วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แฉใส่ยาแก้ปวดในน้ำผลไม้ เภสัชกรชี้กินมากทำ′ตับ-ไต′พัง เมื่อ 29 ก.ค.57



แฉใส่ยาแก้ปวดในน้ำผลไม้ เภสัชกรชี้กินมากทำ′ตับ-ไต′พัง
 
เภสัชกร รพ.ขุขันธ์ เผย พบพวกผู้ค้าหัวใสหลอกลวงผู้บริโภคลักลอบเติม "สารกลุ่มยาเอ็นเสด" ใน "น้ำผลไม้-น้ำสมุนไพร" ชี้กินมากตับและไตพัง อย.ขู่ผู้ผลิตจำคุกตลอดชีวิต

ภก.เด่นชัย ดอกพอง เภสัชกรประจำโรงพยาบาล (รพ.) ขุขันธ์ จ.ศรีษะเกษ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังการใช้สเตียรอยด์ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ

พบว่า ขณะนี้หน่วยงานของรัฐมีการเฝ้าระวังและปราบปรามอย่างจริงจังและประชาชนเริ่มมีความเข้าใจและสามารถสังเกตถึงความผิดปกติหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ปนเปื้อนได้บ้าง เช่น หน้าบวม ตัวบวม หายปวดฉับพลัน เป็นต้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มการลักลอบเติมสารสเตียรอยด์เริ่มเปลี่ยนไป เช่น นำไปเติมในน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร นอกจากนี้ยังพบแนวโน้มการนำสารตัวอื่นมาเติมแทนสเตียรอยด์ คือ สารกลุ่มยาเอ็นเสด (NSAID) หรือกลุ่มยาแก้ปวดชนิดหนึ่ง โดยพบว่า ยากลุ่มดังกล่าวหากกินในปริมาณมากหรือต่อเนื่องมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการไตวายและโรคกระเพาะได้
"แม้ว่ายากลุ่มเอ็นเสดจะมีอันตรายน้อยกว่าสเตียรอยด์ แต่ถือว่าน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน โดยจากการเฝ้าระวังพบว่า มีการนำไปเติมในสมุนไพรชนิดน้ำ ซึ่งการเติมสารในลักษณะนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมปริมาณที่ได้รับยาได้และผลกระทบที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับสภาพของบุคคลนั้นๆ ด้วย หากเป็นผู้สูงอายุที่ไตไม่ดีอยู่แล้วอาจเห็นผลกระทบเร็ว แต่สำหรับคนทั่วไป หากได้รับปริมาณมากหรือติดต่อกับ 2-3 สัปดาห์ สามารถเกิดอาการของโรคไตได้ทั้งนี้การเติมยากลุ่มเอ็นเสดในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้นถือได้ว่าเทียบเท่ากับการผลิตยาปลอม มีโทษเช่นเดียวกัน" ภก.เด่นชัยกล่าว และเสริมว่า การเติมสารกลุ่มเอ็นเสดถือเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันเพราะต้องนำตัวอย่างส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่สำคัญประชาชนยังไม่สามารถเฝ้าระวังได้เองด้วยการสังเกตจากอาการภายนอก ดังนั้นเครือข่ายเฝ้าระวังยังคงสุ่มตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากแหล่งขาย เช่น รถเร่ พระ วิทยุชุมชน ฯลฯ ยังเป็นช่องทางที่พบการขายผลิตภัณฑ์ที่มีการปลอมปนสารมาก

ด้าน ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า 
สารเอ็นเสดเป็นกลุ่มยาแก้ปวด ลดไข้ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดระคายเคืองและเกิดแผลในกระเพาะอาหาร หากกินมากๆ และติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเกิดผลเสียต่อการทำงานของตับและไต ดังนั้นยาดังกล่าวจึงถือเป็นยาที่ต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น และยาบางตัวในกลุ่มนี้จะอนุญาตให้ขายเฉพาะกรณีที่มีใบสั่งแพทย์เท่านั้น สำหรับกรณีนี้ถือเป็นการผลิตยาปลอม มีโทษจำคุก 3 ปีถึงตลอดชีวิต ส่วนผู้ขายมีโทษจำคุก 1-20 ปี


............
(ที่มา:มติชนรายวัน 28 ก.ค.2557)
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น