พบสารไซลีน-โทลูอีน หลังไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้
พบสารไซลีน-โทลูอีน-เบนซีน ปริมาณไม่มาก ในอากาศใกล้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก แนะประชาชนในพื้นที่อย่าเปิดแอร์ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันวิงเวียน ขณะที่บางจากชี้สาเหตุมาจากน้ำมันก๊าดในหอกลั่นที่ 3 รั่วไหล ด้านทิพยประกันภัยพร้อมจ่ายสินไหมตามความเสียหายจริง
วันนี้ (4 กรกฎาคม) เวลา 07.34 น. รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ในซอยสุขุมวิท 64 คลองเตย กทม. โดยมีเสียงระเบิดดังสนั่นหลายระลอก พร้อมกลุ่มควันไฟสูงหลายสิบเมตร ขณะที่แรงระเบิดรับรู้ได้ไกลหลายกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวต่างแตกตื่นหนีตายกันอย่างโกลาหล
ต่อมา ด.ต.ภูเดช สีสะหุต เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า จุดที่ไฟไหม้คือระบบท่อของโรงกลั่น ไม่ใช่ตรงส่วนที่เป็นคลังเก็บน้ำมัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของโรงกลั่นบางจากได้ทำการปิดระบบน้ำมันแล้ว ดังนั้น เพลิงจะลุกไหม้ในส่วนของน้ำมันที่เหลืออยู่ในท่อที่มีไม่มากนัก เชื่อว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้สั่งปิดการจราจรบริเวณทางรถไฟสายเก่า ช่วงแยกบางนา มุ่งหน้าแยกสรรพาวุธ ขาเข้า และขาออก และถนนสุขุมวิท ช่วงซอย 50 ทั้งขาเข้าและขาออกแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไหม้ไว้ได้แล้ว แต่ยังคงใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมโรงกลั่นน้ำมันกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า โรงเรียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น โรงเรียนพูนสิน และโรงเรียนบางจาก ได้ประกาศปิดเรียน 1 วัน และอนุญาตให้ผู้ปกครองมารับนักเรียนกลับบ้านแล้ว เนื่องจากเกรงว่านักเรียนอาจจะได้รับอันตรายจากการระเบิดซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สมาคมต่อต้านโลกร้อนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล ย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกจาก กทม. ไปอยู่ในเขตไกลจากชุมชน พร้อมกับระบุว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการ จะขอพึ่งอำนาจศาลต่อไป
พบสารไซลีน-โทลูอีน-เบนซีน
หลังไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจากผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากโรงกลั่นน้ำมันบางจากเกิดไฟไหม้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งรถโมบายตรวจพิษ และกลุ่มก่อสารมะเร็งเข้าไปตรวจสภาพอากาศบริเวณรอบโรงกลั่นน้ำมันแล้ว โดยเบื้องต้นพบสารไซลีน โทลูอีน และเบนซีน ในปริมาณที่ยังไม่เกินค่าอันตรายที่ 1 PPM กระจายอยู่ในอากาศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณรอบโรงงานสวมหน้ากากอนามัยไว้ เพื่อป้องกันอาการอาเจียน และวิงเวียนศีรษะ นอกจากนี้ ยังเตือนประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณรอบโรงงานไม่ควรเปิดแอร์ เพราะแอร์อาจจะดูดสารดังกล่าวเข้าไปได้
ด้าน นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยหลังการตรวจสอบสภาพอากาศบริเวณโดยรอบ ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบรัศมี ห่างออกไป 7 กิโลเมตร เนื่องจากรถตรวจเคลื่อนที่ที่มาประจำอยู่ในบางจากนั้นต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการตรวจสอบ จึงต้องมีการออกไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบก่อน พบก๊าซไนโตรเจนในอากาศ อยู่ที่ระดับ 30 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 160 ppm ก๊าซซัลเฟอร์ อยู่ที่ระดับ 8 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 300 ppm ส่วนการตรวจสอบระบบน้ำเสียจากจุดระบายน้ำของโรงกลั่นไปสู่ลำคลอง ไม่พบว่ามีน้ำมันปนเปื้อนแต่อย่างใด ฉะนั้น ในประเด็นที่จะเกิดน้ำเสียจึงตัดออกไปได้ ทั้งนี้จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
บางจาก ยัน
ซ่อมแซมความเสียหายให้ชาวบ้านที่กระทบนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผว่า เตรียมส่งเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบโรงกลั่นบางจากแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านเกิดความมั่นใจในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย ซึ่งบริษัทมีการดูแลเป็นไปตามมาตรฐาน และจากการตรวจสอบคุณภาพอากาศหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ พบว่า สารที่ปล่อยออกมา ไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้
ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนประชาชน บางจากจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลซ่อมแซมความเสียหายให้ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม และชาวบ้านเป็นเรื่องหลักที่ทางบางจากให้ความสำคัญ
บางจาก คาด สูญ 100 ล้าน
ชี้สาเหตุจากน้ำมันก๊าดที่หอกลั่นที่ 3 รั่วนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของโรงกลั่นบางจากสามารถควบคุมเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นบริเวณ หอกลั่นน้ำมันที่ 3 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุขึ้น ในเวลา 07.20 น.ของวันนี้
สำหรับสาเหตุเกิดจากหอกลั่นที่ 3 ที่เป็นหอแยกเคโรซีน ซึ่งเป็นน้ำมันก๊าดที่ใช้ในน้ำมันเครื่องบิน เกิดการรั่วไหลจึงเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ซึ่งขณะนี้ บางจาก ได้หยุดดำเนินการหอกลั่นในพื้นที่ทั้งหมด ทั้งหอกลั่นที่ 2 และ 3 แล้ว ซึ่งทั้งหมดมีกำลังการกลั่นรวม 120,000 บาร์เรลต่อวัน
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า หอกลั่นที่ 2 มีกำลังการกลั่น 40,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากตรวจสอบ 1 สัปดาห์ จะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ แต่หอกลั่นที่ 3 กำลังการกลั่น 80,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องประเมินความเสียหายก่อน ซึ่งหากต้องซ่อม คาดว่า จะใช้เวลา 2 - 3 เดือน และใช้งบประมาณ 20 - 30 ล้านบาท แต่หากต้องสร้างใหม่ ต้องใช้งบประมาณถึง 100 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ทั้งนี้คาดความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อผลประกอบการของบางจาก เพราะมีการทำประกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมไว้หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม บางจาก เตรียมสั่งซื้อน้ำมันเตา 15,000 บาร์เรลต่อวัน จากรายอื่นเข้ามาเสริมกำลังการผลิตที่หายไป 2 ใน 3 เพื่อไม่ให้กระทบต่อกำลังการผลิต ซึ่งความเสียหายเบื้องต้น ประเมินว่าจะอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อวัน
ทิพยประกันภัย
พร้อมจ่ายสินไหม ยันไม่กระทบฐานะทางการเงินนายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทพร้อมจ่ายสินไหมจากเหตุไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งทำประกันภัยไว้กับบริษัทในวงเงินคุ้มครองทรัพย์สิน 22,000 ล้านบาท และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอีก 1,500 ล้านบาท รวม 23,500 ล้านบาท โดยทางบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจความเสียหายต่าง ๆ เบื้องต้นคาดว่าไม่เกิน 1 เดือน นับจากวันที่เข้าไปสำรวจก็จะทราบตัวเลขความเสียหายทั้งหมด และหลังจากนั้น บริษัทก็จะดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนต่อไป ซึ่งจะจ่ายตามจริง แต่ไม่เกินทุนประกัน 23,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสมพร ได้ยืนยันด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัททิพยประกันภัย เพราะบริษัทจะส่งต่อไปยังบริษัทรับประกันภัย หรือรีอินชัวเรอร์ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
สั่งปิดโรงกลั่นบางจาก 30 วัน
สอบเหตุไฟไหม้ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ว่า เกิดจากระบบควบคุมภายในโรงกลั่นติดไฟบริเวณหน่วยปรับปรุงคุณภาพจากน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่แล้ว โดยเตรียมสั่งปิดโรงกลั่นเป็นเวลา 30 วัน เพื่อตรวจสอบสาเหตุให้แน่ชัด
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมจะสำรวจผลกระทบจากสารเคมีภายในโรงกลั่นที่อาจจะเกิดขึ้นกับชุมชนแล้ว ขณะที่ในระยะยาวคงต้องพิจารณาถึงสถานที่ตั้งของตัวโรงกลั่นด้วยว่า อยู่ใกล้เมืองเกินไปหรือไม่ เพราะโดยหลักการแล้วควรจะต้องตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม แต่เพราะโรงกลั่นตั้งอยู่ก่อนที่ชุมชนจะขยายตัว ทำให้เคลื่อนย้ายส่วนใดส่วนหนึ่งลำบาก
อย่างไรก็ตาม รมว.อุตสาหกรรม ยังยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะเป็นเหตุการณ์ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดเมื่อต้นปีที่แล้ว
ยิ่งลักษณ์ ห่วงไฟไหม้โรงกลั่น
สั่งเกาะติดใกล้ชิดนางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งการให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน และนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ไปติดตามดูแลเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น