนีในตอนนั้นเลยหรือ แต่ทำได้แค่เพียงส่งสัญญาณผ่านเช็คโดยแกล้งเขียนปี พ.ศ.ผิด และส่งโค้ดลับทางโทรศัพท์ที่ปลายสายไม่เข้าใจ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
       
       นั่นย่อมหมายความว่ามีแผนป้องกันการหลบหนี ตุกติกของ “เอกยุทธ” ไว้หมดแล้ว พฤติการณ์ล้วนมืออาชีพ และสันนิษฐานได้ทันทีว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีเพียงแค่ที่ออกมาชี้แจงแถลงไขกันอย่างแน่นอน อาจมีทีมล่าสังหารอีกชั้นหนึ่ง!!
       
       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากประมวลแล้วผิดแปลกเกินปกติ ตำรวจเองก็เร่งรัดแถลงปิดคดี ยกยอกันเองว่าเจ๋งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ ปิดคดีจับตัวคนร้ายได้รวดเร็ว โดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งนักการเมืองในรัฐบาล ออกมาฟันธงตรงกัน เรื่องจบแล้วมุ่งหมายต่อทรัพย์ ไม่มีเรื่องการเมือง หรือเรื่องอื่นใดเกี่ยวข้อง
       
       หลายฝ่ายสันนิษฐานว่าการฆ่าแบบโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์หรือความแค้นเล็กๆ น้อยๆ ของคนขับรถ น่าจะมีเงื่อนปมเรื่องอื่นมากกว่า พร้อมให้น้ำหนักไปที่เรื่องการเมือง เพราะทีมล่าสังหารอีกทีมหนึ่งที่เชื่อว่าถูกปิดบังอำพรางหลักฐานอยู่ คือ
       
       มืออาชีพจากซุ้มมาเฟีย รับงานนี้มาโดยเฉพาะ และอาจมีเครือข่ายภาครัฐรู้เห็น!!
       
       ที่น่าสนใจคือ มีความจงใจหรือเจตนา “เชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่” ถ้าเกิดเหตุการณ์อุ้มหายไปเลยเหมือน สมชาย นีละไพจิตร คนก็เชื่อว่าตายไปแล้วก็เท่านั้น แต่กรณีนี้เหมือนมีความต้องการให้ค้นพบศพเพื่อสื่อสารบางอย่างหรือไม่ สภาพศพที่อเนจอนาถ เปลือยเปล่าขึ้นอืด เหมือนต้องการให้เกิดภาพสะเทือนขวัญ
       
       หรือจะชี้ให้เห็นว่าแม้แต่คนที่มีชื่อเสียงอย่าง “เอกยุทธ” ก็อาจมีจุดจบที่น่าสังเวชแบบนี้ ใครจะใหญ่มาจากไหนก็มีสิทธิถูกอุ้มหาย ตายอนาถแบบนี้ก็ได้
       
       บ้านเมืองกลับเข้าสู่ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้วหรือนี่กระไร คนก็คิดอนุมานได้ทันทีว่า ทีมงานสังหาร วงการมาเฟีย ที่จะลงมือกับคนใหญ่คนโต ด้วยวิธีการอุกอาจเย้ยฟ้าท้ากฎหมายแบบนี้มีไม่กี่ราย
       
       และกล้าลงมือกันถึงขนาดนี้คงได้รับสัญญาณไฟเขียวจากเครือข่ายผู้ถืออำนาจรัฐแล้วหรือไม่?
       
       พฤติกรรมของผู้มีอำนาจวันนี้เลยดูแปลกๆ อยากปิดคดีให้มันจบๆไป ชี้ว่าเป็นความผิดของ คนขับรถและพวก ซึ่งอาจจะอุปโลกน์ ขึ้นมาเป็นทีมล่าสังหาร รับโทษทัณฑ์ไปชั่วครู่ชั่วคราว และก็อุ้มชูช่วยเหลือกันภายหลัง ในขณะที่ทีมงานตัวจริงหายตัวไร้ร่องรอย
       
       ปิดจ็อบได้สำเร็จเด็ดขาด ฝ่ายผู้บงการก็ทำงานสำเร็จกำจัดศัตรูตัวฉกาจ พร้อมเชือดไก่ให้ลิงดู!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น