วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557


สื่อสารผิดพลาด ทำ‘ต่างด้าว’ตื่น บัวแก้วแจงเขมร เมื่อ 18 มิ.ย.57

"ประจิน" ยอมรับ คสช.สื่อสารนโยบายจัดระเบียบต่างด้าวผิดพลาด ทำแรงงานข้ามชาติตื่นตระหนกอพยพทะลุหลักแสน "บัวแก้ว" เชิญทูตกัมพูชาหารือ จับมือเคลียร์ชุมชนเขมรในไทย "นายกฯสมาคมประมง" โวยธุรกิจเริ่มสะดุด จี้ จนท.เร่งทำความเข้าใจ "สีหศักดิ์" แย้มจับตาสหรัฐจัดอันดับค้ามนุษย์ในไทย 20 มิ.ย.นี้
    เมื่อวันอังคาร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผอ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวทยอยเดินทางออกประเทศภายหลังจากที่ คสช.มีมาตรการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวว่า  เกิดจาก 2 กรณี คือ 1.เรื่องแรงงานต่างด้าว หน่วยงานด้านความมั่นคงมีความเป็นห่วงกรณีที่มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยไม่ถูกกฎหมายและระเบียบ จึงมีความพยายามที่จัดระเบียบเพื่อให้เกิดความถูกต้อง 2.เรื่องความต้องการแรงงานทางด้านอุตสาหกรรมและภาคเกษตรมีความต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งมองว่าหากมีความเข้าใจสถานการณ์แล้ว แรงงานต่างด้าวเหล่านั้นจะทยอยเดินทางกลับเข้ามาเหมือนเดิม 
    พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การดำเนินการในโครงการต่างๆ มีความต้องการแรงงานทุกระดับ ตั้งแต่ระดับแรงงานทั่วไป แรงงานฝีมือ รวมถึงผู้ควบคุมงาน และเชื่อว่าแรงงานต่างด้าวจะเข้าใจว่า คสช.ต้องการจัดระเบียบ และต้องการให้แรงงานกลับเข้ามาทำงานในระบบเช่นเดิม 
    "แรงงานที่ทยอยกลับมีจำนวนตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน แต่ตัวเลขก็มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และเรากำลังติดตามสถานการณ์อยู่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนของผู้ประกอบการ ทำให้แรงงานต่างด้าวตกใจและเดินทางกลับออกนอกประเทศ" รองหัวหน้า คสช.กล่าว
    พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ภาค 2 กล่าวว่า จากการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี และ กอ.รมน.ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ มีชาวกัมพูชาเดินทางออกนอกประเทศทางช่องจอม จ.สุรินทร์ ไปแล้วกว่า 6,400 คน ซึ่งมาจากหมดสัญญากับทางคู่แรงงานที่ว่าจ้าง ไม่ใช่การกวาดล้างจับกุม 
    ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญนางอีท โซเฟีย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อหารือถึงนโยบายที่เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ภายหลังเกิดกรณีแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ เพราะเกรงกลัวว่าจะกวาดล้างอย่างรุนแรง ใช้เวลา 30 นาที
    นายสีหศักดิ์แถลงว่า ได้ย้ำว่า คสช.ให้ความสำคัญด้านนโยบายที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัมพูชาที่เราเน้นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดน และยืนยันกระแสข่าวการกวาดล้างและจับกุมแรงงานต่างด้าวนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่ทราบมาจากที่ใด 
    "ความจริงแล้วประเทศไทยต้องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้เข้าสู่ระบบถูกต้องตามกฎหมายไทย เพื่อไม่ให้แรงงานเหล่านี้ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเข้าไปอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ จึงอยากให้ทั้งไทยและกัมพูชาร่วมกันสื่อสารว่าข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศในเรื่องการจ้างแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกับแรงงานไทย รวมทั้ง 2 ประเทศจะทำงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น" ปลัดกระทรวงต่างประเทศกล่าว
    นายสีหศักดิ์กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์นี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐจะเผยแพร่รายงานประจำปี เรื่องสถานการณ์ค้ามนุษย์ประจำปี 2557 ซึ่งจะเป็นรายงานว่าประเทศต่างๆ ได้ดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์มากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่อันดับที่ 2 ซึ่งปีนี้ต้องรอดูว่าประเทศไทยจะอยู่ในอันดับใด
    "เราได้ยืนยันไปว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ศสช.) ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากจำนวนคดี ที่มี 400 คดี และลงโทษไปแล้วกว่า 200 ราย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งนี้ หวังว่ารายงานของสหรัฐจะสะท้อนความคืบหน้าการดำเนินการค้ามนุษย์ และคิดว่าสหรัฐจะเผยแพร่รายงานในคืนวันที่ 20 มิ.ย." นายสีหศักดิ์กล่าว
    ด้านนางอีท โซเฟีย กล่าวว่า เห็นด้วยที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการปล่อยข่าวลือ ซึ่งสิ่งที่ไทยและกัมพูชาต้องการคือ การทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมายได้เข้าสู่ระบบตามกฎหมายไทย ซึ่งมีการทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่าง 2 ประเทศอยู่แล้ว  
    นางอีท โซเฟีย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงต่อแรงงานชาวกัมพูชาในไทย โฆษกกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากการหารือกันในวันที่ 17 มิ.ย. โฆษกรัฐบาลกัมพูชาและโฆษกกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาคงจะมีการชี้แจงให้ชาวกัมพูชาทราบต่อไป 
    "ได้ติดต่อกับชุมชนชาวกัมพูชาในไทยอยู่แล้ว หากชาวกัมพูชาในไทยมีข้อกังวลใด ก็สามารถติดต่อสอบถามสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยได้ทันที และทั้ง 2 ฝ่ายมีการเปิดสายด่วนติดตามสื่อสารระหว่างกันโดยตรง" เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกล่าว  
    นายภูเบศ จันทนิมิ นายกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบปัญหาแรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศว่า จะต้องเร่งทำความเข้าใจกับแรงงานต่างด้าวและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดทั่วประเทศไทย ประสานไปยังสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัดแต่ละจังหวัดเรียกประชุมประสานงานในฐานะที่อยู่ใกล้ชิดที่สุด เร่งรีบดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
    "ผมงงมาก ข่าวแรงงานต่างด้าวออกมาแนวทางใด จึงทำให้หลั่งไหลอย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ ซึ่งตลอดระยะ 3-4 วัน มีการเดินทางกลับจำนวนมาก จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจประมง แต่ยังไม่สามารถคำนวณความเสียหายได้” นายกสมาคมประมงกล่าว
    วันเดียวกัน 9 เครือข่ายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ออกแถลงการณ์เรียกร้อง คสช.ทบทวนมาตรการจัดการระเบียบแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ต้องยุติการกวาดล้างจับกุมแรงงานข้ามชาติ และออกมาตรการด่วนที่จะสร้างความมั่นใจต่อแรงงาน รวมทั้งปรับโครงสร้างคณะกรรมการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ให้มีตัวแทนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างแรงงานข้ามชาติเข้าร่วม
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.26 น. วันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา คสช.มีประกาศ ฉบับที่ 67/2557 เรื่อง มาตรการชั่วคราวในการดำเนินการต่อแรงงานต่างด้าว โดยเนื้อหาคร่าวๆ ระบุ คสช.ยืนยันยังไม่มีนโยบายที่จะเร่งรัดจับกุมกวาดล้างแรงงานต่างด้าวตามที่ปรากฏเป็นข่าว การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในขณะนี้กำหนดให้มีมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าว โดยให้ผู้ประกอบการ นายจ้าง ที่ประกอบกิจการบนบกและทางทะเล จัดเตรียมรายชื่อลูกจ้างในสังกัดให้ครบถ้วน เพื่อให้พร้อมรับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม
    "ให้ระมัดระวังกรณีที่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่มาปล่อยข่าวให้แรงงานเกิดความหวาดกลัว กลุ่มที่กระทำการดังกล่าวอาจเป็นกลุ่มที่มุ่งหวังผลประโยชน์ในการจัดระเบียบแรงงานผิดกฎหมายกลุ่มใหม่ หรือไม่ต้องการจ่ายค่าจ้างให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา หากตรวจพบการกระทำดังกล่าว ให้แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบและลงโทษตามกฎหมาย" ประกาศ คสช.ตอนหนึ่งระบุ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น