วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สื่อตะวันตกกระพือข่าวคดีเกาะเต่า 2 ผู้ต้องพม่ากลับคำให้การ เมื่อ 12 ต.ค.57



สื่อตะวันตกกระพือข่าวคดีเกาะเต่า 2 ผู้ต้องพม่ากลับคำให้การ
 
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุด้วยว่า อยากให้คนไทยเข้าใจว่ากระบวนการและวิธีการของเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนอยู่ คดีนี้เป็นคดีใหญ่ คนทั่วโลกรับรู้มีผลเสียต่อประเทศตนเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำ และผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคงไม่ยอมถูกบังคับให้ต้องรับผิดมากขนาดนั้น ทั้งนี้ ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการ ชั้นนี้เป็นเพียงจับกุมและสอบสวน และส่งฟ้องอัยการ ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน

พร้อมทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่า ขอให้ใจเย็นๆ จะผิดหรือถูกให้ว่าไปตามขั้นตอน ไม่ใช้พอช้าก็บอกว่าจับไม่ได้สงสัยเจ้าหน้าที่ไม่มีความสามารถ พอจับได้ก็มาบอกว่าทุจริต จะเอากันตรงไหน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ในการหารือกับประธานาธิบดีเต็งเส่งของเมียนมาร์ ตนอธิบายเช่นเดียวกับที่ได้ชี้แจงกับสื่อแต่ไม่ได้ระบุว่าผู้ต้องหาเป็นแรงงานของใคร เพราะเป็นเรื่องของบุคคล ผู้ต้องหาจะใช่ตัวจริงหรือไม่ เดี๋ยวผลสอบสวนก็ออกมา จะมาดิสเครดิสกันเองตนว่าไม่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่า การพูดหรือเขียนในโลกอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่คำตอบแล้วจะไปฟังกันทำไมให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดีกว่า

นอกจากนี้ทางด้านสำนักข่าวนิวไลต์ออฟเมียนมาร์ของทางการพม่านั้ก็ได้มีการรายงานว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า ได้เรียก ร้องกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ให้คำรับประกันว่าการสอบ สวนพิจารณาคดีชาวพม่าจะยุติธรรม รวมทั้งเรียกร้องให้ไทยอนุญาตให้สถานทูตพม่าดำเนินการสอบสวนคดีนี้ได้ "อย่างเสรีและโปร่งใส" โดยกล่าวกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ว่า ปล่อยให้คนผิดหลายคนลอยนวล ดีกว่าจับคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว

และตามที่สำนักข่าวทีนิวส์นั้นได้ตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นข่าวเรื่องการกลับคำให้การของผู้ต้องหา มันมีกระบวนการสร้างข่าวที่ชวนให้ตั้งข้อสงสัย เพราะว่าข่าวทั้งหมดที่ออกมานั้นมาจากสื่อต่างชาติที่ไม่ได้เป็นการนำเสนอข่าวเองแต่เป็นการอ้างอิงจากสื่อท้องถิ่นของพม่า

BBC Thai ได้รายงานถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่าสื่ออังกฤษตีพิมพ์รายงานว่าแรงงานชาวพม่าสองคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษสองคนได้ถอนคำรับสารภาพแล้ว ซึ่งหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน และเทเลกราฟ ได้ลงข่าวในทำนองเดียวกัน

ทั้งสองฉบับอ้างรายงานข่าวที่ตีพิมพ์ในบางกอกโพสต์เรื่องที่ หนังสือพิมพ์เซเว่น เดลี ของพม่า รายงานว่า นาย Aung Myo Thant เจ้าหน้าที่สถานทูตพม่าซึ่งระบุว่าเป็นทนายความได้ถอนคำให้การของนายซอ ลินและนายวิน ซอ ตัน แล้ว เขาบอกว่าคนทั้งสองบอกเขาว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนต้องรับสารภาพในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ และขอให้รัฐบาลพม่าเข้ามาดูแลและค้นหาความจริงในเรื่องนี้

เดอะ เทเลกราฟ รายงานด้วยว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้รับฟังบรรยายสรุปจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ซึ่งเบื้องต้นเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือไทย แต่ขณะนี้ได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มีต่อเจ้าหน้าที่เรื่องการปฏิบัติต่อผู้ต้องหา โดยวันนี้ (10 ต.ค.) จะมีพิธีศพของฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ซึ่งครอบครัวได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่าหวังว่าผู้กระทำผิดตัวจริงจะได้รับการลงโทษ

ด้านเดอะการ์เดียน รายงานอ้างหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นว่า อัยการได้ส่งคืนรายงานของตำรวจและขอให้จัดส่งข้อมูลที่มีความสำคัญมากกว่านี้มาให้สื่ออังกฤษทั้งสองฉบับยังรายงานเรื่องข้อสังเกตของคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติเวชศาสตร์ เกี่ยวกับการจัดเก็บหลักฐานในคดีนี้ที่ไม่เป็นไปตามหลักการทางนิติเวชศาสตร์

เดอะเทเลกราฟ ยังรายงานด้วยว่าพ่อของนายวิน ซอ ตัน บอกกับสื่อพม่าว่าไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อคดีฆาตกรรมได้ เพราะเป็นคนที่เป็นมิตรและช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่คนป่าเถื่อน และคิดว่าลูกชายจะได้รับการปล่อยตัวหากมีการสอบสวนคดีอย่างเป็นธรรม และเป็นระบบ

สำนักซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างข่าวจาก นสพ.บางกอก โพสต์ ของไทย ว่า การเปิดเผยในเรื่องดังกล่าว มีขึ้นหลังจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ปฏิเสธว่าตำรวจไทยไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือทรมานผู้ต้องหาเพื่อให้ยอมรับสารภาพ โดยบางกอกโพสต์ ได้รายงานอ้างการเปิดเผยของนายอ่อง ทนายความของสถานกงสุลเมียนมาร์ด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยบอกกับผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ ให้พูดว่า พวกตน กินเหล้าและร้องเพลงอยู่ที่ชายหาด ในคืนเกิดเหตุ  โดยซีเอ็นเอ็นอ้างผู้ต้องหาระบุว่า พวกเขาพูดว่า พวกเขาไม่ได้ทำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ทุบตีพวกเขาจนกระทั่งยอมรับสารภาพในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ พวกเขากำลังร้องขอให้รัฐบาลเมียนมาร์เข้ามา

ช่วยดูแลและสืบหาความจริงในคดีนี้ พวกเขาดูน่าสงสารจริงๆ ร่างกายของพวกเขามีร่องรอยฟกช้ำ และผมได้รายงานเรื่องทั้งหมดที่เห็นในวันนี้ต่อรัฐบาลเมียนมาร์แล้ว นสพ.บางกอก โพสต์ รายงานอ้างคำพูดของนายอ่อง เมียว ตัน ทนายความของสถานกงสุลเมียนมาร์

ซีเอ็นเอ็น ยังรายงานว่า นายริชาร์ด เบนเนตต์ ผู้อำนวยการองค์กรนิรโทษกรรมสากลด้านเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ว่า ทางองค์กรนิรโทษกรรมสากลได้แจ้งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยเพื่อขอดำเนินการสอบสวนอิสระเกี่ยวกับรายงานที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ใช้ความรุนแรงเพื่อให้แรงงานต่างด้าวทั้งสองจากประเทศเพื่อนบ้านยอมรับสารภาพ "ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทรมานแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ควรจะได้รับการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ และไม่ใช่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย"

ขณะที่ ซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า ทางผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยและสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ในกรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับคำตอบ

หลังสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวทางเว็บไซต์โดยระบุว่าผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวในคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ได้กลับคำรับสารภาพแล้ว คณะทำงานสถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย  ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสถานทูตให้ร่วมเข้าไปฟังการสอบปากคำของนายซอ ลินและนาย วิน ซอ ตัน 2 ผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ในเรือนจำเกาะสมุยโดยยืนยัน ว่า ผู้ต้องหายังไม่มีการกลับคำให้การและไม่มีการถอนคำให้การเดิม แต่ผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายจริง ซึ่งคณะทำงานได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปยังรัฐบาลเมียนมาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลเมียนมาร์ยังไม่มีคำสั่งใดๆกลับมา ดังนั้นทางทีมคณะทำงานต้องรอคำสั่งก่อนถึงจะดำเนินการขั้นต่อไปได้

แม้ว่าจะมีการนำเสนอมาจากภายนอกว่าทั้งตัวของพยานและผู้ต้องหานั้นได้กลับคำให้การแต่ล่าสุดตำรวจไทยที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวก็ได้มีการออกมายืนยันแล้วว่าจากการสอบปากคำล่าสุดนั้นทางด้านผู้ต้องหาก็ยังไม่ได้มีการกลับคำให้การหรือคำสารภาพแต่อย่างใด จึงน่าสนใจว่าถ้าหากยังไม่การกลับกลับคำรับสารภาพแล้วสื่อต่างชาติเหล่านั้นไปนำข้อมูลเหล่านั้นมาจากมาจากที่ไหน และจะสามารถสรุปได้หรือไม่ว่าเรื่องนี้นั้นไม่สื่อต่างประเทศก็ตำรวจไทย ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งโกหก

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมยืนยันว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ทุ่มเททำงานเต็มที่ ทำตามระเบียบ ยึดหลักกฎหมายความถูกต้องยุติธรรม การตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตอบคำถามสังคมได้ มั่นใจข้อมูล พยานหลักฐานและการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาว่าถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่ทำสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ

เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีที่ยืนยันว่า ขณะจับกุม ควบคุมตัวหรือระหว่างสอบปากคำ ตำรวจไม่เคยบังคับขู่เข็ญทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ผู้ต้องหารับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจระมัดระวังเรื่องนี้อยู่แล้วและยังให้แพทย์ตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้งสองคือ นายเวพิว หรือวิน อายุ 21 ปี และนายซอ ลิน หรือโซเรน อายุ 21 ปีเพื่อยืนยันอีกครั้ง ซึ่งทั้งนายวินและนายซอรับสารภาพเอง เพราะสำนึกในสิ่งที่ลงมือทำ

สอดคล้องกับ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบช.ภ.8 หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวที่ย้ำว่า ตนไม่ทราบว่าซีเอ็นเอ็นรู้ได้อย่างไร แต่ตนทราบล่าสุดว่ายังให้การรับสารภาพ และไม่ได้รับแจ้งว่าปฏิเสธคำให้การ ทั้งนี้ ยืนยันพยานหลักฐานมั่นคง แน่นหนามากพอ เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ถึงแม้ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ แต่ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

ไม่ใช่เพียงการนำเสนอข่าวในเชิงการดิสเครดิตของกระบวนยุติธรรมไทยตามที่รายงานไปเท่านั้นแต่ปรากฏว่าชาวพม่ากลุ่มหนึ่งประมาณ 100 คน ก็ได้ไปรวมตัวกันประท้วงที่ญี่ปุ่นซึ่งน่าแปลกใจมากว่าทำไมชาวพม่าที่ญี่ปุ่นถึงได้เคลื่อนไหวทั้ง ๆ ที่คนพม่าในประเทศไทยนับแสนคนกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาทาง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ "ดิ อิรวดี" ว่าชาวเมียนมาร์ซึ่งอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นหลายร้อยคนเดินทางไปรวมตัวกันชุมนุมประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโตเกียวเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไต่สวนคดีการสังหารโหดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่าอย่างเป็นธรรมที่สุด ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ก่อนที่ตำรวจไทยจะจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อย่างน้อย 2 คนเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยเป็นแรงงานชาวเมียนมาร์ซึ่งมีอาชีพรับจ้างอยู่ในพื้นที่ คือนายเวพิว หรือวิน และนายซอ ลิน หรือโซเรน

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ โดยปราศจากการปะทะรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ซึ่งอารักขาสถานที่ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยส่งเจ้าหน้าที่ออกมารับฟังข้อเรียกร้องและชี้แจงสถานการณ์

เพราะฉะนั้นเราก็คงต้องจับตามองกันต่อไปว่าปรากฏการณ์ล่าสุดที่ถาโถมเข้าใส่กระบวนการยุติธรรมของไทยในคดีสังหาร 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่านั้นจะส่งผลต่อรูปคดีมากน้อยขนาดไหน   แต่ที่ชัดเจนที่และสร้างความเสียหายเป็นที่เรียบร้อยก็คือปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นก็ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้ทางด้านนายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 ในฐานะหัวหน้าคณะอัยการพิจารณาสำนวนคดีฆาตกรรม 2 นัดท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า เปิดเผยว่า การตรวจสอบสำนวนพบว่าการสอบสวนยังไม่ครบถ้วน จึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมและให้รายงานส่งกลับมาให้อัยการภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ไปแจ้ง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.57 ซึ่งในสำนวนยังไม่ครบในบางประเด็น ไม่ได้เป็นการตีกลับสำนวนไปทั้งหมด  หากพนักงานสอบสวนสอบประเด็นเพิ่มเติมรายงานกลับมาไม่ทันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 คนผลัดแรกในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ก็จะฝากขังต่อไปก่อน ซึ่งอัยการจะดำเนินการพิจารณาโดยเร็วเมื่อสำนวนเรียบร้อยจึงจะส่งฟ้องต่อศาลต่อไป
ในประเด็นนี้พระสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศเชิญชวนพุทธศาสนิกชนผ่านทางเฟซบุ๊คเพจชื่อ "Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)" ให้ร่วมกันทอดกฐิน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชนชาวเกาะเต่า โดยทางพระสุเทพได้โพสในเฟซบุ๊คว่าวันที่ 16 ตุลาคมนี้ "อาตมาและท่านเจ้าคุณ อาจารย์โพธิ์ จะไปร่วมทอดกฐินที่วัดเกาะเต่า เพื่อเป็นขวัญ และ กำลังใจให้พี่น้องประชาชนชาวเกาะเต่า อาตมาเอาเรือของบริษัทลมพระยาไป จุผู้โดยสารได้ร้อยคนเศษ ถ้าญาติโยมท่านใด มีศรัทธาจะไปทำบุญด้วยกัน รีบสมัครได้ ที่คุณพรเพ็ญ หรือ ที่ประชาสัมพันธ์ วัดสวนโมกข์ 077435340    เรือจะออกจากท่าเรือลมพระยา เกาะสมุย เวลา หกโมงเช้า วันที่ 16 ตุลาคม ใช้เวลาเดินทาง ชั่วโมงครึ่ง ทอดกฐินเสร็จน่าจะกลับถึงสมุยได้ประมาณ บ่ายสองโมง"

และนี้ก็คือความไหวล่าสุดของคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าและทางสำหรับข่าวทีนิวส์ก็จะติดตามตรวจสอบในข้อเท็จจริงต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น