พระสงฆ์30วัด-พสกนิกรรับเสด็จสวดเจริญชัยมงคลคาถา
ทัพเรือปลื้มเรือ”อังสนา”เป็นเรือพระที่นั่งในอดีต
บรรดาวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจัดพิธีสวดเจริญชัยมงคลคาถายิ่งใหญ่ตามเส้นทางเสด็จ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค พร้อมเชิญชวนพสกนิกรทุกหมู่เหล่ามาร่วมรับเสด็จและถวายพระพรชัยโดยพร้อมเพรียงกัน ด้านกองทัพเรือปลื้มปีติในหลวงทรงเสด็จกลับมาประทับ “เรืออังสนา” อีกครั้ง เผยในอดีตเคยใช้เสด็จประทับไปเปิด “สะพานภูมิพล-คลองลัดโพธิ์” มาแล้ว แจงปกติ “เรืออังสนา” เป็นเรือรับรอง ทร.แต่จัดถวายเป็น”เรือพระที่นั่ง” ระบุใช้รับแขกวีไอพี และเป็นเรือปลอดมลพิษตามดำริในหลวงตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคโดยเรืออังสนา ที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรตลอดลำน้ำเจ้าพระยาระหว่างโรงพยาบาลศิริราชถึงเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และทรงประกอบพระราชพิธีเปิดโครงการชลประทาน 5 แห่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวันที่ 7 ก.ค.ที่บริเวณท่าน้ำหน้าบริเวณกรมชลประทาน สามเสน กรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5ก.ค.) พระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพร้อมรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยวัดที่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีจัดการโต๊ะหมู่บูชา สวดชัยมงคลคาถา ส่วนบริเวณสะพานพระราม 8 สวนเฉลิมพระเกียรติจะมีพระสงฆ์ประมาณ 200-300 รูปประกอบพิธีสวดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้คณะสงฆ์ กทม.เตรียมพร้อมรับเสด็จอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาร่วมสวดบทเจริญชัยมงคลคาถา ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
พระธรรมกิตติมุนี เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี ระบุว่า ในส่วนของวัดเฉลิมพระเกียรติ คณะสงฆ์จะมีพิธีสวดเจริญชัยมงคลคาถาในพระอุโบสถ ส่วนบริเวณท่าน้ำจะมีคณะตลก ถั่วแระ และประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้แจ้งวัดต่างๆ ในปกครองที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความพร้อมให้ประดับริ้วธงให้สวยงาม ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมทั้งจัดสวดเจริญชัยมงคลคาถาโดยพร้อมเพียงกัน
ขณะที่นายบุญเลิศ โสภา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้สั่งการให้ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บางกรวย อ.เมือง และ อ.ปากเกร็ด เตรียมการรับเสด็จ โดยประดับประดาธง ขึ้นป้ายเทิดทูนสถาบัน ในส่วนของวัดจะมีพื้นที่ให้ประชาชนไปเฝ้ารับเสด็จฯ ได้ประมาณ 30 วัด อาทิ อ.บางกรวย ที่วัดลุ่มคงคาราม, อ.เมือง ที่วัดค้างคาว วัดตึก วัดศาลารี วัดเขียน วัดสลักใต้ วัดตำหนักใต้ วัดท้ายเมือง วัดเขมาภิรตาราม วัดปากน้ำ, อ.ปากเกร็ด ที่วัดเชิงเลน วัดท่าอิฐ วัดแสงสิริธรรม วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดไผ่ล้อม วัดปากคลองพระอุดม วัดเสาธงทอง วัดบางจาก วัดปรมัยยิกาวาส วัดเตย วัดสนามเหนือ วัดกลางเกร็ด วัดฉิมพลี อย่างไรก็ตามทางจังหวัดเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ริมน้ำ โดยหากจะต้องลงไปที่โป๊ะจะจำกัดจำนวนคนไม่ให้เกินน้ำหนักที่โป๊ะจะรับได้ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดด้วย
วันเดียวกันนี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงประทับเรืออังสนาในการเสด็จทางชลมารคเพื่อเปิดโครงการของกรมชลประทานในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ว่า ถือเป็นความปลาบปลื้มของกองทัพเรือและราชนาวีทุกคนที่จะได้ถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยในการมาประทับเรืออังสนาอีกครั้งหนึ่งในการเสด็จทางชลมารค ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พ.ย.54 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยประทับบนเรืออังสนาเสด็จไปเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการมาแล้ว
ทั้งนี้ทางกองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมของเรือ ทั้งเรื่องการประดับเรือ การตรวจเช็คระบบต่างๆ ไว้พร้อม เพื่อจะทำหน้าที่ในการเป็น เรือพระที่นั่งในครั้งนี้ให้ดีที่สุด โดยข้าราชการทหารเรือทุกนายปลาบปลื้มอย่างมาก และขอชี้แจงว่าเรืออังสนาเป็นเรือรับรองของกองทัพเรือไม่ได้เป็นเรือพระที่นั่ง แต่จะเรียกว่าเป็นเรือพระที่นั่งต่อเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาประทับเท่านั้น เมื่อเสร็จภารกิจก็จะกลับมาใช้เป็นเรือรับรองของ ทร.ต่อไปตามเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ในฐานะ ผบ.ทร. พร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะติดตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงเรืออังสนาไปด้วยตลอดเส้นทางจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังเกาะเกร็ด โดยโครงการชลประทานทั้ง 5 โครงการ ที่นายกรัฐมนตรีจะกราบบังคมทูลถวายรายงาน คือ 1.เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก 2.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก 3.อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์ 4.ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม และ 5.โครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช การเสด็จฯ เพื่อเปิดโครงการชลประทานทั้ง 5 โครงการนี้จะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกช่องด้วย ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินกระทั่งเสด็จฯ กลับในเวลา 20.00 น. โดยประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทาง ได้เตรียมทำความสะอาดหน้าบ้าน และประดับธงสัญลักษณ์ พร้อมรับเสด็จฯ ด้วย
สำหรับเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งครั้งนี้เป็นเรือที่กองทัพเรือสั่งต่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2545 เพื่อใช้รับรองพระราชอาคันตุกะ ประมุขของประเทศต่างๆ และแขกระดับสูงของรัฐบาล ต่อมาในปี พ.ศ.2550 กรมอู่ทหารเรือได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 100 โดยใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อลดมลพิษและควันดำ อันเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 3 ปี และปรากฏผลดีเป็นอย่างยิ่ง เรืออังสนาเป็นเรือที่มีระบบการเดินเรือที่ทันสมัยและปลอดภัย ด้วยขนาดตัวเรือยาว 49 เมตร กว้าง 10 เมตร รองรับผู้ร่วมงานได้ประมาณ 250 คน สำหรับชื่อเรืออังสนา แปลว่า ดอกประดู่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยประทับเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 และประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์ เมื่อ 24 พ.ย.53
วันที่ 6/07/2555 เวลา 8:12 น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น