วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ม็อบร้องประยุทธ์ หมายจับจารุพงศ์ เมื่อ 17 มิ.ย.57

ม็อบร้องประยุทธ์ หมายจับจารุพงศ์ เมื่อ 17 มิ.ย.57


คสช.โยนให้เอกชนพิจารณาชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ หลังประชาชนแห่ดูจนทะลัก  หวั่นเข้าใจผิดใช้งบประชานิยมจัดกิจกรรมคืนความสุข  "ประยุทธ์" เนื้อหอมสารพัดม็อบโผล่หน้า ทบ.ร้องให้ช่วยแก้ปัญหา ขณะที่เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปฯ จี้ให้เรียก "ทักษิณ" มารายงานตัวพร้อมนำขึ้นศาลทหาร ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังของปัญหาทั้งมวล ศาลทหารอนุมัติหมายจับ "จารุพงศ์" กับพวกรวม 7 คน ฐานขัดคำสั่งไม่มารายงานตัว
    เมื่อวันจันทร์ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชน โดยได้จัดให้มีการชมภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ตอน "ยุทธหัตถี" ฟรี 160 โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีประชาชนไม่ได้รับชมจำนวนมาก ว่า สำหรับประชาชนที่ไม่ได้รับสิทธิ์ชมภาพยนตร์เนื่องจากที่นั่งไม่เพียงพอนั้น ต้องให้ทางผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์พิจารณา ตอนนี้น่าจะมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว
     พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คสช.เป็นเพียงผู้สนับสนุน อยากให้ฝ่ายพลเรือนเป็นผู้ขับเคลื่อนในกิจกรรมดังกล่าวมากกว่า  และยินดีอย่างยิ่งหากจะมีการเข้ามาสนับสนุน คสช.เองก็เกรงว่าจะมีการเข้าใจข้อมูลที่ผิดว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณประชานิยม กิจกรรมตรงนี้จึงอยากให้เป็นการบริหารโดยภาคเอกชน ส่วนที่มีการพูดกันว่าจะจัดเป็นภาพยนตร์กลางแปลงหรือไม่นั้น เชื่อว่าทางธุรกิจภาพยนตร์เองจะมีข้อสรุปในการหาทางออก เพื่อตอบรับเสียงเรียกร้องของประชาชนได้ คสช.ไปชี้นำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีผลประโยชน์อะไร
      น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการฉายหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรฟรี เพื่อสนับสนุนแนวทางคืนความสุขให้คนไทยของ คสช. หัวใจไม่ได้อยู่ที่หนังเท่านั้น แต่สิ่งที่สัมผัสได้ ณ เวลานี้ คือความร่วมไม้ร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ตั้งใจคืนความสุขให้กับคนไทย
    ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์วุ่นวายในระหว่างการเปิดฉายภาพยนตร์ว่า ตนมองว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีการปฏิวัติวัฒนธรรม โดยระบอบประชาธิปไตยอาจแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ 1.ระบอบการปกครอง 2.พฤติกรรมในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ซึ่งในเรื่องของระบอบการปกครอง  คนไทยรู้ดีในเรื่องทฤษฎีว่า ถ้าเป็นประชาธิปไตยต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่หากเป็นพฤติกรรมในการอยู่ร่วมกันค่อนข้างจะเป็นปัญหา 
หนุนปฏิวัติวัฒนธรรม
    "เพราะจากภาพข่าวกิจกรรมที่ประชาชนแย่งกันดูภาพยนตร์ฟรีเรื่องพระนเรศวรฯ จนเกิดเหตุทะเลาะกันวุ่นวาย ขณะที่อีกภาพข่าวหนึ่งเป็นกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นจำนวนมากเข้าแถวชมคอนเสิร์ตฟรีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งที่มีจำนวนคนเข้าชมฟรีมากกว่าของไทย ดังนั้น สิ่งที่เราต้องปฏิวัติกันจริงๆ คือการปฏิวัติวัฒนธรรมประชาธิปไตย" นายนิพิฏฐ์กล่าว    
    วันเดียวกัน สำนักข่าวอิศราได้เผยแพร่ข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่า วันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัท พร้อมมิตรโปรดักชั่น จำกัด ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี ร่วมกับบริษัท สหมงคลฟิล์ม  อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้นำส่งงบดุลแสดงผลประกอบการทางธุรกิจปีล่าสุด 2556 พบมีรายได้รวม 20,428,689.88  บาท ขาดทุนอยู่ 7,456,243.86 บาท ขณะที่ตัวเลขการขาดทุนสะสมอยู่ที่ 47 ล้านบาท หนี้สินรวม 644 ล้านบาท
      ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ตัวแทนเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของ คสช. และขอให้ คสช.เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวระบุว่า ขณะนี้ คสช.กำลังจะเริ่มต้นปฏิรูปประเทศไทย  ทางเครือข่ายขอให้ คสช.ตระหนักถึงต้นเหตุแห่งปัญหา จึงขอเรียกร้องให้เร่งออกคำสั่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมารายงานตัวโดยเร็ว และพิจารณาตั้งข้อหาและดำเนินคดี รวมทั้งให้นำคดีเข้าพิจารณาในศาลทหารในทันที พร้อมให้ถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตลอดจนเพิกถอนหนังสือการเดินทางทางการทูตด้วย
     นอกจากนั้นยังมี 1.กรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข, นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋, นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง  อาชีวะ, นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์  แสดงพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชนุภาพ จนมีการตั้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดตั้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ได้พูดถึงการติดต่อสื่อสารและได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ
     2.ที่ผ่านมามีการตรวจยึดอาวุธสงคราม และสามารถจับกุมบุคคลที่ครอบครองอาวุธได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังค้นพบแผนการของขบวนการที่จะก่อการร้าย ไปจนถึงแผนการแบ่งแยกดินแดน เช่น กรณีขอนแก่นโมเดล ก็มีหลักฐานสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ 3.รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ประกาศมาตลอดว่า โครงการรับจำนำข้าวมาจากแนวคิด "ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ" เมื่อปรากฏว่าโครงการรับจำนำข้าว นอกจากจะขาดทุนมากกว่า 5 แสนล้านบาทแล้ว ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังระบุว่าโครงการนี้มีการทุจริตทุกขั้นตอน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ให้สั่ง 'แม้ว' มารายงานตัว
      และ 4.ระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ถูกลอบโจมตี และมีประชาชนถูกทำร้ายจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีหลักฐานแสดงว่า อาวุธและบุคคลที่ต้องสงสัยในการก่อเหตุ หลายกรณีเชื่อมโยงกับอาวุธและบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้การสนับสนุน จึงขอเรียกร้องให้ คสช.เร่งออกคำสั่งเรียก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมารายงานตัวโดยเร็ว
       นอกจากนั้น ยังมีหลายกลุ่มที่เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้หัวหน้า คสช.แก้ไขปัญหา ไล่ตั้งแต่กลุ่มสหกรณ์บริการผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ที่มาขอความเป็นธรรมจากความเดือดร้อนเรื่องค่าเช่าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเก็บเงินค่าที่ในราคา 3,552 บาท อีกทั้งการบริหารจัดการเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น การอนุญาตให้บุคคลภายนอกบุกรุกผิวจราจร ปูผ้าขายสินค้าในตลาดนัดจตุจักร โดยมีคนเก็บค่าหัวคิว ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานสูงกว่า กทม.หลายสิบเท่า มีการนำการ์ดเสื้อแดงมารักษาความปลอดภัยในตลาดนัด และมีอดีตนายตำรวจเรียกเก็บเงินภายในตลาด และขอเรียกร้องให้ คสช.มีคำสั่งให้ ร.ฟ.ท.หยุดการบริหารงานตลาดนัดจตุจักร พร้อมส่งมอบให้ กทม.เข้ามาบริหารแทน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย
      รวมทั้งยังมีกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มาร้องขอความเป็นธรรม จากกรณีที่นายอำเภออุทัยจะทำการย้ายที่ว่าการอำเภอ โดยมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และกลุ่มคนพิการทางสายตา เรียกร้องให้ช่วยเหลือความเดือดร้อนในด้านการงานและอาชีพ ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปยื่นขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลใด จึงมาขอ คสช.ให้ช่วยดำเนินการให้ผู้พิการทางสายตา 25 คน ได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาลคนละ 10 เล่ม เพื่อนำไปจำหน่ายเลี้ยงชีพดูแลตนเองและครอบครัว รวมถึงกลุ่มชุมชนชายคลองบางบัว มาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูกฟ้องศาลไล่รื้อบ้าน เพื่อนำไปสร้างโครงการบ้านมั่นคง
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.ได้ทำหนังสือเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.,  พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.กรณีไม่เข้ารายงานตัวรวม 7 ราย ประกอบด้วย 1.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 2.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย 3.นายสงวน  พงษ์มณี 4.นายวิสา คัญทัพ 5.นางไพจิตร อักษรณรงค์ 6 .พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2557 และ 7.นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล  ตามคำสั่ง คสช.ที่ 65/2557 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2557
      ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพเพื่อออกหมายจับทั้งหมด ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วในวันเดียวกันนี้ สำหรับความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.นั้น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดื่มน้ำสาบานสมานฉันท์
     นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการสร้างความปรองดองในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ว่า ในภาพรวมของการสร้างบรรยากาศที่สร้างสรรค์นั้น มีการดำเนินการแล้วทุกจังหวัด  โดยกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้แต่ละพื้นที่ดูแลพื้นที่ที่มีข้อขัดแย้งเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่ที่ดีอยู่แล้วก็ให้สร้างบรรยากาศให้มีความสมานฉันท์ และการทำงานร่วมกันในวิถีทางประชาธิปไตย โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยให้มีการร่วมมือกับตำรวจ ทหาร ภาคเอกชน โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาว่าควรจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่อย่างไร ทั้งนี้ ในส่วนของการสร้างบรรยากาศปรองดองนี้ จะให้เสร็จภายในเดือน ก.ค. โดยบรรยากาศทั่วไปขณะนี้ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
    ส่วนที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้กำหนดจัดพิธีสาบานตน เพื่อการปรองดองสมานฉันท์จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 19  มิถุนายน 2557 เวลา 16.00 น. ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดกาญจนบุรี ให้เกิดความรัก ความสามัคคี และยึดมั่นในความจงรักภักดี เทิดทูนและดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย สำหรับกิจกรรมภายในงานที่สำคัญคือ  พิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ พิธีดื่มน้ำสาบานตนเพื่อการปรองดองสมานฉันท์ และร่วมกันร้องเพลงความฝันอันสูงสุด, เพลงสามัคคีชุมนุม และเพลงสดุดีมหาราชา  โดยจะมีประชาชนจากทั้ง 13 อำเภอ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม
     ที่สโมสรค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 เดินทางมาเป็นประธานในการอบรมวิทยากรกระบวนการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 โดยมีนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, พล.ต.ศรายุธ รังษี ผบ.มทบ.33 พร้อมด้วยข้าราชการทหาร ตำรวจ ตัวแทนจากอำเภอต่างๆ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วม
       พล.ท.ปรีชากล่าวตอนหนึ่งว่า ช่วงที่ผ่านมาสังคมได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดความขัดแย้งแตกแยก ก่อให้เกิดความความวุ่นวายในสังคมไทย รวมทั้งมีการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมากทั้งภายในและต่างประเทศ ทาง คสช.จึงได้เข้ามาควบคุมการบริหารจัดการ พร้อมทั้งจัดระเบียบประเทศให้สังคมกลับมาสงบสุข จึงได้จัดให้มีการอบรมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้การทำงานปรองดองสมานฉันท์ของชาติสามารถเดินไปตามขั้นตอนและสำเร็จได้ตามโรดแม็พของ คสช.ทั้ง 3 ขั้นตอน
    "ดังนั้น จึงต้องได้รับความความร่วมมือจากทุกพื้นที่ในการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของภารกิจในครั้งนี้ คือ 1.ต้องเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานเพื่อประชาชน พร้อมทั้งต้องสร้างและปลูกจิตสำนึกในหน้าที่ของคนไทยในเรื่องความรักชาติ 2.ต้องมีการจัดระเบียบสังคม ให้ประชาชนมีความเคารพกฎหมาย ไม่มีการกระทำที่เป็นการทำลายสังคม 3.การสร้างเครือข่ายนิรภัยสังคม ที่ประกอบด้วย บ้าน วัด โรงเรียน 4.ยึดถือและน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต"
      พล.ท.ปรีชากล่าวด้วยว่า สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในแต่ละจังหวัดในเขตภาคเหนือ ขณะนี้ไม่มีเกิดขึ้นในทุกพื้น แต่อย่างไรก็ตามยังมีเกิดอยู่บ้างในกลุ่มโซเชียล  ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ติดตามดำเนินการเพื่อปิดเว็บไซต์ที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านแล้ว ในภาพรวมถือได้ว่ามีความสงบเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น