คนเมืองนนท์ เปิดเพจเฟซบุ๊ก นัดรวมพลทวงถามยุติธรรมน้ำท่วม ใช้ชื่อว่า ชุมชนคนรักเมืองนนท์
ประชาชน จ.นนทบุรี เปิดหน้าแฟนเพจในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า "ชุมชนคนรักเมืองนนท์" เพื่อนัดหมายรวมตัวขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี โดยเว็บเพจมีการชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง ว่า เพื่อแจ้งข่าวสาร ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับน้ำท่วม จ.นนทบุรี และรวมตัวกันเพื่อขอความยุติธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในการหามาตรการที่เป็นรูปธรรม ในการผันน้ำ หรือระบายน้ำออกจากพื้นที่ หลังจากปล่อยให้น้ำท่วมขังนานเกือบ 4 สัปดาห์ และน้ำมีระดับสูงเท่าอก หรือเอว ตลอดจนเพื่อเป็นการทวงถามแนวทางการเยียวยช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ในเว็บเพจ ยังระบุด้วยว่า มีการนัดหมายเพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2554 เวลาประมาณ 12.00 น. ด้านหน้าศาลากลางใหม่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
[13 พฤศจิกายน] นนทบุรีน้ำลดแล้ว เตรียมเข้าฟื้นฟูหลัง 18 พ.ย.
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
นนทบุรีน้ำเริ่มทรงตัว บางแห่งลดวันละ 5 เซนติเมตร คาดหลังวันที่ 18 สามารถใช้แผนฟื้นฟูได้
วานนี้ (12 พฤศจิกายน) นายวีวุทธ์ ปุตระเศรณี ปลัดจังหวัดนนทบุรี ได้รายงานถึงสถานการณ์น้ำในจังหวัดว่า ขณะนี้ สถานการณ์กำลังทรงตัว บางแห่งลดไปวันละ 5 เซนติเมตร ทำให้ผู้ประสบภัยที่อยู่ในศูนย์พักพิงใน 175 แห่งสามารถเดินทางกลับบ้านได้ และสถานีอนามัย 65 แห่งสามารถเปิดทำการตามปกติได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ศปภ.จังหวัดนนทบุรี และโรงพยาบาลบางบัวทอง ซึ่งแม้ว่าจะกลับมาเปิดให้บริการแล้ว แต่ยังต้องใช้เรือในการเดินทางเข้าไป โดยคาดว่าหลังจากวันที่ 18 พฤศจิกายน ระดับน้ำจะเริ่มลดลงมาก และทางจังหวัดนนทบุรีจะสามารถใช้แผนฟื้นฟูหลังน้ำท่วมได้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
[10 พฤศจิกายน]นนทบุรี น้ำลด 70 ซม.แล้ว คาดลดลงต่อเนื่อง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
จ.นนทบุรี น้ำลดแล้ว 70 เซนติเมตร ถนนรัตนาธิเบศร์เริ่มแห้ง ด้านซอยท่าอิฐ รถยนต์เล็กสามารถวิ่งได้แล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนนทบุรี 1 เดือนที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ต้องเผชิญวิกฤติหนัก น้ำทะลักไหลเข้าท่วมในระดับสูง บางหมู่บ้าน บางชุมชน ประชาชนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศร์ มีหมู่บ้านใหญ่ ๆ หลายโครงการต้องจมอยู่ใต้บาดาล แต่ทว่าวันนี้ น้ำได้ลดระดับลงกว่า 70 เซนติเมตรแล้ว
โดยสังเกตได้จากระดับน้ำบริเวณหน้าซอย และขอบฟุตบาทได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง รถปิ๊กอัพ รถกระบะ สามารถวิ่งเข้าออกได้แล้ว ส่วนถนนรัตนาธิเบศร์นั้น ตั้งแต่แยกไทรม้าไปทางงามวงศ์วาน พบว่า ถนนแห้งสนิทแล้ว รถยนต์เล็กสามารถวิ่งได้ทั้งขาเข้า และขาออก จากเดิมวิ่งได้แค่เลนส์เดียว
ส่วนทางด้านพื้นที่บางบัวทอง บริเวณสี่แยกบางพลู ปริมาณน้ำก็ลดลงเช่นกัน ประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร ขณะที่ในเขตบางใหญ่น้ำยังคงระดับสูง รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ทั้งนี้คาดว่า ถ้าหากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดระดับลง ปริมาณน้ำในเขตจังหวัดนนทบุรี จะลดลงตามลำดับ และเข้าสู่สภาวะปกติในไม่ช้านี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[30 ตุลาคม] นนท์แจ้งปิดจราจรซ.วัดกู้-เลียบคลองประปา
จังหวัดนนทบุรี อ.ปากเกร็ด แจ้งปิดการจราจรซอยวัดกู้ และถนนเลียบคลองประปา เพื่อความปลอดภัย
คันดินกั้นน้ำบริเวณซอยวัดกู้ ตลอดแนวมีขนาดใหญ่และสูงมาก เพื่อกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระย าและรับแรงปะทะจากมวลน้ำจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับซอยวัดกู้ เป็นเส้นทางสัญจรที่มีรถเข้า - ออกเป็นจำนวนมาก น้ำหนักและแรงขับเคลื่อนของรถมีผลทำให้คันดินทรุดตัว จนอาจเกิดการพังทลายของคันดิน และมีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมพื้นที่โดยเร็วได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรและผู้อาศัยบริเวณซอยวัดกู้ และพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง เทศบาลนครปากเกร็ด จึงจะต้องดำเนินการปิดการจราจรตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนี้ 30 (ต.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยขอให้ผู้อาศัยในพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางซอยวัดกู้ โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง และนำยานพาหนะเข้าจอดในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการพังทลายของคันดินกั้นน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และอีกหนึ่งเส้นทางคือ ถนนเลียบคลองประปาฝั่งปากเกร็ด ตั้งแต่แยกแจ้งวัฒนะ - สรงประภา ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ เนื่องจากเทศบาลกำลังปรับระดับแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันน้ำที่อาจจะเอ่อล้นจากคลองประปาในช่วงนี้ และเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
[27 ตุลาคม] เตือนชาวนนท์ชั้นในระวัง หลังน้ำทะลักเข้าถ.สนามบินน้ำ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เตือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นนท์ชั้นในระวังระวังน้ำท่วมหนัก หลังน้ำทะลักเข้าพื้นที่ริมถนนสนามบินน้ำ จนแฟลตทหารกรมพลาธิการจมน้ำเมตรกว่าแล้ว
หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ตุลาคม) ระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มระดับสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของเขตอำเถอเมืองนนทบุรีแล้ว โดยบริเวณถนนสนามบินน้ำสายในตั้งแต่ถนนหน้าวัดตำหนักใต้ หน้าจุดกลับรถกระทรวงพาณิชย์, หน้าวัดแจ้งศิริสัมพันธ์, หน้าโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และจุดสำคัญคือที่บริเวณสี่แยกพระนั่งเกล้า รถเล็กเริ่มสัญจรด้วยความยากลำบากเพราะระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร
ซึ่งจุดที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งได้แก่ ที่บริเวณแฟลตที่พักอาศัยของทหารกรมพลาธิการทหารบก ถนนสนามบินน้ำ ที่ได้ถูกน้ำเข้าท่วมสูงถึง 1.5 เมตร โดยทางทหารต้องนำกระสอบทรายมาเรียงกั้นทางเข้าออกของแฟลตเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมาท่วมถนน แต่ก็ไม่สามารถกั้นได้ทั้งหมด ยังมีน้ำซึมออกมาบ้างและผุดออกมาตามท่อ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[23 ตุลาคม]บางกรวยยังวิกฤติ ปชช. วอนรัฐเหลียวแล (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก isnhotnews.com
น้ำท่วมบางกรวยยังวิกฤติ ประชาชนเครียดหาอาหารไม่ได้ ขณะที่ไร้ตู้ ATM บริการ วอนภาครัฐเหลียวแล
สถานการณ์ น้ำท่วมใน อ.บางกรวย ในจ.นนทบุรี ล่าสุด ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤติโดยเฉพาะหมู่บ้านเทพประทาน หมู่บ้านศรีบัณฑิต และพื้นที่ด้านหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นเข้าท่วมภายในหมู่บ้านมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งบางจุดของหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งระดับน้ำสูงถึง 1.50 เมตร และได้เอ่อล้นออกไปเข้าท่วมในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งชาวบ้านที่น้ำยังไปไม่ถึง ต่างเร่งนำกระสอบทรายและก่ออิฐบล็อกป้องกันน้ำไหลเข้าบ้านอย่างโกลาหล
ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ก็ประสบกับสภาวะความเครียด เนื่องจากสินค้าในร้านค้าสะดวกซื้อและร้านที่อยู่ทั้งสองข้างทางของถนน บางกรวย-ไทรน้อย ได้หมดสต๊อกและทยอยปิดร้าน ทั้งส่วนการเดินทางเข้า-ออก ล่า สุดขณะนี้ รถขนาดเล็กไม่สามารถขับผ่านไปได้ เนื่องจากน้ำบนถนนมีความสูงกว่า 50 เซนติเมตร ส่วนตู้ ATM สำหรับกดเงินสดได้ทยอยปิดให้บริการ ซึ่งประชาชนต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ โดยกล่าวแสดงความน้อยใจที่ประสบกับสภาวะน้ำท่วมมาเกือบเดือนแล้ว แต่ก็ตกสำรวจและไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วย ซึ่งความช่วยเหลือเร่งด่วนขณะนี้ ต้องการถุงยังชีพ เรือท้องแบน สะพานไม้ ตลอดจนอยากให้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพชั่วคราวในพื้นที่
[22 ตุลาคม] วอนชาวนนท์โทรขอให้ช่วย อย่าแจ้งเหตุเกินจริง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก คุณWitsanu Nunthakitpinyo
รองผู้ว่าฯ นนทบุรี วอนผู้ประสบภัยอย่าแจ้งข้อมูลเกินจริง เพราะเป็นการเสียบุคลากรและเครื่องมือเกินความจำเป็น แทนที่จะช่วยคนอื่นได้เพิ่มอีก
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวถึงความช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวนนทบุรี โดยเฉพาะที่อำเภอบางบัวทอง ซึ่งเป็นจุดวิกฤติที่สุดในจังหวัดนนทบุรีว่า ขณะนี้ได้เข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่วนหน้าที่หน้าวัดบางไผ่ อำเภอบางบัวทองแล้ว โดยเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยอาสาสมัครจะให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งอพยพประชาชนผู้ประสบภัยในอำเภอบางบัวทอง และอำเภอบางใหญ่ออกจากพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งขณะนี้มีน้ำท่วมในเขตหมู่บ้านจัดสรรราว 80 หมู่บ้าน
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังได้เปิดสายด่วนหมายเลข 1131 รับแจ้งขอความช่วยเหลือเฉพาะที่จังหวัดนนทบุรีแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขอร้องผู้ประสบภัยที่ต้องการความช่วยเหลือว่า ให้แจ้งข้อมูลจริง อย่าแจ้งข้อมูลเกินจริง เนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีคนเข้าไปช่วย
รองผู้ว่าฯ นนทบุรี ยังกล่าวอีกว่า อย่างเช่นที่ผ่านมา มีผู้แจ้งว่ามีคนติดอยู่ 40-50 คน เมื่อนำเรือหลายลำเข้าไปรับกลับมีคนติดอยู่แค่ 2 คน ทำให้เรือเข้าไปมากเกินความจำเป็น ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนแจ้งข้อมูลจริง และเจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือทุกคนแน่นอน เพราะหากแจ้งข้อมูลเกินจริง จะเป็นการเสียบุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือที่ระดมเข้าไปช่วยมากเกินไป แทนที่เจ้าหน้าที่จะได้แบ่งกำลังและเครื่องมือไปช่วยเหลือคนอื่นด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[14 ตุลาคม] ท่าน้ำนนท์ฝนตก-ระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง (ไอเอ็นเอ็น)
บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ฝนตกกระจาย เจ้าหน้าที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 ตัว สูบออกจากพื้นที่ชั้นในลงเจ้าพระยา ด้านเรือด่วน ยังให้บริการตามปกติ ประชาชนกังวล ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงกว่าประตูระบายน้ำ
บริเวณท่าน้ำนนทบุรีในขณะนี้ มีฝนตกเช่นเดียวกันกับในหลายพื้นที่ของจ.นนทบุรี ทำให้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงน่าเป็นห่วง แม้ว่าในขณะนี้ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังสูงไม่ถึงแนวป้องกัน ตามที่เทศบาลเมืองนนทบุรีทำไว้ที่ความสูง 3.50 เมตร แต่ชาวบ้านและประชาชนที่สัญจรไปมาก็ยืนดูด้วยความเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 5 เครื่อง ไว้คอยสูบน้ำที่เข้ามาในพื้นที่ชั้นใน เพื่อสูบออกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเร่งด่วน สำหรับการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาในเช้าวันนี้ ยังคงให้บริการตามปกติ
ทั้งนี้ ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยนางประนอม โพธิ์ทองคำ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเดินทางด้วยเรือหางยาวบริเวณท่านนทบุรีเป็นประจำทุกวัน กล่าวว่า วิตกกังวลกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะในขณะนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าประตูระบายน้ำคลองอ้อม ซึ่งเป็นคลองที่เข้าออกเป็นประจำทุกวัน เกรงว่า น้ำอาจจะล้นประตูระบายน้ำ ทะลักเข้าสู่พื้นที่ของประชาชนด้านในได้
อย่างไรก็ตาม นางประนอม กล่าวด้วยว่า ทางผู้นำชุมชนได้กล่าวแจ้งเตือนให้ชาวบ้านทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พร้อมกับให้เตรียมเอกสารสำคัญ รวมทั้งไฟฉายและชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือให้เต็ม หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ทางผู้นำชุมชนก็จะจุดพลุ จำนวน 3 ดอก เพื่อให้ชาวบ้านอพยพขึ้นสู่ที่สูง
สำหรับบรรยากาศน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าน้ำนนทบุรีเช้าวันนี้ มีความสูงทั้งสิ้น 2.67 เมตร และขณะนี้นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ก็มาสังเกตการณ์ปริมาณน้ำด้วย
[12 ตุลาคม] ท่าน้ำนนท์ น่าห่วง ฝนถล่มซ้ำ-น้ำสูงเข้าขั้นวิกฤติ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก คุณWitsanu Nunthakitpinyo
ท่าน้ำนนท์ เข้าขั้นวิกฤติ น้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก หลังฝนถล่มซ้ำอีก ทางด้านเจ้าหน้าที่ก่อกระสอบทรายสูงกว่า 2 เมตร ป้องกันน้ำทะลักแล้ว
วันนี้ (12 ตุลาคม 2554) สถานการณ์น้ำท่วมที่บริเวณท่าน้ำนนท์ เทศบาลนครนนทบุรี จ.นนทบุรี ขณะนี้ระดับเพิ่มสูงขั้นอย่างรวดเร็ว โป๊ะท่าน้ำลอยขึ้นจนเกือบสุดเสายึดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลได้นำกระสอบทรายก่อเป็นกำแพงกั้นน้ำสูงประมาณ 2 เมตร เพื่อไม่ให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้ามา
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 1 ตัว คอยสูบน้ำออกตลอดเวลา พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น หน่วยดับเพลิงเทศบาลนครนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน และบรรเทาสาสาธารณภัย คอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชม.
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 11.50 น. ได้เกิดฝนตกหนักถล่มซ้ำอีกครั้ง ทำให้กระแสน้ำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเชี่ยวกราก เรือโดยสารที่ต้องข้ามฟากไปยังฝั่งบางบัวทองต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมเรือเป็นอย่างมาก ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยานั้นยังเปิดบริการตามปกติ แต่ต้องบังคับเรือให้ช้าลงกว่าเดิม เพื่อลดความแรงของน้ำที่จะพัดเข้าบ้านเรือนประชาชน
[3 ตุลาคม] กรมชลฯ โต้ข่าวลือน้ำท่วมเกาะเกร็ดสูงเท่าปี 2538
เกาะเกร็ด
กรมชลฯ ชี้ปีนี้น้ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ คาดปทุม-นนท์ท่วมหนัก เกาะเกร็ดอาจท่วมถึงยอด หากน้ำไหลผ่านเจ้าพระยาเกิน 4,500 ลบ.ม. เผยขณะนี้น้ำไหลผ่านเขื่อนที่ 3,616 ลบ.ม.
วานนี้ (30 กันยายน) นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า หลังจากที่เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงมากกว่า 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งถือว่าสถานการณ์อยู่ในระดับวิกฤตแล้ว และน้ำทั้งหมดจะมาถึงเขื่อนภูมิพลในอีก 5 วันข้างหน้า ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลก็วิกฤตอยู่แล้ว ไม่สามารถรับน้ำเหนือที่จะไหลบ่ามาได้อีก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจึงต้องเร่งระบายน้ำเพิ่มขึ้นจากวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อความปลอดภัยของเขื่อน ซึ่งการระบายน้ำเช่นนี้ จะทำให้ปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์เพิ่มขึ้นในระดับ 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งสูงที่สุดในประวัติการณ์ของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม รองอธิบดีกรมชลประทานยังคาดด้วยว่า น้ำทั้งหมดน่าจะเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานครประมาณวันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งหากไม่สามารถจัดการบริหารน้ำได้ คาดว่า จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
โดยเฉพาะที่จังหวัดนนทบุรี ระดับน้ำอาจจะท่วมสูงเกือบถึงยอดเจดีย์เกาะเกร็ด ทุบสถิติปี 2538 ก็เป็นได้ ขณะที่กรุงเทพฯ ก็อยู่ในสถานการณ์ที่น่าห่วง เพราะต้องเร่งระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสูงที่สุดในรอบปี คือวันที่ 28-31 ตุลาคมนี้ ซึ่งทางกรมชลประทานจะแถลงข่าวแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยทุกวัน เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ (1 ตุลาคม) กรมชลประทานได้ออกมาชี้แจงถึงข่าวดังกล่าวว่า การที่สถานการณ์น้ำในเกาะเกร็ดจะสูงเท่าปี พ.ศ.2538 จะต้องมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 4,500 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที แต่ในข้อเท็จจริงขณะนี้มีปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ประมาณ 3,616 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ข่าวดังกล่าวจึงยังไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ประชาชน สามารถติดตามสถานการณ์น้ำ จากกรมชลประทานได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ทางสายด่วน 1460 กด 2
ขณะที่สถานการณ์น้ำบริเวณเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (1 ตุลาคม) ปริมาณน้ำได้เพิ่มมากขึ้นจนท่วมถนน ทำให้ร้านค้าที่ตั้งอยู่สองข้างต้องปิดร้าน เมื่อนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวจึงไม่เดินทางมาเที่ยวเกาะเกร็ด โดยนายวิศิษฐ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด กล่าว ขณะนี้ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 2.62 ม. ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อวาน โดยจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดอยู่ที่ ต.เกาะเกร็ด และปีนี้ถือว่าระดับน้ำสูงมาก แม้แต่ในเขตเทศบาลที่ไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมมาปีนี้ก็ยังเจอสภาวะน้ำท่วม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[30 กันยายน] นนท์น่าห่วง! น้ำปริ่มประตูระบายน้ำ อีก 45 ซม.ท่วมแน่
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง อีก 45 ซม.ล้นประตูระบายน้ำท่วมเมืองนนท์แน่ เทศบาลสั่งเตรียมรับมือแล้ว พร้อมจัดที่รองรับคนอพยพ
วันนี้ (30 กันยายน) นายสมนึก ธนะเดชากุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่จ่ออยู่ที่ประตูระบายน้ำ 16 ประตู ตั้งแต่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองบางเขน จนถึงคลองบางตลาด ซึ่งกั้นเชื่อมต่อ กทม. เพิ่มระดับสูงขึ้นแล้ว และได้ไหลเอ่อท่วมถนนบางสายในจังหวัดนนทบุรี แต่หากระดับน้ำเพิ่มสูงอีกเพียงแค่ 45 เซนติเมตร น้ำก็จะทะลักเข้าสู่ตัวเมืองนนทบุรี และต่อไปถึงกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่บริเวณหอนาฬิกาท่าน้ำนนทบุรีนั้น นายสมนึก ระบุว่า ล่าสุด น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นเข้ามายังพื้นที่ด้านในของศาลาท่าน้ำแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดสร้างทางเดินเสริมขึ้นมาอีก 1 เมตร เพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการเรือสามารถเดินเข้าไปได้ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะรับมือได้หรือไม่ เพราะน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเพิ่มทางเดินเสริมให้สูงขึ้นได้อีกแล้ว เพราะศีรษะจะติดเพดานของศาลา ทำให้ไม่สามารถสัญจรได้
อย่างไรก็ตาม นายสมนึก ยอมรับว่า ปริมาณน้ำในปีนี้มากกว่าทุกปี หน่วยงานราชการหลายแห่งต้องเร่งเสริมแนวกั้นกระสอบทราย พร้อมกับเสริมคันกั้นน้ำที่ประตูระบายน้ำให้สูงขึ้น และใช้เครื่องสูบน้ำระดมสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่มั่นใจว่าจะรับมือได้แค่ไหน เพราะช่วงปลายเดือนตุลาคมระดับน้ำจะยังสูงขึ้นอีก
ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำต้องประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทางจังหวัดนนทบุรีจึงได้จัดเตรียมศูนย์เยาวชนเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี และโรงเรียนนครนนท์วิทยาสาขาที่ 1-5 ไว้รองรับประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมและไม่มีที่อยู่อาศัยแล้ว โดยผู้ประสบภัยในจังหวัดนนทบุรี สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัย และกระสอบทรายได้ที่สายด่วน 02-589-0489 ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น