30 พ.ค. 56 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาร่าง พรบ.งบฯ 57 ต่อประเด็นการอภิปรายของ
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
ที่ระบุว่าโครงการจัดซื้อรถตู้โดยสารเพื่อรับ-ส่งนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน
1,000 คันๆ ละ 2.3 ล้านบาท รวมเป็นเงินงบประมาณ 2.3 พันล้านบาทส่อทุจริต
โดยยอมรับว่า
รายละเอียดการเสนอของบประมาณโครงการดังกล่าวของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
มีความผิดพลาดในการจัดพิมพ์
ทำให้ตัวเลขแตกต่างจากการกำหนดราคากลางของสำนักงบประมาณ
ที่ตั้งไว้คันละ 1.2 ล้านบาท ทั้งนี้ในปีนี้มีการจัดพิมพ์ผิดพลาดอยู่หลายจุดทำให้
สส.ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยข้อเท็จจริง
ศธ.ได้ตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อรถตู้จำนวน 1,000 คันๆ ละ 1,232,400 บาท
ดังนั้นจะรวมเป็นเงิน 1,232 ล้านบาท
โดยราคาดังกล่าวถือเป็นราคากลางที่สำนักงบประมาณได้กำหนดไว้ รวมถึงสเปคของรถตู้
จำนวน 12 ที่นั่งด้วย
“การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นบริบทหนึ่งที่เรารักและหวงแหนงบประมาณ เพราะ
ศธ.ถือเป็นคนต้นแบบ ไม่ทำอะไรสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือชอบมาพากล
งบประมาณเพื่อจัดซื้อรถตู้โดยสาร 1,000 คันนั้น
เป็นไปตามความต้องการของโรงเรียนและชุมชน ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ได้กำหนดแผนการใช้ตั้งแต่ปี 2555 คือ สนับสนุนโรงเรียนดีศรีตำบล จำนวน 850
คัน , อีก 150 คัน จะสนับสนุนให้โรงเรียนขนาดเล็กที่มีการควบรวมเป็นโครงการนำร่อง
ส่วนการตั้งงบประมาณที่ผิดพลาดเป็นความผิดพลาดทางเอกสารเท่านั้น
ยืนยันราคาที่จัดซื้อเป็นไปตามราคากลางของสำนักงบประมาณ” นายเสริมศักดิ์
ชี้แจง
จากนั้นนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงในส่วนของการปฏิรูปการศึกษาชี้แจงว่าที่ผ่านมายอมรับว่า
การประเมินผลการศึกษาของเด็กไทย ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา เทียบกับประเทศต่างๆ
ไม่เป็นที่พอใจ
แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้มีการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาเพื่อยกระดับการศึกษาของเด็กไทย
คือ ให้เด็ก คิด วิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์
โดยเตรียมปรับเวลาการเรียนลดชั่วโมงเรียนที่เน้นการท่องจำ
ส่วนงบงานวิจัยรัฐบาลยืนยันว่า
งบที่เกี่ยวข้องสนับสนุนมหาวิทยาลัยวิจัยต้องได้รับการจัดสรร 5,000 ล้านบาท
และปีต่อไปจะไม่ตัดงบประมาณส่วนดังกล่าวออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมเริ่มมีความวุ่นวาย
และเสนอให้มีการยุติการพิจารณา ร่าง พรบ.งบฯ 57 โดยนายจุฤทธิ์ กล่าวว่า
ตามที่นายเสริมศักดิ์ ระบุว่า เอกสารเล่มขาวคาดแดง ส่วนของ ศธ.พิมพ์ผิด
ดังนั้นต้องมีการยุติการพิจารณา เพราะหากยังคงพิจารณาต่อไป
เสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 ว่าด้วยการนำเสนอร่าง
พรบ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ ทั้งนี้ขอให้แก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดให้ถูกต้องก่อน
อย่าอ้างว่าพิมพ์ผิดแล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ ทำให้นายเสริมศักดิ์ ชี้แจงโต้ตอบว่า
“เอกสารแก้ไขตัวเลขที่ผิดพลาด
ผมได้รับเอกสารแนบฉบับที่แก้ไขแล้ว โดยมีจำนวน 10 หน้าในส่วนของ
ศธ.”
จากนั้นนายบุญยอด สุขถิ่นไทย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
อภิปรายทักท้วงว่า“เอกสารแนบฉบับแก้ไข สส.ยังไม่ได้รับ
ดังนั้นทางออกตอนนี้ขอให้พักการประชุม
ไม่เช่นนั้นผมจะขอใช้เอกสิทธิ์เสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 47(5)
ให้เลื่อนให้พิจารณา เพราะสภาฯ ไม่สามารถพิจารณาอย่างลวกๆ ได้
ทั้งนี้ตนขอเรียกจิตวิญญาณของ สส.ฝ่ายรัฐบาล ที่เข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนชาวไทย
ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรัฐบาล” โดยบรรยากาศหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่ยุติลง
ทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2
ฐานะประธานในที่ประชุมสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที เมื่อเวลา 13.45
น.
จากนั้นเวลา 14.10 น. ได้มีการเปิดประชุมอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่สภาฯ
ได้แจกเอกสารฉบับแก้ไขให้กับ สส. จากนั้น นายวราเทพ รัตนากร
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ฐานะกำกับสำนักงบประมาณ ชี้แจงยืนยันว่า ไม่มีเจตนา
หรือจงใจที่จะนำเอกสารที่ผิดพลาดมาให้พิจารณา อย่างไรก็ตาม
รายละเอียดโครงการที่เสนองบประมาณ
ตามเอกสารประกอบมีรายละเอียดจำนวนมากจึงเกิดความผิดพลาด
อีกครั้งในโครงการจัดซื้อรถตู้โดยสาร ของ ศธ. เดิมมีการเสนอโครงการจัดซื้อรถจำนวน
2,000 คัน ตั้งงบไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท
เมื่อมีการแก้ไขโครงการลดจำนวนจัดซื้อรถตู้ เหลือ 1,000 คัน
ก็ไม่ได้แก้ไขตัวเลขเสนองบประมาณ
“ในการพิจารณาที่ผ่านมาเมื่อถึงกรรมาธิการฯ
จะมีการขอแก้ไขรายละเอียดที่ผิดพลาดได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกปี
ส่วนโครงการซื้อรถตู้โดยสารที่ตรวจพบตัวเลขที่ผิดพลาด
เพราะก่อนหน้านั้นมีข่าวเรื่องการทุจริต
ผมยอมรับผิดและจะนำประเด็นเหล่านี้ไปแก้ไขปรับปรุง” นายวราเทพ
กล่าว