28 ก.ค. 57 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.)
กล่าวถึงข้อบังคับการขับขี่รถจักรยานยนต์ตามกฎหมายจราจร พ.ร.บ.ทางบก 2522 ว่า ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ประเภทใดก็ตาม จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) หรือรถขนาดปกติ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจร พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 เหมือนกันทั้งหมด ต้องขับขี่ในลักษณะชิดขอบทางด้านซ้ายเท่านั้น และไม่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่ หรือเล็ก วิ่งบนทางด่วน วิ่งขึ้นสะพานข้ามแยก หรือขับขี่ในช่องจราจรขวาสุดได้
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ในส่วนควบสภาพรถจักรยายนต์ทุกชนิด จะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
ติดแผ่นป้ายทะเบียนชัดเจน สามารถมองเห็นได้ชัด จะต้องมีเสียงดังไม่เกิน 95 เดซิเบล และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนในการขับขี่บนท้องถนน หากพบรถวิ่งช่องทางขวาสุด หรือวิ่งในช่องทางด่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะจับปรับตามกฎหมายทันที อัตราโทษ 400 - 1,000 บาท แต่หากมีการวิ่งเป็นขบวนเพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ ในลักษณะการขี่ไปแบบกลุ่ม จะต้องมีใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผู้ที่จะสามารถอนุญาต จะต้องเป็นนายตำรวจระดับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจจราจร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น หากมีการฝ่าฝืนเคลื่อนขบวนโดยพลการ จะถูกปรับดำเนินคดี
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลกรมการขนส่งทางบก พบว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
มีตัวเลขการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 800 - 1,800 ซีซี ทั้งหมดกว่า 15 ล้านคัน แยกเป็นป้ายแดง 6,720,079 คัน และป้ายขาว 8,209,334 คัน หากพิจารณาตามสัดส่วนแล้ว การจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ในลักษณะดังกล่าว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณทุกปี เพราะเป็นค่านิยมของกลุ่มคนที่มีฐานะในประเทศไทย เนื่องจากรถเหล่านี้จะมีราคาแพง และจะไม่ใช้ในการปกติ แต่จะนิยมขี่กันไปเป็นกลุ่ม และมีชมรมเฉพาะ สำหรับการจดทะเบียนนั้น จะต้องดำเนินการทุกอย่างเหมือนรถจักรยานยนต์คันเล็กทั่วไป โดยกฎหมายกำหนดให้ชำระค่าภาษีประจำปีเพียงปีละ 100 บาท ส่วนการทำใบขับขี่ ก็ทำในลักษณะประเภทบุคคลธรรมดา แต่ในส่วนของการเสียภาษีการนำเข้านั้น จะต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่านำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น