วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรียกอีก33คน/รวบวรเจตน์ เมื่อ 18 มิ.ย.57

เรียกอีก33คน/รวบวรเจตน์ เมื่อ 18 มิ.ย.57


"ประจิน" เผยรัฐบาลใหม่ต้องไร้รอยต่อกับโรดแม็พ คสช. ทูตกัมพูชายันเฉดหัว "เจ๊เพ็ญ" ไปแล้ว ไม่ให้ใช้แผ่นดินเขมรต่อต้านไทย ปลัดบัวแก้วเผยกำลังหาช่องขออังกฤษส่งตัว "โรส ลอนดอน" เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ด้านโฆษก นปช.เปรี้ยวปาก โพสต์เฟซบุ๊กสอน คสช. อย่ามัวโอ้เอ้หลงอยู่ในอำนาจ ทำในเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด จะเป็นชนวนความขัดแย้งความแตกแยกที่จะตามมา
    พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ  ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร ถึงการวางตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ทุกอย่างจะดำเนินการไปตามโรดแม็พของหัวหน้า คสช.ที่ได้วางไว้ คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ใน ครม. จะต้องมีการทำงานเข้าใจสอดคล้องกับงานที่เชื่อมต่อกับงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย 
    เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ รองหัวหน้า คสช.ตอบว่า ทางคสช.คงจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว คนที่จะมาทำงานในคณะรัฐมนตรีต่อจากนี้ คงจะต้องคาบเกี่ยวกับที่ได้วางเอาไว้ คือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย เพื่อให้การปฏิรูปทั่วถึงทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนที่สามคือการเลือกตั้ง 
    ซักว่า ช่วงเดือน ต.ค.นี้ ผบ.เหล่าทัพจะเกษียณอายุราชการทั้งหมด จำเป็นหรือไม่จะต้องมีตำแหน่งในคณะรัฐบาลเพื่อให้ประสานงานต่อ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า คงจะต้องมีการประชุมปรึกษากันอีกที ยังไม่ชัดเจน ส่วนความเป็นไปได้ที่ ผบ.เหล่าทัพจะต่ออายุราชการมีแนวทางเป็นไปได้หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ว่าจะนำมาพิจารณาหรือเปล่า 
    ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ได้เชิญนางอีท โซเฟีย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อหารือ มีการพูดถึงข่าวที่ว่านายจักรภพ เพ็ญแข แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำกลุ่มต้านรัฐประหารอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วย โดยฝ่ายกัมพูชายืนยันว่านายจักรภพไม่ได้อยู่ในกัมพูชา อีกทั้งได้ยืนยันว่ายึดหลักการที่ว่าจะไม่ให้ใครใช้ดินแดนของประเทศนี้กระทำสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตรงนี้เป็นการดำเนินการไปตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงกรณีที่ศาลอนุมัติการออกหมายจับ น.ส.ฉัตรวดี อมรภัทร หรือโรส ผู้ต้องหาที่เข้าข่ายกระทำผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ขณะที่ น.ส.ฉัตรวดีอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษและถือสัญชาติอังกฤษด้วยว่า ทางกระทรวงต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาช่องทางของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องมีการดูรายละเอียดของสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
    วันเดียวกันนี้ นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ" ว่า "การใช้ปืนจี้แล้วบอกว่านี่คือช่วงเวลาของความสงบสุขของประเทศ ผมว่ามันไม่ใช่ ขอโทษครับหากไปกระทบผู้หนึ่งผู้ใด แต่ผมโพสต์ด้วยความห่วงใยประเทศนี้เหมือนกัน 
    บอกตรงๆ ครับว่าหากคณะรัฐประหารเข้ามาเพื่ออำนาจที่ตัวเองต้องการและทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม นั่นคือระเบิดเวลาที่พวกท่านวางไว้ ทุกคนเข้าใจและรักประเทศนี้ไม่แพ้กัน ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เดินหน้าสู่การพัฒนา แต่เมื่อมีความขัดแย้งจะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ (ใครชั่วใครเลวใครถูกใครผิดโลกรู้สวรรค์รู้) ประเทศเดินหน้าไม่ได้ทหารเลยเข้ามายึดอำนาจอ้างว่าเข้ามาจัดระเบียบ คนที่อยู่กลางๆบอกว่าดีอย่างน้อยบ้านเมืองไม่วุ่นวาย กปปส.และอาจจะมีคนใน ปชป.บอกว่าดีเผื่อบางทีพวกตนอาจเข้ามามีอำนาจในอนาคต แล้วแต่ใครจะคิดครับ ส่วนผมและทุกคนไม่เคยคิดว่ารัฐประหารแล้วจะทำให้ประเทศดีขึ้นครับ เพราะต่างชาติทั่วโลกเขาไม่เอาด้วยเขาไม่คบค้าสมาคมด้วย เพียงแค่หวังพึ่งบางประเทศคงไม่ได้ 
    ผมจึงต้องท้วงติงไปถึงคณะที่เข้ามายึดอำนาจว่า อย่ามัวโอ้เอ้หลงอยู่ในอำนาจทำในเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด หากอยู่นานแทนที่จะเข้าไปแก้ปัญหา แต่กลับจะสร้างปัญหาเสียเองโดยไม่รู้ตัว และนั้นจะเป็นชนวนความขัดแย้งความแตกแยกที่จะตามมาในที่สุด จึงฝากบอกควรแก้ปัญหาใช้เวลาสั้นๆ แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนเถอะครับ อย่าคิดช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงบ้าง หยุดปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐานได้แล้วจะนำพาไปสู่ความสงบได้ครับ"
    ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ กปปส. อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายถาวร เสนเนียม, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายสุริยะใส กตะศิลา, น.ส.จิตร์ภัส กฤดากร, นางทยา ทีปสุวรรณ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อกบฏเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งให้มาพบ เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนคดีข้อหากบฏส่งให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาตามที่ดีเอสไอมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง
    พ.ต.ท.ไพศิษฏ์ สังคหะพงศ์ โฆษกดีเอสไอ เผยว่า ผู้ต้องหาทุกรายได้ทำหนังสือขอเลื่อนคดีออกไป เนื่องจากยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่พร้อม เบื้องต้นคาดว่าจะอนุมัติให้เลื่อนคดีตามที่ร้องขอ แต่จะพิจารณาตามกรอบระยะเวลา ซึ่งคงไม่เป็นไปตามเวลาที่ฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอ เนื่องจากเป็นการร้องขอให้เลื่อนเป็นเวลาหลายเดือน
    ขณะที่ พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เผยว่า ตามที่ คสช.ได้มีคำสั่งการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) โดยมีพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ เป็น ผอ.ศปป. ทำหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี และความปรองดองสมานฉันท์ระหว่างประชาชนทุกฝ่ายนั้น ขณะนี้ คสช. ได้เพิ่มเติมโครงสร้างคือกลุ่มงานสร้างความปรองดองและการปฏิรูปขึ้นมา และกำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการปรองดองและการปฏิรูป โดยมีสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยบูรณาการผู้แทนของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาจัดทำแผนการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูปประเทศ
    นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ เป็นหน่วยขึ้นตรงกับสำนักงานคณะกรรมการปรองดองและการปฏิรูป และมีผู้แทนจากส่วนราชการทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการเป็นคณะทำงาน ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการปฏิรูปจากแนวความคิดของผู้ทรงคุณวุฒิ พรรคการเมือง นักวิชาการ สถาบันการศึกษาต่างๆ และประชาชน ตลอดจนการจัดการระดมความคิด การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปจากทุกภาคส่วน เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลนำเสนอให้สภาปฏิรูปใช้ประกอบในการพิจารณาต่อไป.
    วันเดียวกัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ออกคำสั่งที่ 68/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ที่ห้องจามจุรี หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 18 มิ.ย.2557 เวลา 10.00-12.00 น. จำนวน 33 คน  ซึ่งรอบนี้มีทั้งการ์ดคนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์, การ์ด กปปส. รวมถึงนักวิชาการสายเสื้อแดง, นักเคลื่อนไหวเอ็นจีโอ และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย    
      ได้แก่ 1.นายสุขเสก พลตื้อ การ์ดเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในช่วงเหตุการณ์จลาจลปี 2553 โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอย่างมีเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม นายสุขเสกยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีสำคัญที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยกล่าวถึงในสำนวนคดีสำคัญคดีหนึ่งของดีเอสไอ ซึ่งส่งอัยการสูงสุดในช่วงนั้น แต่ยังไม่มีการสั่งฟ้อง  
    2.นายเจติศักดิ์ จันทร์ประดิษฐ์ หัวหน้านักรบศรีวิชัย 3.นายธงชัย สุวรรณวิหค สหายช่วง หนึ่งในทีมกุนซือของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. ที่ปรึกษาฝ่ายประสานงานโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอก-หินกรูด 4.นายดนัย ทิพย์ยาน แกนนำกลุ่มพลังอาชีวะปกป้องชาติและราชบัลลังก์ 5.นายวิษณุ เกตุสุริยา เลขานุการ กปปส.ระยอง 6.นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู หรือนายเม่น หัวหน้ากลุ่มนักรบองค์ดำ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยใช้อาวุธปืนยิงปะทะหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.57 7.นายอุทัย ม่วงศรีเมืองดี นักวิชาการเคลื่อนไหวด้านพลังงาน   
        8.นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งครั้งหนึ่งมีการโพสต์ข้อความปฏิเสธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการให้ตั้ง อาชีวะ ขึ้นปราศรัยพาดพิงสถาบัน อีกทั้งก่อนหน้านี้เคยมีข่าวใช้อาวุธข่มขู่ทหารขณะเข้าตรวจค้นพื้นที่ยาเสพติดเมื่อปี 2554 9.นายหาญศักดิ์   เบญจศรีพิทักษ์ แกนนำกลุ่มแดงล้านนา ซึ่งเคยสร้างเหตุการณ์บุกช่อง 11 ยื่นหนังสือขอให้ยุติรายการที่มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ    
    10.นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชายนายดุสิต สินธุไพร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเคลื่อนไหวมวลชนเสื้อแดงต่างจังหวัด จนได้รับตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.คมนาคม 11.นายพรส เฉลิมแสน นักวิชาการและแกนนำคนเสื้อแดงที่ตั้งตนเป็นเลขาธิการคณะราษฎร 2555 ไม่เอานายกฯ มาตรา  
          12.น.ส.กริชสุดา คุณะเสน รู้จักกันในนามสหายสุดซอย หรือเปิ้ล เป็นอดีตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย หลังจากปี 2553 ซึ่งมีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก น.ส.กริชสุดาเป็นตัวหลักคนหนึ่งในการกระจายความช่วยเหลือแก่นักโทษการเมืองเหล่านั้น 13.น.ส.สุวรรณณา ตาลเหล็ก  14.นางพรพิมล สุนดาพร 15.น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดพิจิตร 
     นอกจากนี้ ยังมี 16.นายองอาจ ตันธนสิน แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ 17.นายพงษ์เทพ ไชยศล 18. นายเกษมสันติ จำปาเลิศ 19.นายเทียนสวัสดิ์ เทียนเงิน 20.นายงภัคจิรา ชุนฮะสี 21.นายนพพร พรหมขัติแก้ว 22.นายพิทัช ศรีสุวรรณ 23.นายสุวิทย์ เม็นไธสง 24.นายวิระศักดิ์ โตวังจร 25.นายอานนท์     กลิ่นแก้ว วิชัย และ 26.นายศรายุทธ สังวาลย์ทอง
        27.น.ส.วรจเรข วัฒนพาณิชย์ (ก่อตั้งร้านหนังสือ Book Re:Public เชียงใหม่) 28.น.ส.อตาน้อย ห่อมารยาท 29.นายกวี วงศ์รัตนโสภณ 30.นางอัมรา     วัฒนกูล นักวิชาการที่เคยอยู่ในกลุ่มสันติประชาธรรมเคลื่อนไหวเรื่องปราสาทพระวิหาร 31.น.ส.ภัทรจิต    โชติกพนิช อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ 32.นางพรรณราย เมาลานนท์ 33.น.ส.นุ่มนวล ยัพราช
    เมื่อเวลา 21.00 น. พ.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม เผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารทำการควบคุมตัวนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ จากความผิดไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. มา 7 วันก่อนหน้านี้แล้ว และในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 10.00 น. มีการประสานมาว่าจะคุมตัวนายวรเจตน์ ส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะคุมตัวไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 18 มิ.ย.
        ทั้งนี้ นายวรเจตน์ได้ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวกับ คสช. ตามคำสั่งที่ 57/2557 ในวันที่ 10 มิ.ย. แต่นายวรเจตน์ได้ส่งนางพัชรินทร์ ภาคีรัตน์ ภรรยา เข้ารายงานตัวแทน โดยให้เหตุผลว่าป่วย ไม่สามารถเข้ารายงานตัวด้วยตนเองได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น