วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

‘สุรพงษ์’โจมตีศาลตัดสินขัดใจซาอุฯ2 April, 2014

‘สุรพงษ์’โจมตีศาลตัดสินขัดใจซาอุฯ2 April, 2014

"สุรพงษ์" โจมตีศาลไทยไม่เป็นสากล ยกฟ้องคดี "อัลรูไวลี" ทำให้ความสัมพันธ์กับซาอุฯ สะดุด  บอกจะหาโอกาสแจงต่อชาวโลกว่ากระบวนการยุติธรรมภายในประเทศเป็นอย่างไร เหมือนที่กำลังทำกับ "ยิ่งลักษณ์" ขณะที่อธิบดีอัยการสำนักคดีพิเศษ เผยบอกไม่ได้จะอุทธรณ์หรือไม่  
    นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ศาลอาญายกฟ้อง พล.ต.อ.สมคิด บุญถนอม อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ว่าอุปทูตซาอุดีอาระเบียได้ติดต่อขอเข้าพบตนเพื่อที่จะพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดการพบปะ โดยตนจะใช้โอกาสที่อุปทูตซาอุดีอาระเบียมาขอพบชี้แจงข้อเท็จจริงให้รับทราบ 
    "อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความเสียใจต่อคำตัดสินของศาล ที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ญาติของนายอัลรูไวลีคาดหวังไว้ อีกทั้งผมรู้สึกเสียดายในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียที่กำลังจะฟื้นขึ้นมา กลับต้องยังเป็นเหมือนเดิม และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น รวมทั้งต้องใช้เวลาได้อีก แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ทางการทูตจะไม่ลดถอยลงกว่านี้ และไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางหรือการติดต่อระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศนี้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระบุ
    นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า เป็นห่วงในเรื่องกระบวนการยุติธรรมของไทยที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่ญาติของนายอัลรูไวลีคาดไว้ ซึ่งถ้าทางซาอุดีอาระเบียนำเรื่องนี้ไปพูดต่อกับประเทศในกลุ่มมุสลิมและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีหลายอย่างที่น่าสงสัย ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนด้านต่างๆ ถ้าเรายังไม่ให้ความเป็นธรรมกับชาวต่างชาติเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศมุสลิม ก็จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือที่เคยมีต่อกัน จึงจะเห็นได้ว่าต้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยต้องมีการเลือกตั้ง ส.ส.เสียก่อนแล้วมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ก็จะนำไปสู่การปฏิรูปองค์กรต่างๆ เพื่อให้สร้างความยุติธรรมให้มากที่สุด และมีความเป็นสากล
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พูดเช่นนี้แสดงว่าศาลตัดสินไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เราเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของเรา แต่เราไปห้ามเขาหวังในคำตัดสินของศาลคงไม่ได้ ซึ่งญาติของนายอัลรูไวลีติดตามการดำเนินคดีนี้มานานกว่า 24 ปี เขามีความไม่สบายใจกับคำตัดสินใจดังกล่าว แต่เราต้องอธิบายให้สังคมโลกเข้าใจต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยเพื่อให้มีความชัดเจน และไม่มีความเข้าใจผิด ซึ่งถ้าเขาไม่เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ทั้งนี้ ตนต้องขอไปรับฟังเหตุผลที่ศาลยกฟ้อง โดยตนจะอธิบายย้ำให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียมีความเข้าใจ
    เมื่อถามว่า ฝ่ายไทยต้องชี้แจงต่อกลุ่มประเทศมุสลิมในเรื่องนี้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เราต้องหาโอกาสไปชี้แจงให้ประเทศเหล่านั้นเข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้เป็นกระบวนการยุติธรรมอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสังคมโลกติดตามอยู่ ยิ่งมีการตอกย้ำออกมาในลักษณะนี้ ยิ่งแสดงว่ากระบวนการต่างๆ ขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่างไร
    ถามว่า ได้เคยขอดูพยานหลักฐานของฝ่ายญาติของนายอัลรูไวลีบ้างหรือไม่ว่าเป็นอย่างไร เพียงพอที่จะต่อสู้คดีนี้หรือไม่ นายสุรพงษ์บอกว่า ตนไม่เคยลงไปในรายละเอียด ตลอดเวลาในการติดตามการดำเนินคดีนี้ ได้กำชับให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและตรงไปตรงมา รวมถึงนำข้อมูลที่ได้จากที่ประชุมติดตามคดีดังกล่าวให้อุปทูตไทยประจำกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ไปบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมของไทยในคดีนี้ให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียได้รับทราบเป็นระยะๆ โดยไม่ได้ให้ความหวังแต่อย่างใด
    ซักว่า คำตัดสินของศาลระบุว่าเป็นเพราะหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ และไม่ใช่หลักฐานใหม่ เหตุใดจึงคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ศาลให้ความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว แต่ผลที่ออกมาเป็นผลของกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องหลักฐานอ่อนนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราจะทำอย่างไรให้เขาเชื่อมั่นต่อเหตุผลของศาลในการยกฟ้องครั้งนี้ ว่าเป็นเพราะหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากวิจารณ์คำตัดสินของศาล เพราะศาลดำเนินตามกระบวนการยุติธรรม
    นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยว่า การจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้น คงจะต้องรอให้ทางอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ซึ่งเป็นอัยการเจ้าของสำนวนคดีขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มในคดีดังกล่าว เพื่อมาศึกษาในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  รวมทั้งดูว่ามีเหตุสมควรในการยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่  นอกจากนี้ได้รับแจ้งจากทางโจทก์ร่วมว่าเตรียมจะเข้าหารือกับอัยการ เพื่อขอคำปรึกษาถึงกรณีการยื่นอุทธรณ์ และเพื่อให้ประเด็นการยื่นอุทธรณ์เป็นในทิศทางเดียวกัน  
    เมื่อถามว่า ทางอัยการคาดว่าจะยื่นอุทธรณ์ในประเด็นอะไรบ้าง นายนันทศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะยื่นอุทธรณ์ในประเด็นอะไรบ้าง เนื่องจากยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคำพิพากษาถึงกรณีที่ฝ่ายโจทก์นำสืบ ซึ่งคงจะต้องรอให้อัยการเจ้าของสำนวนศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อน โดยจะดูหลักฐานต่างๆ รวมทั้งพยานที่เบิกความว่าครบถ้วนสมบูรณ์หรือขาดตกบกพร่องในประเด็นใดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายระบุว่าสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
    นายสมศักดิ์ ผลส่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักงานศาลยุติธรรม อดีตเจ้าของสำนวนผู้พิพากษา คดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี กล่าวถึงกรณีที่ถูกสั่งพักราชการ เนื่องจากถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยการร้ายแรงในการสั่งประกันตัวคดีอื่น ขณะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลสระบุรี ว่าเมื่อครั้งแรกได้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบกระบวนพิจารณาคดีนี้ ช่วงตลอด 3 ปี ตนได้ทำการสืบพยานทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ และได้มีการสั่งส่งประเด็นสืบพยานที่อยู่ในต่างประเทศ แต่ก็กลับถูกฝ่ายจำเลยร้องขอต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคัดค้านกรณีดังกล่าว และจะให้เปลี่ยนตัวตนในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ แต่สุดท้ายเมื่ออธิบดีศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่าตนได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามอำนาจหน้าที่แล้วที่สั่งส่งประเด็นสืบพยานที่อยู่ในต่างประเทศ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น