เมื่อเวลา 02.30น.วันที่ 12ตุลาคม ร.ต.ท.สมพล เพียรดี พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงเรียน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงเรียนบ้านน้ำดำ หมู่ 5 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง 2.โรงเรียนบ้านปากู หมู่ 5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง 3.โรงเรียนบ้านเขาดิน หมู่ 3 ต.เขาดิน อ.ทุ่งยางแดง 4.โรงเรียนบ้านมะนันยง หมู่ 4 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง และ 5.โรงเรียนบ้านตือเบาะ หมู่ 7 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จึงนำกำลังประสานรถดับเพลิง เข้าตรวจสอบและระงับเหตุ
อย่างไรก็ดี สำหรับโรงเรียนทั้ง 5 แห่งนั้น พบว่ามีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ช่วยกันดับไฟอยู่ก่อนแล้ว ขณะเดียวกัน รถดับเพลิงของ อบต.ที่อยู่ใกล้เคียง ได้ออกมาระงับเหตุ แต่เนื่องจากเกิดเหตุพร้อมกันหลายจุด จึงไม่สามารถช่วยดับเพลิงได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังเข้าระงับเหตุดังกล่าวอยู่ ทาง ร.ต.ท.กัมลาศ เตื้อติสอน พนักงานสอบสวน สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านกาเสาะ หมู่ 3 ต.กาเสาะ อ.มายอ จนได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าทีได้ระดมกันเข้าระงับเหตุแล้ว ทั้งนี้ โรงเรียนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ทั้งหมด พบว่าเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดยที่โรงเรียนบ้านกาเสาะ เป็นอาคาร 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เสียหายทั้งหลัง อาคารร้านค้าเสียหายเล็กน้อย ส่วนโรงเรียนบ้านน้ำดำ อาคารเรียนได้รับความเสียหาย 2 หลัง , โรงเรียนบ้านเขาดิน จากการตรวจสอบพบอาคารเรียนเสียหาย 1 หลัง , โรงเรียนบ้านมะนันยง อาคารเรียนเสียหาย 2 หลัง , โรงเรียนบ้านปากู มีอาคารเรียนได้รับความเสียหาย 1 หลัง และโรงเรียนบ้านตือเบาะ ได้รับความเสียหายเล็กน้อยบริเวณโรงครัว
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายคาดว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ กว่า 10 คน ได้กระจายกันลอบเข้าไปก่อเหตุในโรงเรียนต่างๆ โดยนำน้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผาอาคารเรียนจนได้รับความเสียหายดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุคนร้ายลอบเผาโรงเรียน 6 แห่ง ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.มายอ จ.ปัตตานี ว่าเป็นการปฏิบัติการเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อความไม่สงบระดับแกนนำคนสำคัญได้หลายราย รวมถึงการปฏิบัติการเชิงรุกด้วยการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จนสามารถยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุร้ายได้เป็นจำนวนมาก
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นทาง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ.มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์จึงสั่งการ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และเร่งติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ดี พล.อ.อุดมเดช มีภารกิจเร่งด่วนจึงไม่สามารถลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ด้วยตนเองได้ โดยวันที่ 13ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมทางไกลผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ กับทางกองทัพภาคที่4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวต่อไป
ขณะที่ พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า
ขณะนี้ พล.อ.อุดมเดช รับทราบเหตุแล้ว พร้อมกับติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ให้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ทั้งนี้ จากที่ได้รับรายงานทราบว่าก่อนหน้านี้ หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ได้ออกปฏิบัติการเชิงรุกปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญพร้อมของกลางจำนวนมาก จึงเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจึงต้องการก่อเหตุตอบโต้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนจึงใช้กำลังอาสาสมัครช่วยสนับสนุนการเฝ้าระวังเป้าหมาย เช่น โรงเรียน
โฆษก กอ.รมน.กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว พร้อมกับหาข่าวเพื่ออุดช่องโหว่และกำชับมาตรการในการป้องกันเหตุ เพื่อสกัดกั้นคนร้าย และระงับเหตุไม่ให้ผู้ไม่หวังดี เข้ามาสร้างสถานการณ์เช่นนี้ได้อีก
“เหตุดังกล่าวเป็นการก่อกวนในหลายจุดพร้อมกัน และในวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้ได้รับความสนใจ ส่วนจะเชื่อมโยงเชิงสัญลักษณ์ในวันสำคัญใดหรือไม่นั้น ผมไม่อยากให้น้ำหนักกับเรื่องนี้ เพราะการที่เราเชื่อมโยงเรื่องราวในอดีตจะทำให้ข้อมูลการวิเคราะห์สถานการณ์ของเจ้าหน้าที่เบี่ยงเบนไป อย่างไรก็ดี การที่คนร้ายทำลายทรัพย์สินราชการ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นักเรียนไม่มีที่เรียน ครูไม่มีที่สอน ทางราชการจะไม่ทอดทิ้ง จะเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาจัดหาสถานที่เรียนชั่วคราวให้” พ.อ.บรรพต กล่าว
ด้าน ว่าที่ ร.ต.สมโภชน์ สุวรรณรัตน์ รอง ผวจ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่ส่วนใหญ่อาคารเรียนจะได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด บางแห่งเหลือครึ่งเดียว ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันดับไฟส่วนลักษณะการก่อเหตุคนร้ายมุ่งที่จะทำลายสถานที่มากกว่าจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ เพราะก่อนลงมือได้จับเจ้าหน้าที่เวรยาม ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัย มัดมือมัดเท้า หลังจากนั้นจึงราดน้ำมันเบนซินแล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
รอง ผวจ.ปัตตานี เปิดเผยด้วยว่า สำหรับสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
โดยเกี่ยวโยงกับกลุ่มไหนนั้นยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีเหตุวิสามัญแกนนำคนสำคัญที่ อ.ปะนาเระ การปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ จึงต้องขอเวลาในการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์จากทุกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น