วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

ฉาวอีกร้องพฤติกรรม "หลวงปู่ดัง" เมืองร้อยเอ็ด สร้างเครื่องรางลามก เมือ 3 เม.ย.57



ฉาวอีกร้องพฤติกรรม "หลวงปู่ดัง" เมืองร้อยเอ็ด สร้างเครื่องรางลามก
 
ฉาวอีกร้องพฤติกรรม "หลวงปู่ดัง" เมืองร้อยเอ็ด สร้างเครื่องรางลามก “ยิ้มเสน่ห์มัดจิต" จี้ห้อยคอรูปชายหญิงเปลือยกายกอดจูบกัน เตรียมประสานสำนักพุทธฯตรวจสอบเอาผิด
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายสงกานต์ อัจริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้เปิดตู้ปณ. 63 ราษฎร์บูรณะ 10140 เพื่อเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อพระพุทธ ศาสนาทั้งจากพระสงฆ์ และฆราวาสนั้น ล่าสุดตนได้รับเรื่องร้องเรียนถึงพฤติกรรมพระสงฆ์รูปหนึ่งที่มีพฤติกรรมไม่ เหมาะสม ทั้งยังมีการประกอบพิธีกรรมไปในทางไสยศาสตร์ เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม โดยผู้ที่ส่งข้อมูลดังกล่าวมาไม่ระบุชื่อ แต่ใช้ชื่อว่า “ผู้ได้รับผลกระทบ” ซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ส่งมาประกอบด้วยภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังประกอบ พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ และแผ่นพับโฆษณาเครื่องรางวัตถุ ซึ่งระบุว่า เครื่องรางวัตถุ ตำรับขอมโบราณ พลังปาฏิหาริย์เต็มสูตร เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ หญิงรักชายหลง 
โดยมีทั้งตะกรุด น้ำมันยอดมหาเสน่ห์ แต่เครื่องรางที่ตนเห็นแล้วถึงกับไม่เชื่อว่าพระสงฆ์จะทำเครื่องรางในลักษณะ ดังกล่าว ก็คือ เครื่องรางยิ้มเสน่ห์มัดจิต เพราะมีการทำในลักษณะของจี้ห้อยคอ แต่เป็นรูปของชาย-หญิงเปลือยกายกอดจูบกัน
นาย สงกานต์ กล่าวต่อไปว่า ในเอกสารดังกล่าวยังระบุด้วยว่าผู้ที่จัดสร้างเครื่องรางดังกล่าวคือ หลวงปู่รูปหนึ่ง มีสำนักอยู่ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด
และมีพิธีปลุกเสกไปเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลที่มีผู้ส่งเข้ามานั้น พบว่าหลวงปู่ดังกล่าวมีประวัติที่มาคล้ายกับกรณีของเณรรูปหนึ่งที่เคยมีข่าว อือฉาวจนถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดพบว่าการกระทำของพระสงฆ์รูปดังกล่าวอาจจะเข้า ข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม ทั้งยังมีการโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยที่ไม่เกรงกลัวทั้งที่ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังมีการดำเนินคดี เกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตนจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดเข้ายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษยังกองปราบ ปราม ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงว่าการกระทำของพระสงฆ์ รูปดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดก็จะขอให้ดำเนินคดี ขณะเดียวกันทางเครือข่ายฯจะประสานส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามความผิดของทางคณะสงฆ์ด้วย.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น