ศาล รธน.พิจารณาคำร้อง ม.68 วันนี้ พท.มีมติไม่ส่งคำชี้แจงศาล รธน. ทำ จ.ม.เปิดผนึก 12 หน้าแจกสาธารณะ
"แม้ว"สไกป์เบรก"เฉลิม"เคลียร์"สมศักดิ์"ทำตามมติพรรค กำชับ ส.ส.พร้อมรับสถานการณ์ "ปู"แจงคำพูดแค่เป็นอุทาหรณ์ ครม.สั่งจัดพิมพ์"ปู"ปาฐกถาแจก
"ปู"แจงแค่เป็นอุทาหรณ์
กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ครั้งที่ 7 ระหว่างการเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการโดยระบุว่าเจ็บปวดต่อการรัฐประหารและการเสียชีวิตของ 91 คน
ในเหตุการณ์ชุมนุมเดือนพฤษภาคม 2553 และเตือนให้ระวังกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยใช้ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระกดดันรัฐบาลนั้น
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องเรียนว่าเวทีที่ไปพูดเป็นเวทีประชาคมเพื่อประชาธิปไตย และเรียนไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า ถ้ากระบวนการเป็นประชาธิปไตยในทุกส่วนงานและทุกๆ ด้านจะทำให้มีความมั่นใจโดยเฉพาะนักลงทุน และประชาชนจะมีโอกาส มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน นั่นคือเจตนา
ปัดใช้เวทีฟอกผิด"พี่ชาย"
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายห่วงว่านายกฯจะเปิดบาดแผลของประเทศด้วยตัวเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องไปฟังดีๆ อันนี้เป็นเรื่องอุทาหรณ์มากกว่าและเป็นเวทีประชาธิปไตย โดยไม่ได้พูดเรื่องอื่นอย่างใด ประเทศอื่นก็พูดลักษณะนี้เช่นกัน เมื่อถามว่า การพูดของนายกฯถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
"ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเองก็ยกเป็นอุทาหรณ์ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ นี่คือเจตนารมณ์ค่ะ ก็อยากให้มองการพูดทั้งหมดเป็นภาพรวม อย่าไปมองเป็นจุดต่อจุดเลย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯพยายามเลี่ยงจะตอบคำถามโดยกล่าวว่า มีคำถามอื่นอีกหรือไม่
"เต้น"ยกคำพูดแหลมคม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำ นปช.กล่าวว่า ถือเป็นการสรุปเอาข้อเท็จจริงทางการเมืองไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน แหลมคมและทรงพลัง ถือเป็นการส่งสัญญาณบอกกับทุกฝ่ายให้หันมาพิจารณาความจริงว่าสาเหตุของความขัดแย้งดังกล่าวเหตุจากอะไร ฝากไปถึงผู้มีบารมีและองค์กรอิสระทั้งหลายว่าไทยไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนเวทีโลก สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามทำมาโดยตลอดคือการนำประเทศออกจากความขัดแย้ง สร้างความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ
ครม.พิมพ์คำปาฐกถาเผยแพร่
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แสดงความเห็นถึงการกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรี เห็นว่าสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวบนเวทีสะท้อนความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ประชาธิปไตยของประเทศไทยได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง มีความแหลมคมและทรงพลัง จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ ครม.ได้เห็นพ้องว่า ควรมีการเผยแพร่คำแปลของคำกล่าวปาฐกถาของนายกฯให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวขอบคุณ ครม.ที่ให้การสนับสนุนท่าทีของรัฐบาล
ไทยเล็งเจ้าภาพประชาคม
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ประเทศไทยกำลังจะสมัครเป็นสมาชิกสภาบริหาร (Governing Council) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเพื่อเสนอเข้า ครม.ขออนุมัติ ทั้งนี้ ในอนาคตข้างหน้าอีก 2-3 ปี หรือปีถัดๆ ไปจะขอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้วย ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมประชาคมประชาธิปไตยเกิดขึ้นมาเป็นปีที่ 7 ซึ่งรัฐบาลใดที่มาจากการยึดอำนาจ หรือการปฏิวัติรัฐประหารไม่มีความเป็นประชาธิปไตยจะไม่ได้เข้าร่วมการประชุม และจะถูกประณามจากเวทีดังกล่าว
"บรรหาร"หนุนนายกฯปู
ที่วัดเทพศิรินทราวาส นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะจำกัดสิทธิ ลิดรอนอำนาจพรรคการเมือง เมื่อถามว่า การที่นายกฯพูดหลายคนมองว่าจะทำให้การเมืองร้อนขึ้น นายบรรหารกล่าวว่า มองว่าการเมืองจะล้มก็ล้ม จะยุบก็ยุบ แต่พอปฏิวัติก็มีปัญหาเยอะ ทั้งเรื่ององค์กรอิสระและขอบเขตอำนาจการตัดสินที่เลยไปมากพอสมควร ทำให้สภาไม่สามารถทำอะไรได้
"ท่านพูดในหลักการไปตำหนิท่านไม่ได้ เมื่อหลักการเป็นอย่างนี้ท่านก็ยอมรับ และเมื่อยอมรับก็มาดูว่าจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยให้ดีขึ้นอย่างไร และให้องค์กรอิสระอยู่ในขอบเขตของตนเองให้ดี อย่างเช่นเมื่อก่อน เรามีอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามันก้าวก่ายกันหมดเลย การเมืองไม่ได้เป็นเหมือน 20 ปีที่ผ่านมา" นายบรรหารกล่าว
ปชป.ทำจ.ม.เปิดผนึกโต้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป.แถลงว่า นายกฯใช้เวทีนานาชาติพูดช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ บิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายประการ และใส่ร้ายประเทศไทยเพียงเพื่อปกป้องพี่ชาย เพื่อประโยชน์ส่วนตนและครอบครัว ขณะนี้ ปชป.กำลังรวบรวมข้อมูลที่เป็นคำเท็จของนายกฯเพื่อทำจดหมายเปิดผนึกในประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อเท็จจริง เพื่อเปิดเผยต่อสังคมโลก โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อจัดส่งไปยังเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวเป็นที่แรก และจัดส่งไปยังประชาคมโลก และยืนยันว่านี่ไม่ใช่เป็นการโต้เถียง แต่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ดังนั้น รัฐบาลไม่ต้องร้อนตัว
"มาร์ค"จวก"ปู"ตามรอยพี่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. กล่าวว่า นายกฯใช้วิธีการเดียวกับพี่ชาย ซึ่งเป็นบทที่พี่ชายนายกฯใช้แสดงมาหลายปี เป็นแนวทางที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ในลักษณะที่ว่าปัญหาทั้งหมดมาจากการที่มีคนมาโค่นล้มตนเอง โดยไม่พูดถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศ และพยายามสรุปว่าการเดินหน้าลดอำนาจองค์กรอิสระในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ สุดท้ายปัญหาจะย้อนกลับมา คิดว่าจังหวะนี้เป็นการยืนยันว่า หลายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อต้านการใช้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ การเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม เป็นสิ่งที่นายกฯสนับสนุน และคงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"เฉลิม"เล็งดันปรองดอง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองในพรรคเพื่อไทย โดยจะอธิบายว่า ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หากสมาชิกพรรคเห็นด้วยให้ถือว่าเป็นร่างของพรรค ขณะนี้มีแต่คนแจ้งความจำนงจะเข้าร่วม จึงนัดนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ไปรวบรวมเอกสาร หากพรรคเห็นด้วย เปิดประชุมสมัยวิสามัญจะนำเสนอเลย แล้วถ้าหลายๆ คนเห็นด้วยว่าบ้านเมืองไปข้างหน้าได้ จะหารือว่าจะให้พิจารณา 3 วาระรวดเลย
"ขุนค้อน"ปัดขัดแย้ง"แม้ว"
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ไม่พอใจในการทำหน้าที่ประธานสภาว่า ไม่มีกระแสดังกล่าว ยืนยันว่าทำหน้าที่โดยยึดหลักความถูกต้อง ไม่กังวล และทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เห็นได้จากคราวที่แล้วที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ข้อเสนอแนะว่ายังไม่ควรลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในวาระ 3 ตนมีความเห็นที่ตรงกันข้ามกับ พท. มาคราวนี้มีความเห็นตรงกับพรรคคือจะไม่ส่งคำชี้แจงในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ
มติพท.ไม่ส่งคำชี้แจง
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. แถลงภายหลังการประชุมว่า พท.มีมติที่จะไม่ส่งหนังสือชี้แจงไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภาจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งที่ประชุมยังมีมติให้ส่งจดหมายเปิดผนึกไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญไปยังองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและเผยแพร่ต่อประชาชนด้วย โดยจะยกเว้นไม่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้พรรคนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับสมาชิกรัฐสภาในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดว่า น่าจะมีการหารือกันภายในสัปดาห์นี้ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ต่อไป
แจกจ.ม.เปิดผนึก12หน้า
"หากศาลรัฐธรรมนูญยังเดินหน้าพิจารณาคำร้องตามมาตรา 68 ถือว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจของนิติบัญญัติ และสมาชิก พท.จะเดินหน้าถอดถอนตุลาการต่อไป ขณะนี้มี ส.ส.เข้าร่วม 1 ใน 4 แล้ว" นายพร้อมพงศ์กล่าว และว่า จดหมายเปิดผนึกจะมีทั้งหมด 12 หน้า ประเด็นหลักๆ จะมีการชี้แจงว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับคำร้อง
พท.ขยายเวทีไปทั่วปท.
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พท.จะขยายการเปิดเวที "พรรคเพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย" เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในช่วงปิดสมัยประชุมออกไปอีกในหลายๆ พื้นที่ เพราะได้รับความสนใจจากประชาชนโดยวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ จ.อุบลราชธานี วันที่ 1 มิถุนายน ที่ จ.เชียงราย วันที่ 2 มิถุนายน จ.เชียงใหม่ วันที่ 8 มิถุนายน ที่ จ.พิษณุโลก วันที่ 9 มิถุนายน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และวันที่ 15 มิถุนายน ที่ จ.ระยอง และจะมีการเปิดเวทีในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกด้วย
ได้ฤกษ์เผยแพร่จ.ม.เปิดผนึก
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า จดหมายเปิดผนึกจะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ และจะส่งไปยังองค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหมดยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ การไม่ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเกรงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าเป็นการยื่นเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลและจะเป็นการยอมรับการอำนาจการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญได้ ทำให้พรรคเห็นว่าไม่ควรส่งจดหมายไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ
"แม้ว"สไกป์เบรก"เฉลิม"
รายงานข่าวจากที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สไกป์มายังที่ประชุม ส.ส.โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยกำชับให้ ส.ส.ช่วยกันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งต่อที่ประชุมพรรคว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติเข้าสู่การประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ โดยให้พิจารณา 3 วาระรวด เพราะจะเป็นปัญหาและถูกฝ่ายค้านโจมตีได้
"ผมเข้าใจท่านเฉลิมอยากช่วยผม ท่านเฉลิมบอกกับผมว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของท่านจะสุดซอย แต่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯทำได้ครึ่งทาง แต่ถ้าเสนอเข้าสมัยวิสามัญจะเป็นปัญหา หากจะเสนอก็น่าจะพิจารณาในสมัยสามัญทั่วไปที่จะเปิดประชุมในเดือนสิงหาคมนี้ ให้นำเข้าตามกติกาเหมือนกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ" แหล่งข่าวอ้างคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ
เผยเคลียร์"สมศักดิ์"แล้ว
ข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ได้คุยกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเจริญ จรรย์โกมล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาแล้วว่าหากพรรคให้ทำอะไรต้องทำด้วยกัน ไม่ควรทำนอกกติกา เพื่อให้พรรคแข็งแรง แม้พรรคจะมีความเห็นต่าง แต่ขอให้ไปด้วยกันได้ แต่เมื่อพรรคมีมติออกมาก็ควรปฏิบัติตามมติพรรค
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการแจกร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติของ ร.ต.อ.เฉลิม ให้ ส.ส.ร่วมกันลงชื่อเพื่อเสนอเป็นญัตติเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในสมัยสามัญทั่วไป
กำชับส.ส.รับสถานการณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเช้าก่อนการประชุม ส.ส.พท. มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พท. โดยมีแกนนำของพรรคเข้าร่วมประชุม อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา นายภูมิธรรม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พท. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้สไกป์มายังที่ประชุมโดยให้กำชับ ส.ส.ของพรรคทำงานกันเป็นปึกแผ่นให้เป็นหลักในการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง และต้องพร้อมกับการเลือกตั้งทุกสถานการณ์ และกำชับไม่ให้ ส.ส.ของพรรคแตกแยกหรือส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
กวป.ยันชุมนุมโดยสงบ
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มวิทยุชุมชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ นำโดย นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือเล็ก บ้านดอน ประธาน กวป. นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. และกลุ่มแกนนำได้ร่วมแถลงข่าวประจำวัน
นายศรรักษ์กล่าวว่า กลุ่มองค์กรพิทักษ์ปกป้องมาตุภูมิแห่งประเทศไทยที่ออกมาแสดงพลังและให้กำลังใจต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก ทาง กวป.ก็ทำเช่นกันคือเป็นการชุมนุมโดยสงบและไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยก
เล็งฟ้องกลับศาล7พ.ค.
นายคารม พลพรกลาง ทนาย นปช.เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุม และกล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่างคำฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่มีตุลาการบางส่วนที่รับคำร้องที่นายสมชาย แสวงการ และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ที่มาร้องต่อศาล รธน.ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราโดยรัฐสภา เข้าข่ายผิดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ.2550 ซึ่งการกระทำการของตุลาการ โดยเฉพาะตุลาการที่ลงมติรับคำร้องดังกล่าวเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 166 โดยจะดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเป็นโจทก์ร่วมฟ้องคณะตุลาการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
ตร.เร่งคดีศาลฟ้องหมิ่น
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายภัทรพงษ์พันธ์ ศรีสะอาด เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ 4 รับมอบอำนาจจากนายปัญญา อุดชาชน รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งความกล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับแกนนำ กวป. ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และมาตรา 198 เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งการถอดเทปคำพูดปราศรัยและภาพวิดีโอบันทึกการปราศรัย หลังจากได้หลักฐานมาครบถ้วนจะตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการต่อไป และหากพบว่ามีมูลความผิดจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
1พ.ค.ศาลรธน.ถกม.68
แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่า ในวันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. ตุลาการจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญและคำร้องคดีต่างๆ โดยวาระเตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ประกอบด้วย คำร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบรายมาตรา ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งมีด้วยกัน 4 คำร้อง และคำร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102(6) หรือไม่ หลังกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดออกจากราชการ โดยนัดประชุมที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (เดิม) อาคารบ้านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ เขตพระนคร
ปลดล็อกส.ว.ไม่จำกัดวาระ
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... ที่เกี่ยวกับการแก้ไขที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว. ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธาน กมธ.เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาในมาตรา 6 ที่ให้ยกเลิกข้อความในมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติให้ ส.ว.ที่หมดวาระลง สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ได้กำหนดข้อห้ามไว้ว่าจะไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ หากพ้นจากตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี
ดำรงตำแหน่งได้แค่4ปี
จากนั้น ช่วงบ่ายมีการพิจารณาต่อในมาตรา 117 เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งและสมาชิกภาพของวุฒิสภา โดย กมธ.ส่วนใหญ่เห็นพ้องให้ ส.ว.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี จากที่รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้มีวาระได้ถึง 6 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้เสียงส่วนใหญ่ของกรรมาธิการได้เห็นชอบตามร่างที่ผ่านวาระ 1 มา ได้ยกเลิกข้อห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งต่อเนื่องของ ส.ว.จึงเห็นว่าเมื่อสามารถเป็นต่อได้หลายวาระ ไม่มีเหตุผลควรให้ดำรงตำแหน่งระยะยาวถึง 6 ปี
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น