วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไทย-เขมรปรองดองใช้ซิงเกิ้ลวีซ่าวันนี้ เมื่อ ๒๗ ธ.ค.๕๕







พิมพ์ไทย ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี นายสุรพงษ์โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ และนายฮอร์ นัม ฮงรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาได้หารือแบบทวิภาคีระหว่างกัน เนื่องในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี(เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 จากนั้นได้มีพิธีเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ ในเวลา 09.00 น. โดยมีนายสุรพงษ์ เป็นประธานเจซี ฝ่ายไทย และนายนัม ฮง เป็นประธานเจซี ฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ประเด็นการหารือจะครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ภายหลังการประชุม นายสุรพงษ์ แถลงว่า การประชุมดังกล่าวถือเป็นกลไกในการสร้างความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน และขับเคลื่อนผลักดันในมิติต่างๆได้ข้อสรุปใน 3 ด้าน ประกอบด้วย การให้ทั้ง 2 ประเทศเร่งรัดจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่สำหรับเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยนอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรงข้ามกับบ้านสตึงบท จ.บันเตียเบียนเจ่ย ประเทศกัมพูชา เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าและรองรับการขยายตัวการลงทุน พร้อมกับเห็นชอบการสำรวจพื้นที่เตรียมเปิดจุดผ่านแดนผ่อนปรน บ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตรงข้ามบ้านไปร่จัน จ.บันเตียนเบียนเจ่ย และหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาลักลอบตัดไม้พะยูง ทั้ง 2 ฝ่ายจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่าที่ประชุมยังเห็นพ้องประกาศใช้ความตกลงการตรวจลงตราเดียวกลุ่มประเทศภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS Single Visa) ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2555 ซึ่งในส่วนประเทศที่เหลือในกลุ่ม ACMECS คือ เมียนมาร์ และลาวนั้น จะเข้ามาร่วมซิงเกิลวีซ่าได้เมื่อใดนั้น ตนเชื่อว่าถ้าสิ่งที่ไทยและกัมพูชาทำประสบความสำเร็จ ประเทศที่เหลือจะดำเนินการตามอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังจะช่วยเหลือศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงผิวถนนและช่วยเหลือก่อสร้างสะพานรถไฟ เส้นทางคลองลึก-ปอยเปต ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและสัญจรข้ามแดนระหว่าง 2 ฝ่ายเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้เห็นชอบร่วมกันความร่วมมือด้านการจัดการแรงงาน และการโอนตัวนักโทษระหว่างกัน
โดยการประชุมครั้งนี้สำเร็จอย่างดียิ่งสะท้อนความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มีความคืบหน้าต่อไป โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งรัดผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป หลังจากนี้จะพูดคุยถึงการจัดประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชา
นายฮอร์ นัม ฮง กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวถือว่าประสบผลสำเร็จได้ดีมาจากการที่ 2 ประเทศอยู่ในบริบทใหม่แห่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ทำให้มูลค่าการค้าในปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท ทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงกันว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเลขดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยที่สุด ร้อยละ 30 ต่อปี และที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวของ 2 ประเทศนี้เติบโตขึ้นอย่างมาก กัมพูชามั่นใจว่ามาจากผลความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และเชื่อมั่นในทางบวกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศจะดีมากขึ้นอีกในอนาคต
พร้อมกันนั้นกัมพูชาซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือวิทยาลัยกัมปงเชอเตียน จ.กัมปงทม ของกัมพูชา และขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชามีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้อง ตอนนี้มีกว่า2 แสนคน รวมถึงยังตกลงที่จะป้องกันและปราบปรามแรงงานและนายหน้าที่นำคนเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย
เมื่อถามว่าได้หารือถึงการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิดและน.ส.ราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ซึ่งถูกจำคุกที่กัมพูชาหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่าตนทราบว่าขณะนี้น.ส.ราตรี รับโทษใกล้จะครบ 1 ใน 3 ของจำนวนปีที่ถูกจำคุกแล้วในเร็วๆ นี้ จะขอโอนตัวนักโทษต่อไป อย่างไรก็ตาม การโอนตัวนักโทษอาจมีข้อจำกัดเรื่องฐานความผิด ต้องไปดูในรายละเอียดต่อไป เชื่อว่าการโอนตัวนักโทษจะทำได้ง่ายกว่าการขอพระราชทานอภัยโทษที่จะต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อน
ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับกัมพูชาที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนตลอดปีนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในกรอบต่าง ๆเพื่อก้าวอย่างมั่นคงไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น