เป็นอีกหนึ่งกองกำลังหลักในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สมควรได้รับการชมเชย นั่นก็คือ "กองทัพเรือ" เช่น ภารกิจจัดส่งเรือท้องแบนไปช่วยอพยพประชาชนออกมาจากบ้านพักไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพ เป็นต้น โดยมีการส่งทีมไปช่วยเหลือในหลายพื้นที่แล้วในช่วงที่ผ่านมา อาทิ นนทบุรี โดยเฉพาะย่านบางบัวทอง, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะฝั่งธนบุรี แถวๆ บางพลัด, จรัญสนิทวงศ์ ที่กำลังวิกฤติน้ำสูงกว่าหนึ่งเมตรอยู่ในเวลานี้
กองทัพเรือปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เรียกว่ารับงานได้ไม่กี่วันก็เจอภารกิจหนักเลย สำหรับ "พลเรือเอกสุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์" หรือ "บิ๊กหรุ่น" ที่ก้าวจากที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือมาเป็น ผบ.ทร. ต่อจากพลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ โดย ผบ.ทร.คนนี้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 13 (ตท.13) สมรสกับนางพรจิตร์ หรุ่นเริงรมย์
แรกเริ่มเดิมทีคนจับตามองว่า ภารกิจแรกของบิ๊กหรุ่นคือเดินหน้าจัดซื้อเรือดำน้ำให้สำเร็จ แต่เพราะประเทศประสบภัยพิบัติครั้งร้ายแรง ทหารทุกเหล่าจึงต้องเป็นมากกว่ารั้วของชาติ คือช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ผบ.ทร.จึงต้องหยุดการเดินหน้าจัดซื้อเรือดำน้ำไว้ก่อน แล้วสั่งกำลังพลทั้งหมดเข้าช่วยประชาชนผู้ประสบภัย แนวทางการช่วยเหลือที่กองทัพเรือวางไว้ มีอาทิ การให้กรมอู่ทหารเรือทำแพลอยน้ำไปวางตามจุดต่างๆ เพื่อเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ส่วนที่หลายคนเป็นห่วงว่า หากสถานการณ์วิกฤติและรัฐบาลรับมือไม่ไหว อาจต้องอพยพคนกรุงเทพฯ ออกไปอยู่ต่างจังหวัด กองทัพเรือก็เป็นหน่วยงานหลักในการอพยพคน โดยมีแผนไว้แล้ว เช่น หากเส้นทางถูกตัดขาดหมดจะอพยพคนทางทะเล โดยใช้รถลุยน้ำไปช่วยเหลือประชาชนออกจากพื้นที่ก่อน แล้วนำมาพักที่โรงเรียนนายเรือ จ.สมุทรปราการ เพื่อนำไปขึ้นเรือยกพลขึ้นบกแล้วไปส่งที่ จ.ชลบุรีหรือจังหวัดอื่นๆ ต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น