วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวงเสด็จเกาะเกร็ด 7 ก.ค.






เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เปิดหมายกำหนดการ ในหลวง เสด็จฯ ทางชลมารค

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เรารักชลประทาน , ครอบครัวข่าว 3

         เจ้าอาวาสวัดริมน้ำเจ้าพระยาเชิญชวนประดับธงตลอดริมน้ำ พร้อมร่วม สวดเจริญชัยมงคลคาถา เฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวงทางชลมารค ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้ม ตรึงกำลังกว่า 200 นาย ดูแลความปลอดภัย

          ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนิน ทางชลมารค โดยเรืออังสนา ที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรตลอดลำน้ำเจ้าพระยาระหว่างโรงพยาบาลศิริราช ถึงเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และทรงประกอบราชพิธีเปิดโครงการชลประทาน 5 แห่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ณ บริเวณท่าน้ำหน้าบริเวณกรมชลประทาน สามเสน กรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุด ทางพระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยวัดที่อยู่ตั้งริมฝั่งแม่น้ำ จะมีการจัดโต๊ะหมู่บูชา สวดชัยมงคลคาถา ส่วนบริเวณสะพานพระราม 8 สวนเฉลิมพระเกียรตินั้น จะมีพระสงฆ์ประมาณ 200-300 รูป มาประกอบพิธีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทางคณะสงฆ์ กทม. ได้ดำเนินการเตรียมพร้อมรับเสด็จอย่างเต็มที่ และก็ขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมสวดบทเจริญชัยมงคล ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

         ส่วนทางด้าน พระธรรมกิตติมุนี เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ในส่วนของวัดเฉลิมพระเกียรติ ทางคณะสงฆ์จะสวดเจริญชัยมงคลคาถาในพระอุโบสถ ส่วนบริเวณท่าน้ำจะมีคณะตลก นำโดย ถั่วแระ เชิญยิ้ม และประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังได้แจ้งวัดต่าง ๆ ในปกครองที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้พร้อมประดับธงให้สวยงาม และประดับพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมทั้งจัดสวดเจริญชัยมงคลคาถาโดยพร้อมเพรียงกัน


          พร้อมกันนี้ ทางด้านนายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้สั่งการให้ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บางกรวย อ.เมือง และ อ.ปากเกร็ด เตรียมการรับเสด็จฯ โดยประดับประดาธง ขึ้นป้ายเทิดทูนสถาบัน ในส่วนของวัดจะมีพื้นที่ให้ประชาชนไปเฝ้ารับเสด็จฯได้ประมาณ 30 วัด อาทิ

          อ.บางกรวย ที่วัดลุ่มคงคาราม
       
          อ.เมือง ที่วัดค้างคาว วัดตึก วัดศาลารี วัดเขียน วัดสลักใต้ วัดตำหนักใต้ วัดท้ายเมือง วัดเขมาภิรตาราม วัดปากน้ำ
          อ.ปากเกร็ด ที่วัดเชิงเลน วัดท่าอิฐ วัดแสงสิริธรรม วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดไผ่ล้อม วัดปากคลองพระอุดม วัดเสาธงทอง วัดบางจาก วัดปรมัยยิกาวาส วัดเตย วัดสนามเหนือ วัดกลางเกร็ด วัดฉิมพลี

            นายบุญเลิศ ยังกล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้เตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ริมน้ำ โดยเฉพาะบริเวณโป๊ะ ที่จะจำกัดจำนวนคนไม่ให้ลงไปจนเกิดน้ำหนักโป๊ะ และจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

            ขณะที่  พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแจ้งให้ทราบว่า ภารกิจมีอะไรบ้าง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ โดยเรืออังสนาไปเกาะเกร็ด ก่อนกลับมาจอดลอยลำที่หน้ากรมชลประทาน จากนั้นทอดพระเนตรจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ฉายภาพโครงการชลประทานทั้ง 5 แห่ง ก่อนทรงทำพิธีเปิดโครงการพร้อมกันบนเรือ ส่วนด้านหลังที่เป็นคอนโดมิเนียมและรีสอร์ต ย่านฝั่งธนบุรี จะฉายภาพเลเซอร์เกี่ยวกับภารกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจุดพลุเฉลิมฉลองด้วย



           รอง ผบช.น. กล่าวว่า  ในส่วนของการปิดจราจรทางน้ำ ทางกรมเจ้าท่ารับหน้าที่เป็นผู้ดูแล โดยบริเวณกรมชลประทานจะมีแขกวีไอพีจำนวนมาก ซึ่งจะตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดจุดปลอดภัย จุดฉุกเฉิน รถพยาบาลทั้ง 2 ฝั่ง และสถานที่จอดเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉิน

           สำหรับหมายกำหนดการเวลาเสด็จพระราชดำเนินออกจากท่าศิริราชนั้น ทรงเสด็จในเวลา 16.30 น. จากนั้นไปวนเกาะเกร็ดและกลับมาประมาณ 18.45 น. แล้วจอดเรือลอยลำประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเสร็จคาดว่าจะเสด็จฯ กลับไปยัง โรงพยาบาลศิริราชในเวลา 20.30 น. โดยช่วงเวลาที่เสด็จฯ ผ่านนั้น จะปิดสะพาน 5 แห่ง คือ สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 สะพานกรุงธน สะพานพระราม 6 และสะพานพระราม 7 ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจจำนวน 200 นาย ดูแลความปลอดภัย


ชาวนนท์เตรียมรับเสด็จฯ ยิ่งใหญ่

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านชาวเกราะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่างพากันทำความสะอาดบ้านเรือนทุกหลังคาเรือน เพื่อเตรียมรอรับเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จทางชลมารค เพื่อเยี่ยมเยียนชาวเกาะเกร็ดในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม นี้

          โดย คุณป้าคนหนึ่งชาวบ้านในละแวกดังกล่าว อายุ 63 ปี กล่าวว่า ตนและชาวบ้านเตรียมพร้อมเพลง "เจ้าขาว" ซึ่งเป็นบทเพลงพื้นเมืองของชาวเกาะเกร็ด และจะเฝ้ารอรอรับเสด็จบริเวณโป๊ะหน้าวัดไผ่ล้อม ส่วนทางด้านวัดวาอารามบนเกาะเกร็ด ประชาชนก็ช่วยพระสงฆ์ประดิษฐ์ประดอยธงชาติ และธงสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับนำมาติดที่ศาลาริมน้ำหน้าวัด

         ขณะที่ วิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ประสานไปยัง อบต. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประดับประดาธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ รวมทั้งข้อความว่า "คนนนท์ เทิดทูน สถาบัน"  ขณะที่ทางวัด สุเหร่า มัสยิด ก็จะร่วมกันสวดถวายพระพรให้กับพระองค์ท่านในระหว่างที่เสด็จทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากนี้ ทางสมาคมตลกยังได้นำสิงโต 9 คณะ มาแสดงที่วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร

เผยจุคนเฝ้ารับเสด็จได้ 8 หมื่นคน

          นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ทางจังหวัดนนทบุรีได้จัดเตรียมการรับเสด็จ อย่างสมพระเกียรติ โดยการจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา เป็นราชสักการะ ประดับพระบรมฉายาลักษณ์หรืออักษรพระปรมาภิไธยธงทิว หรือโคมไฟฟ้า โคมประทีป การแสดงมหรสพรื่นเริง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ตลอดริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา   

          นอกจากนี้ นายวิเชียร ยังกล่าวว่า ในส่วนของเรื่องพื้นที่ที่จะให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จนั้น ทางจังหวัดได้เตรียมไว้หลายจุด สามารถรองรับประชาชนได้กว่า 80,000 คน อาทิ

          ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

          ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าท่าน้ำนนทบุรี

          กรมราชทัณฑ์

          อาคารกรมสรรพาสามิต

          กรมพลาธิการทหารบก

          กรมชลประทานปากเกร็ด

          พุทธสถานเชิงท่าหน้าโบสถ์

          โรงเรียน วัด มัสยิด ทุกแห่งที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

         โดยทุกจุดจะมีการแสดงต่าง ๆ ของนักเรียนใน จ.นนทบุรี ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมเฝ้ารับเสด็จอย่างพร้อมเพรียงกัน


หมายกำหนดการพิธี


          เวลา 16.30 น. เสด็จออกจากอาคารโรงพยาบาลศิริราช มาที่ท่าเทียบเรือ ประทับเรืออังสนา ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นมาที่เกาะเกร็ด และถึงที่หน้ากรมชลประทานในเวลา 18.45 น.

          เวลา 18.55 น. นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายรายงาน พร้อมเบิกตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมชลประทาน

          เวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรสื่อผสม น้ำสร้างชีวิต

          เวลา 19.40 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละเขื่อน ทำพิธีเปิดกรวยดอกไม้ ธูปเทียนแพ นายกรัฐมนตรี นำข้าราชการ ประชาชนถวายพระพร

          เวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำพิธีเปิดเขื่อน 5 เขื่อนพร้อมกัน วางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ ทอดพระเนตรพิธีเปิดทั้ง 5 เขื่อน ผ่านระบบวิดีโอลิงก์ ช่วงเวลานี้ ทั้ง 5 เขื่อน ได้ใช้คนเขื่อนละ 1,000 คน แปรอักษร ข้อความ ทรงพระเจริญ โดยเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนฯ เป็นเขื่อนแรก ใช้ประชาชน 1,000 คน โบกธงชาติ ธงสีเหลืองเขียน "ทรงพระเจริญ" ยืนเรียงกันบนสันเขื่อนแควน้อย

          เวลา 20.00 น. เสด็จฯกลับโรงพยาบาลศิริราช

การปฏิบัติตนระหว่างรอรับเสด็จฯ ในหลวง

             สำนักประชาสัมพันธ์ได้แจ้งแก่ผู้ที่จะมารอรับเสด็จ ผู้ประกอบการร้านอาหารต่าง ๆ หรือประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในเส้นทางการเสด็จฯ ว่า อย่าใช้ไฟฉาย เลเซอร์ หรือจุดดอกไม้ไฟ โคมลอย ควรแต่งกายให้เรียบร้อย นั่งในท่าที่เรียบร้อยไม่นั่งห้อยขา ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่บนตึกสูงให้ปิดไฟเพื่อความเรียบร้อย ประชาชนสามารถเฝ้ารับเสด็จได้ตลอดเส้นทาง คาดว่าประชาชนเฝ้ารับเสด็จจะมีมากในช่วงเชิงสะพานพระราม 7-8 ในส่วนของการถ่ายภาพช่วงเวลากลางวันไม่ได้ห้าม แต่ในเวลากลางคืน หากใครจะถ่ายภาพก็อยากให้ปิดแฟลช เพื่อความเรียบร้อย

เส้นทางที่ควรเลี่ยง

          การปิดถนนในเส้นทางเสด็จฯ จะส่งผลกระทบกับการจราจรค่อนข้างน้อย เพราะจะปิดถนนช้า และเปิดเร็ว แต่อยากให้เลี่ยงการใช้สะพานในทุกสะพานที่อยู่ในเส้นทางการเสด็จฯ สำหรับการเสด็จฯ จะเริ่มเวลา 16.30 น. และถึงที่กรมชลประทานเวลา 18.45 น. จะประทับอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจะเสด็จกลับถึงโรงพยาบาลศิริราชในเวลา 20.00 น.

เรืออังสนาที่ในหลวงทรงประทับในการเสด็จฯ

          พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า เรืออังสนาเป็นเรือรับรองของกองทัพเรือไม่ได้เป็นเรือพระที่นั่ง แต่จะเรียกว่า เป็นเรือพระที่นั่งก็ต่อเมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯ มาประทับเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อเสร็จภารกิจก็กลับมาใช้เป็นเรือรับรองของกองทัพเรือตามเดิม

           อย่างไรก็ตาม ผบ.ทร. กล่าวว่า เรืออังสนาได้ถูกต่อขึ้นเมื่อปี 2545 เพื่อใช้เป็นเรือรับรองของกองทัพเรือ โดยเป็นเรือที่มีความยาว 49 เมตร กว้าง 10 เมตร สามารถบรรทุกคนได้ 150-300 คน เป็นเรือ 2 ชั้น มีห้องจัดเลี้ยงใหญ่และเล็ก กองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมของเรืออังสนาในเรื่องการประดับเรือ การตรวจเช็กระบบต่าง ๆ ไว้พร้อมแล้ว เพื่อทำหน้าที่ในการเป็นเรือพระที่นั่งในครั้งนี้ให้ดีที่สุด โดยข้าราชการทหารเรือทุกนายรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น