แห่เปลือยกายรำวงแก้บนหลวงพ่อขาว ผู้คนเชื่อศักดิ์สิทธิ์ |
|
|
|
พิธีแก้บนสุดแปลกแหวกแนว มีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์รอดพ้นถูกเกณฑ์เป็นรั้วของชาติพากันไปแก้ผ้าร่ายรำแก้บน ถวายหลวงพ่อขาว หรือเรียกว่า “งิ้วแก้ผ้า”
ไม่เชื่อแต่จริง เปลือยกายล่อนจ้อน ยักย้ายส่ายตะโพก โยกย้ายไปตามจังหวะเคาะปี๊บอย่างสนุกสนาน เจ้าตัวเผยเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้บนบานศาลกล่าวไม่ถูกทหารเป็นจริง เลยมารำแก้บนถวาย เน้นต้องอาศัยช่วงเวลาค่ำมืดดึกดื่นเท่านั้น ไม่เช่นนั้น อุจาดตาแย่ แต่ถ้าจะให้สมจริงดังหวัง จะต้องแก้บนด้วยการ งิ้วแก้ผ้าเท่านั้น
ฮือฮาแก้ผ้ารำแก้บนครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 22.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่วิหารหลวงพ่อขาว
ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายบ้านหลักแก้ว-บางจัก หมู่ 6 ต.หลักแก้ว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มีชาวบ้านเดินทางมาแก้ผ้าเปลือยกาย รำแก้บน อ้างว่าถวายเป็นเครื่องสักการะ หลังจากที่ได้บนบานศาลกล่าวต่อหลวงพ่อขาวแล้วได้สมดังปรารถนา จนชาวบ้านต่างร่ำลือสืบต่อกันมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อขาวและให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการแก้บนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างจากที่อื่น ๆ คือ การเปลือยกายรำแก้บน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "งิ้วแก้ผ้า" ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นเนินดินสูงติดกับทุ่งนา มีวิหารขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายวัดร้าง
มีซากปรักหักพังของอิฐแดง ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อขาว พระพุทธรูป ปูนปั้นสีขาวปางเลไลย์และพุทธศิลปสมัยกรุงศรี อยุธยา สูงประมาณ 2 เมตร ฐานกว้าง 1 เมตร รวมทั้งมีพระพุทธรูปอื่น ๆ และรูปปั้นฤาษีอีกจำนวนหนึ่งแต่ที่น่าสังเกตคือมีเครื่องสักการะต่าง ๆ ถวายเป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณรอบ ๆ วิหาร พบปี๊บ กระป๋อง ไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 ศอก วางอยู่ที่พื้นอีกจำนวนหนึ่งด้วย
ระหว่างนั้นได้มีชายหนุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี 3 คน และชายวัยกลางคนอีก 1 คน เดินทางมายังวิหารพร้อมจุดธูปเทียนบูชา
โดยพูดเป็นสำเนียงภาษาจีนว่า "หลวงพ่อขอรับ อั๊ว ได้มาบนว่าไม่ให้ลูกชายและหลานชายถูกทหาร จึงมาขอแก้บนให้หลวงพ่อในคืนนี้" จากนั้นทั้ง 3 คน ได้เปลื้องผ้าเปลือยกายล่อนจ้อน แสดง ท่าทางร่ายรำรอบพระพุทธรูปในวิหาร 3 รอบ ลักษณะคล้ายกับการร่ายรำพิธีของชาวจีน โดยมีชายหนุ่มอีก 1 คน คอยเคาะปี๊บให้จังหวะอย่างสนุกสนาน โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงเสร็จพิธี ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามชื่อ-นาม สกุลและรายละเอียดในการมาแก้บน โดยชายวัยกลางคนอ้างว่าชื่อทับ มาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมกับกล่าวว่า พาลูกและหลานชายมาแก้บน ที่ได้บนบานไว้ไม่ให้ถูกทหาร เมื่อช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นแรงศรัทธาที่มาพร้อมกับ แรงปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ โดยชาวบ้านย่านนี้และจังหวัดใกล้เคียง ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี เพราะร้อยทั้งร้อยจะมาแก้บนด้วยงิ้วแก้ผ้า แต่ต้องเป็นเวลากลางคืนที่ดึกสงัดไม่มีผู้คนเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นคงจะอุจาดตาแน่ โดยเฉพาะ ชาวบ้านที่นี่ หากได้ยินเสียงเคาะปี๊บ เป็นอันรู้ทันที ว่ามีคนมาแก้บน
ด้าน นายทองหล่อ ปัทมโรจน์ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 6 ต.หลักแก้ว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง กล่าวว่า
บริเวณที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาว เดิมทีเป็นวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากลายสภาพเป็นวัดร้างและเป็นสุสานฝังศพทารกและสถานที่เลี้ยงวัวควายของ ชาวบ้าน สำหรับ หลวงพ่อขาวเดิมที มีเพียงพระเศียรกับพระอุระโผล่ขึ้นมาจากดิน แต่ชาวบ้านยังไม่ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งเมื่อเกือบ 60 ปีมาแล้ว ในช่วงต้นเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นวันคัดเลือกทหาร ตนเกิดอุตริไปบนบานว่า หากน้องชายไม่ถูก ทหารจะมาเล่นงิ้วแก้ผ้าหรือเปลือยกายรำแก้บนให้ 1 โรง ปรากฏว่าน้องชายไม่ถูกทหารจริง ๆ จึงต้องพาพรรคพวกมารำเปลือยกายแก้บน และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านพากันมาบนบานกันไม่ขาด จนกระทั่งเล่าลือสืบต่อกันเรื่อยไป
"จนขณะนี้มีชาวบ้าน ข้าราชการ นายทหาร ตำรวจ ทั้งในจังหวัดและใกล้เคียง มาบนบานและเดินทางมาแก้บนกันอย่างไม่ขาด โดย เน้นย้ำด้วยว่าหากจะให้สมหวังจริง ต้องงิ้วแก้ผ้าเท่านั้น เพราะชาวบ้านเคารพในความศักดิ์สิทธิ์มาก พลังอำนาจเหนือสิ่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ชาวบ้านจึงเชื่อถือ ยึดถือ นับถือในสิ่งเดียวกันเป็นจุดศูนย์กลางยึดเหนี่ยวของคนในชุมชนและสังคม การแก้บนจึงเป็นกิจกรรมปลดเปลื้องความผูกพันที่ติดค้างทางใจ อย่างไรก็ตาม การบนบานศาลกล่าวและการแก้บน อยู่คู่สังคมไทยมาช้านานซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนไทยมา ตั้งแต่เกิด" นายทองหล่อ กล่าวทิ้งท้าย. |
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น