วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อีกครั้ง เสด็จทางชลมารค กับเรือพระที่นั่ง “เรืออังสนา”


วันพุธ ที่ 4 กรกฎาคม 2555
Posted by ณดาว , ผู้อ่าน : 1781 , 21:51:14 น.  
หมวด : ทั่วไป

พิมพ์หน้านี้
โหวต 14 คน


เรืออังสนา ... เรือรับรองพิเศษของกองทัพเรือ ด้วยระบบเดินเรือทันสมัย มีความปลอดภัยสูงสุด กองทัพเรือได้ถวายให้เป็นเรือพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จฯ ทางชลมารค ทรงทำพิธีเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ต.ทรงคะนอง อ.พระประเแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553


 

ด้วยภาระกิจแห่งความเป็นเรือพระที่นั่งครั้งนั้น ทำให้ชื่อ เรืออังสนา เป็นที่รู้จักมากขึ้น

และในวันที่ 7 กรกฎาคม นี้ จะเป็นอีกครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคจากท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช โดยประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ไปยังท่าน้ำกรมชลประทานสามเสน เพื่อทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนและโครงการชลประทาน 5 แห่งพร้อมกัน ซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับตอนเปิดคลองลัดโพธิ์


เส้นทางเดินเรือจะเริ่มจากท่าน้ำศิริราชมุ่งหน้าไปทางเหนือผ่านคลองลัดเกร็ด คลองอ้อมเกร็ด วนกลับมายังท่าน้ำกรมชลประทาน มีการลิงก์สัญญาณแต่ละโครงการมายังที่จอวีดิทัศน์หน้ากรมชลประทาน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดถวายรายงาน

สำหรับ 5 โครงการประกอบด้วย เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก / เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก / โครงการประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม / ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช / อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์

.. 2 เขื่อน 2 ประตู และ 1 อุโมงค์ .. จะเป็นอีกครั้งที่จะได้เห็น ในหลวงทรงงาน จากเรือพระที่นั่งอังสนา ..



ชื่ออังสนา หมายถึง ดอกประดู่ … ดอกประดู่เป็นสัญลักษณ์แห่งกองทัพเรือไทย

ก่อนหน้านี้ เรืออังสนาถูกใช้เพื่อการรับรองพระราชอาคันตุกะ, ประมุขของประเทศต่างๆ รวมถึง แขกระดับสูงของรัฐบาล และก่อนถูกใช้เป็นเรือพระที่นั่ง เรืออังสนาได้นำวงดนตรี The Preservation Hall Jazz Band จากประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเทียบท่าน้ำภายในโรงพยาบาลศิริราช จัดการแสดงดนตรี ในบรรยากาศของมิวสิค ครูส ตามแบบฉบับของนิว ออร์ลีนส์ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2553 มาก่อน ...

กองทัพเรือสั่งให้ต่อเรือลำนี้ ตั้งแต่ปี 2545 ในราคา 64 ล้าน 2 แสนบาท ลำตัวเรือเป็นเหล็ก ยาว 49 เมตร กว้าง 10 เมตร สูงจากผิวน้ำ 5 เมตร 50 เซนติเมตร กินน้ำลึก 2 เมตร ใช้เครื่องยนต์เรือจากประเทศเยอรมนี ขนาด 591 แรงม้า 2 เครื่องยนต์ มีเครื่องไฟฟ้า 237 แรงม้า 2 เครื่อง ความเร็วสูงสุด 12 น็อต ...

ปี 2550 กรมอู่ทหารเรือร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 ซึ่งผลิตจากปาล์มน้ำมัน เพื่อปัญหาลดมลพิษในเรืออังสนา ทดลองใช้อยู่ 3 ปี ให้ผลเป็นที่พอใจ ...

และเมื่อ เรืออังสนา ถูกนำมาใช้เป็นเรือพระที่นั่ง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน จึงนับเป็นครั้งแรก !! ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100

...ทั้งสมรรถนะ และ ภาระกิจ เรืออังสนาจึงถือเป็นหนึ่งในความภูมิใจของราชนาวีไทย...


ในยามที่เรืออังสนา เทียบท่าอยู่ที่หอประชุมกองทัพเรือ ไม่ได้อยู่ในภาระกิจเป็นเรือพระที่นั่ง กองทัพเรือเปิดบริการเรืออังสนาในรูปแบบธุรกิจ สำหรับให้เอกชนเช่าสถานที่จัดงานด้วย ... ดาดฟ้าชั้นบน เป็นห้องโถงรับรอง VIP Lounge  เปิดหัวและท้ายเรือ ให้ออกไปยืนชมทัศนียภาพตลอดลำแม่น้ำเจ้าพระยาในขณะเรือเดินได้

ส่วนดาดฟ้าชั้นล่าง แบ่งเป็น 2 ตอน ... ตอนหัวเรือเป็นห้องรับประทานอาหารของแขกผู้ใหญ่ และมีส่วนสำหรับผู้ติดตาม ส่วนตอนกลางลำเป็นห้องโถงใหญ่ สำหรับจัดโต๊ะวางอาหารบุฟเฟต์ขนาดใหญ่ และตลอด 2 ข้างกราบลำเรือ ถูกติดตั้งเป็นโต๊ะอาหาร มีเวทีสำหรับวงดนตรีและการแสดงขนาดเล็ก


 







ทั้งหมดถูกจัดแต่ภายใต้บรรยากาศหรูหรา ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เทียบชั้นได้กับห้องรับรองในโรงแรม 5 ดาว ที่ให้รู้สึกประทับใจในความงามและความเป็น "ราชนาวี" ในเวลาเดียวกัน

ในโอกาสดีๆที่ได้รับเชิญร่วมในงาน ซึ่งจัดเลี้ยงบนเรือรับรองพิเศษลำนี้ เสมือนได้ใกล้ชิดตามรอยเสด็จ นับได้ว่าเป็นมงคลแห่งชีวิตมากมาย

และไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รู้ถึงความสำคัญของการเคยเป็นเรือพระที่นั่ง เชื่อว่าบริเวณแรกของเรืออังสนา ที่ทุกคนต้องอยากเห็น ... ก็น่าจะเป็นบริเวณดาดฟ้าด้านหน้าเรือ ที่ถูกจัดเป็นที่ประทับครั้งที่เสด็จทางชลมารค ซึ่งถูกกั้นไว้เป็นพื้นที่หวงห้าม



.. แม้จะไม่มีเก้าอี้ที่ประทับวางไว้แล้ว แต่แค่เห็นพื้นที่ว่างบริเวณนั้น ก็ขนลุกด้วยความปลื้มปิติ
!! มุมนี้ มุมทำงานของพ่อหลวง บนเรือพระที่นั่งอังสนา..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น