วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชื่นชมพระบารมี พสกนิกรเฝ้าฯรับเสด็จในหลวง-ทั่วไทยเทิดพระเกียรติ เมื่อ 4 ธ.ค.55


ชื่นชมพระบารมี พสกนิกรเฝ้าฯรับเสด็จในหลวง-ทั่วไทยเทิดพระเกียรติ




สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 12 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระอาการทั่วไปดี แต่พระพลานามัยไม่สมบูรณ์เต็มที่ ทรงงดพระราชกิจ 5 ธ.ค. “ยิ่งลักษณ์” นัด ครม.จุดเทียนชัยถวายพระพร 19.19 น. กรมศิลปากรเตรียมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ชี้เป็นพระราชพิธีสำคัญ ประชาชนทั้งไทย-เทศจับจองพื้นที่ลานพระบรมรูป หวังชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ
    เมื่อวันอังคาร สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระประชวรขณะประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 12 ความว่า "วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้รายงานว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระอาการทั่วไปดี ทรงพระดำเนินตลอดจนเคลื่อนไหวพระวรกายได้เกือบปรกติ แต่ยังมีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์เต็มที่
       ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันพุธที่ 5 ธันวาคม ศกนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีความเห็นพ้องต้องกันว่า แม้พระราชพิธีนี้จะเป็นพระราชพิธีสำคัญ แต่ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร กอปรกับเป็นพระราชพิธีเดียวที่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต้องทรงยืนตั้งแต่ต้นจนเสร็จพิธี เว้นแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวที่ประทับพระราชอาสน์ ดังนั้น หากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีนี้ ก็อาจจะต้องทรงฝืนกำลังพระวรกายเป็นอันมาก เนื่องจากทรงพระประชวรอยู่เป็นเวลาหลายเดือน แม้จะทรงทำกายภาพบำบัดด้วยการทรงพระดำเนินเป็นประจำ แต่พระพลานามัยก็ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การเสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีนี้เป็นครั้งแรก อาจทำให้ทรงอ่อนเพลีย และต้องทรงฟื้นฟูพระวรกายอีกเนิ่นนานก็เป็นได้ คณะแพทย์ฯ จึงกราบบังคมทูลขอให้ทรงงดพระราชกิจครั้งนี้ และต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ คณะแพทย์ฯ ได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยแล้ว
              จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน"
    สำหรับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมนั้น นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการเตรียมงานว่า ในช่วงเช้าวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธี ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ส่วนในช่วงค่ำ นายกฯ จะนำ ครม.ลงนามถวายพระพร และร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล เวลา 19.19. น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กทม.
    นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า การเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร ถือเป็นโอกาสที่มีความพิเศษ ซึ่งพสกนิกรชาวไทยจะได้เฝ้าชมพระบารมีในการเสด็จออกอย่างเต็มพระเกียรติยศ  ซึ่งจะมีขึ้นในวาระสำคัญ แตกต่างจากการเสด็จออกในพระราชกรณียกิจที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลหรือคณะบุคคลเฝ้าฯ จึงขอเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง
        นางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมได้เตรียมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยมอบหมายให้นักจดหมายเหตุจดบันทึกเหตุการณ์พระราชพิธี กิจกรรมที่ภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น เพื่อนำข้อมูลไปจัดทำต้นฉบับหนังสือจดหมายเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะการเสด็จออกมหาสมาคม ถือเป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์จะเสด็จออกที่ประชุมใหญ่เพื่อการสำคัญ ซึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 การเสด็จออกมหาสมาคมนับเป็นพระราชพิธีประจำปี และพระราชพิธีในโอกาสพิเศษ แต่ละครั้งมีขึ้นในสถานที่ต่างๆ อาทิ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน, พระที่นั่งไพศาลทักษิณมหินทรพิมาน สีหบัญชร, พระที่นั่งอนันตสมาคม, พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท, มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    ส่วนการเตรียมความพร้อมในเรื่องสถานที่ การจราจร และการรักษาความปลอดภัยนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีประชุมใหญ่ซักซ้อมในขั้นสุดท้าย ซึ่งจะมีการปฏิบัติจริงตั้งแต่คืนวันที่ 4 ธ.ค.ถึงเช้าวันที่ 5 ธ.ค. โดยเฉพาะการระบายคนเข้าและออกจากงานพระราชพิธี ซึ่งจะใช้เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 3,000 นาย
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) กล่าวว่า จะแจ้งปิดเส้นทางตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 4 ธ.ค.ในถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองในถึงลานพระบรมรูป จากนั้นในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 5 ธ.ค.จะเริ่มปิดเส้นทางเพิ่มเติม 4 เส้นหลักจนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธี คือ ถ.ศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมพิตรฯ ผ่านลานพระบรมรูป ถึงแยก พล.1 ถ.พิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชฐ แยกมิสกวัน ถึงแยกวังแดง แยกลานพระบรมรูป บริเวณ ถ.ราชดำเนิน แยกสวนมิสกวัน ถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์
        พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า หากประชาชนมีจำนวนมากขึ้น จะปิดเส้นทางเพิ่มเติมใน ถ.กรุงเกษม ตั้งแต่สะพานมัฆวานฯ ถึงแยกประชาเกษม และแยกมัฆวาน ถึงแยก จ.ป.ร. ซึ่งตลอดทั้งเส้นทางจะรองรับประชาชนได้กว่า 2 แสนคน
    ขณะเดียวกัน ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ได้มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทยอยมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.แล้ว และเริ่มเข้ามาจองพื้นที่ในวันที่ 4 ธ.ค.กันมากขึ้น เพื่อรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม โดยพสกนิกรต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งไม่ใช่มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่มาจับจองพื้นที่เพื่อเฝ้าชื่นชมพระบารมี ยังมีชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว รวมทั้งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยต่างมาเลือกจับจองพื้นที่เช่นกัน ขณะเดียวกัน หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมงาน เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในงาน ขณะที่เส้นทางก่อนเข้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า ทั้ง 2 ฝั่งถนนมีการประดับธงตราสัญลักษณ์และธงชาติไทยโดยตลอด รวมทั้งมีการประดับซุ้มพร้อมด้วยพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
           ส่วนกรณีกระทรวงมหาดไทย (มท.) มีคำสั่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้งดการจุดพลุเฉลิมฉลองในวันที่ 5 ธ.ค.นั้น ล่าสุด นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. กระทรวงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าฯ อีกครั้ง โดยไม่ได้สั่งให้งดจุดพลุ แต่ให้ผู้ว่าฯ พิจารณาตามความเหมาะสมและเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะสถานที่ราชการที่สำคัญ และหากประชาชนจุดพลุกันเองก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วย
    ขณะเดียวกัน ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและแทบจะทุกจังหวัด ต่างก็มีการจัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ กองทัพเรือได้จัดกิจกรรม “ร้อยรวมดวงใจ เทิดไท้องค์ราชัน” ซึ่งมีทั้งนิทรรศการแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ในพระอิริยาบถต่างๆ นิทรรศการแสดงภาพพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินชลมารคถวายผ้าพระกฐิน การปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด และการบริจาคโลหิต
ในหลายจังหวัดก็มีการจัดกิจกรรมไม่แตกต่างกัน เช่น ที่ จ.สุรินทร์ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ ถวายเป็นพระราชกุศล, จ.จันทบุรี มีพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ, จ.สกลนคร จัดอุปสมบทหมู่ 101 รูป และพิธีรวมใจไถ่ชีวิตโค-กระบือ, จ.หนองคาย จัดโครงการปล่อยปลาเพื่อพ่อของแผ่นดิน, จ.อุบลราชธานี มีกิจกรรมปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดถวายพ่อหลวง, จ.กาฬสินธุ์ นายถาวร กุลโชติ จัดกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาด และที่ จ.ตาก ประชาชนพร้อมใจใส่เสื้อเหลืองทั้งเมือง และจัดเดิน-วิ่งถวายพระพร เป็นต้น.
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น