กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกเมื่อเด็กหญิงวัยเพียง 12 ปี ถูกบังคับใครคแต่งงานกับชายวัย 37 ปี แต่ความจริงกลับปราฏกเป็นเพียงแคมเปญรณรงค์ต้านการบังคับเด็กแต่งงาน!!
วันนี้(12 ต.ค.)ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงานว่า สื่อทั่วโลกต่างเพ่งความสนใจไปที่ประเด็น ธี (Thae) เด็กหญิงชาวนอร์เวย์วัยเพียง 12 ปี ประกาศตัวเป็นเจ้าสาว และกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับ เกเออร์ (Geir) ชายหนุ่มดูภูมิฐานวัย 37 ปี ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ซึ่งเธอระบุในบล็อกของตัวเองว่า แม่บอกว่าหากเธอแต่งงานกับเขา ก็จะไม่ต้องไปโรงเรียนและไม่ต้องเหนื่อยทำงานอีกต่อไป พร้อมทั้งคอยเขียนอัพเดทบอกความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ มีการโพสต์รูปตนเองไปลองชุดเจ้าสาวและรูปการ์ดงานแต่งงานของตัวเอง ในข้อความหนึ่งเธอระบุว่าความหวาดเกรงต่อเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับว่าที่เจ้าบ่าว ว่า "ดูเหมือนแม่อยากจะให้ฉันแต่งงานไว ๆ และรีบมีลูกเป็นของตัวเอง"
เด็กหญิงนอร์เวย์วัย 12 ถูกบังคับแต่งงานเจ้าบ่าววัย 37ทั้งนี้เด็กหญิงเริ่มเขียนบล็อกของตัวเองตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา นอกจากเรื่องการแต่งงานแล้ว ธียังโพสต์กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตของเธอตามประสาชีวิตปกติของเด็กวัย 12 อันทำให้ผู้อ่านรู้สึกสะเทือนใจต่อชะตากรรมเจ้าสาววัยใสคนนี้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีในที่สุดก็ได้มีการเปิดเผยออกมาว่า การแต่งงานของเด็กหญิงและเจ้าบ่าวรุ่นพ่อนั้น จะไม่เกิดขึ้นจริง เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ เผยในรายงานเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 ว่า เรื่องทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแคมเปญกระตุ้นให้ตระหนักถึงปัญหาการบังคับผู้หญิงแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งดูแล้วได้ผลตอบรับอย่างดีทีเดียว
นายโอลาฟ ธอมเมสสัน หัวหน้ามูลนิธิ Plan ประเทศนอร์เวย์ เผยว่า การทำแคมเปญดังกล่าวขึ้นก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจปัญหาการบังคับเด็กหญิงแต่งงานทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งมีการประมาณการว่าในแต่ละวันมีเด็กหญิงทั้วโลกถูกบังคับให้เแต่งงานถึง 39,000 ราย อาทิ ในประเทศไนเจอร์และบังคลาเทศ เด็กหญิงถึง 60% ถูกบังคับแต่งงานก่อนอายุ 18ปี อันนำมาสู่ปัญหาด้านสุขภาพ การสูญเสียโอกาสดีอื่น ๆ ในชีวิต รวมถึงปัญหาการทารุณกรรมทั้งทางเพศและการทำร้ายร่างกาย และหากปล่อยให้ดำเนินเช่นนี้ต่อไป เจ้าสาววัยใสก็จะพุ่งขึ้นถึง 150 ล้านราย ภายใน 10 ปีข้างหน้า หนทางที่จะช่วยเหลือและป้องกันบรรดาเด็กหญิงจากการถูกบังคับเป็นเจ้าสาววัยใสได้ ก็ด้วยการเป็นหูเป็นตาสอดส่องและร้องเรียนเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งการร่วมเป็นผู้สนับสนุนผ่านมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือพวกเธอและครอบครัว ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่พ่อแม่ตัดสินใจผลักไสลูกสาวตัวเองให้รีบแต่งงานก็เพราะความขัดสนยากจนของครอบครัว ทั้งนี้นายโอลาฟได้แสดงความขอบคุณต่อผู้ปกครองของเด็กหญิงธี ซึ่งให้ความร่วมมือต่อแคมเปญต้านเจ้าสาววัยใสนี้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด นับว่านี่เป็นแผนรณรงค์ที่แสนแยบยลและช่างเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีทีเดียว แม้ว่าเมื่อความจริงปรากฏแล้วจะรู้สึกเหมือนโดนหลอกก็เถอะ
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น