วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทร.ปลื้ม "ในหลวง"ประทับ"เรืออังสนา"เสด็จอีกครั้ง เมื่อ 6 ก.ค.55


ทร.ปลื้ม "ในหลวง"ประทับ"เรืออังสนา"เสด็จอีกครั้ง


ฟังเสียง


พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงประทับเรืออังสนาในการเสด็จทางชลมารคเพื่อเปิดโครงการของกรมชลประทานในวันที่ 7 ก.ค.นี้ว่า ถือเป็นความปลาบปลื้มของกองทัพเรือและราชนาวีทุกคนที่จะได้ถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยในการมาประทับเรืออังสนาอีกครั้งหนึ่งในการเสด็จทางชลมารค ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พย. 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เคยประทับบนเรืออังสนาเสด็จไปเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการมาแล้ว ทั้งนี้ทางกองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมของเรือ ทั้งเรื่องการประดับเรือ การตรวจเช็คระบบต่างๆไว้พร้อม เพื่อจะทำหน้าที่ในการเป็น เรือพระที่นั่ง ในครั้งนี้ ให้ดีที่สุด โดยข้าราชการทหารเรือทุกนายปลาบปลื้มอย่างมาก และขอชี้แจงว่า เรืออังสนา เป็นเรือรับรอง ของกองทัพเรือไม่ได้เป็นเรือพระที่นั่ง แต่จะเรียกว่าเป็นเรือพระที่นั่งต่อเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาประทับ เท่านั้น เมื่อเสร็จภารกิจก็จะกลับมาใช้เป็นเรือรับรองของ ทร.ต่อไปตามเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ในฐานะ ผบ.ทร.พร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะติดตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงเรืออังสนาไปด้วยตลอดเส้นทางจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังเกาะเกร็ด โดยโครงการชลประทานทั้ง 5 โครงการ ที่ นายกรัฐมนตรี จะกราบบังคมทูลถวายรายงาน คือ 1.เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก 2.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก 3.อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์ 4.ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม และ 5.โครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช การเสด็จฯเพื่อเปิดโครงการชลประทานทั้ง 5 โครงการนี้จะมีการถ่ายทอดสด ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินกระทั่งเสด็จฯกลับในเวลา 20.00 น. โดยประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทาง ได้เตรียมทำความสะอาดหน้าบ้าน และประดับธงสัญลักษณ์ พร้อมรับเสด็จฯด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งครั้งนี้เป็นเรือที่กองทัพเรือสั่งต่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2545 เพื่อใช้รับรองพระราชอาคันตุกะ ประมุขของประเทศต่าง ๆ และแขกระดับสูงของรัฐบาล ต่อมาในปี พ.ศ.2550 กรมอู่ทหารเรือได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 โดยใช้ปาล์มน้ำมัน เป็นวัตถุดิบ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อลดมลพิษและควันดำ อันเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 3 ปี และปรากฏผลดีเป็นอย่างยิ่ง เรืออังสนาเป็นเรือที่มีระบบการเดินเรือที่ทันสมัยและปลอดภัย ด้วยขนาดตัวเรือยาว 49 เมตร กว้าง 10 เมตร รองรับผู้ร่วมงานได้ประมาณ 250 คน สำหรับชื่อเรือ อังสนา แปลว่า ดอกประดู่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยประทับเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 และ ประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์ เมื่อ 24 พ.ย.53

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น