วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เปิดประวัติ “บรรพต” ผู้ผลิตคลิปหมิ่น กว่า 400 ตอน เมื่อ 11 ก.พ.58



เปิดประวัติ “บรรพต” ผู้ผลิตคลิปหมิ่น กว่า 400 ตอน
 
เลวยันกระดูก!!! กับประวัติ บรรพต ผู้ผลิตคลิปหมิ่น กว่า 400 ตอนในอินเตอร์เน็ต 
สืบเนื่องจากในปัจจุบันได้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อในการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความวุ่นวาย และความเกลียดชังขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการหมิ่นสถาบันฯ
 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคง สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาลงโทษตามกฎหมาย
จากความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ หน่วยงานทหาร และหน่วยงานความมั่นคง ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า
กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “บรรพต” มีการร่วมกันกระทำความผิดเป็นเครือข่าย ที่มีลักษณะในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความวุ่นวาย และความเกลียดชังขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งในเครือข่ายนี้ได้แบ่งหน้าที่ในการดำเนินการอย่างเป็นขบวนการ ประกอบด้วย ผู้บงการ, ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยากร, ผู้ปฏิบัติการ, แนวร่วม และผู้แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับกุมกลุ่มบุคคลที่อยู่ในส่วนผู้ปฏิบัติการ, แนวร่วม และผู้แสวงหาผลประโยชน์ ได้หลายราย ได้แก่
 - กลุ่มปฏิบัติการ ประกอบด้วย นายดำรงค์ ชาญสิทธิโชค, นางศิวาพร ปัญญา, นายเงินคูณ อุดมคุณากร, นายไพศิษฐ์ จิรประดับวงศ์ ,นายสุรัช สมิตชาติ และนางอัญชัญ ปรีเลิศ
 - กลุ่มแนวร่วม ประกอบด้วย นายชโย อัญชลีพัชระ,นายราชกวี ปรางค์ชัยกุล, นายเฉลียว จันเขียด และนายพงษ์ศักดิ์ ศรีบุญเพ็ง
 - กลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ ได้แก่ นายธารา วานิชพงษ์พันธุ์
ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลจนสามารถทราบตัวบุคคลระดับ ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยาการ และจับกุมตัวผู้ต้องหาระดับ กลุ่มผู้ปฏิบัติการ ได้เพิ่มอีกจำนวน ๒ ราย ได้แก่
 ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยาการ
 ๑) ผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “บรรพต” คือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน จึงได้ดำเนินการออกหมายจับนายหัสดินฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ได้มีการสนธิกำลังกันระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจค้นบ้านที่นายหัสดินฯ หรือ บรรพต ใช้เป็นที่พักและที่ผลิตสื่อ ได้ตรวจพบทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสื่อที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค อุปกรณ์ การบันทึกเสียง เอกสารร่างเพื่อใช้ในการบันทึกเสียง เอกสารทางการเงิน เอกสารของกลุ่มเครือข่าย และแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากที่นายหัสดินฯ หรือ บรรพต ใช้ทำสำเนา จำหน่ายให้กับกลุ่มแนวร่วมเมื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหว
ประวัติ “บรรพต”
 ผลการสืบสวนสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของบรรพต คือนายหัสดิน อุไรไพรวัน ซึ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญคอมเมิรซ์ และไม่ได้จบการศึกษาปริญญาใดๆ นอกจากการไปใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในต่างประเทศ เมื่อกลับมาได้เข้าทำงานที่โรงแรมวินเซอร์ และย้ายสถานที่ทำงานหลายครั้ง นายหัสดินได้ร่วมกับนางสายฝน อินทรสร ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง จัดตั้งบริษัท แต่ประสบขาดทุนจึงเลิกกิจการ ต่อมาเมื่อปี 2548 ได้ถูกฟ้องล้มละลาย นายหัสดินจึงไม่ได้ประกอบสัมมาชีพใดๆ นอกจากขอเงินจากบุตรทั้ง 3 คน ทั้งที่บุตรทั้งสามคนไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูจากนายหัสดินตั้งแต่ยังเยาว์วัยเลย ปล่อยให้ภรรยาเก่าเป็นผู้เลี้ยงดู ขณะที่นายหัสดินกลับใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ใช้ของราคาแพง เมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเมือง นายหัสดินเคยไปร่วมชุมนุมของกลุ่ม นปช. และมีความคิดต่อต้านสถาบันฯ จึงเลียนแบบการจัดรายการวิทยุของบุคคลต่างๆ อาศัยที่นายหัสดินเป็นผู้ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา จึงนำข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียงและแต่งเรื่องเพิ่มเติมขึ้นใหม่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง เพื่อให้มีเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจ แล้วชี้นำปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แสร้งทำเป็นบุคคลที่เทิดทูนต่อพระราชวงศ์บางพระองค์ เพื่อให้เกิดภาพว่าตนเองมีความจงรักภักดี แต่ที่แท้จริงนายหัสดินมีทัศนะที่ต้องการล้มล้างสถาบันหลักของชาติ การเผยแพร่คลิปเสียงจึงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและใช้เวลาหลายปีจนถึงปัจจุบัน
นายหัสดินอวดอ้างกับเครือข่ายว่า ตนเองใช้ชีวิตหรูหราเพราะมีพื้นฐานทางครอบครัว แต่ที่แท้จริงเป็นบุคคลล้มละลาย หย่าขาดกับภรรยาคนแรกกว่า 30 ปี เนื่องจากภรรยาจับได้ว่านายหัสดินมีภรรยาคนใหม่ และนายหัสดินยังมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคนเพื่อหลอกขอเงินใช้ตลอดมา รวมทั้งใช้ให้เครือข่ายตัวเองหลอกลวงบรรดาสมาชิก ให้หลงเชื่อ จัดทำสินค้า ยาดมสมุนไพรจำหน่าย เพื่อเอาเงินมาใช้ในการเช่าบ้านอยู่ และค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสุราดื่มทุกวัน ทำให้นายหัสดินมีโรคประจำตัวหลายอย่าง โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่ต้องกินยาควบคุม และเป็นโรคปวดหลังต้องนอนกับพื้นห้อง ขณะที่นายหัสดินกลับโฆษณากับสมาชิกว่า สมุนไพรที่ตนเองแนะนำสามารถรักษาได้ทุกโรค
กลุ่มผู้ปฏิบัติการ
 ๑) น.ส. สายฝน อินทสร เป็นผู้ดำเนินการเปิดบัญชีธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี แววทราย อินทสร เพื่อให้ผู้อื่นโอนเงินมาช่วยเหลือการกระทำผิด
 เป็นการสนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการโพสต์คลิปเสียงชื่อว่า“บรรพต” (Banpodj) ทางเวปไซต์เฟสบุ๊กที่ใช้ ชื่อว่า “บรรพต” (Banpodj) มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันทำการอัพโหลดคลิปเสียง และโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอดในลักษณะของเครือข่ายกระจายกันออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
 ๒) นายนที ผสมทรัพย์ เป็นผู้ส่งสินค้าและซีดีคลิปเสียงบรรพต โดยได้รับค่าจ้าง เป็นการ สนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิด ในการโพสต์คลิปเสียงชื่อว่า“บรรพต” (Banpodj) ทางเว็บไซต์เฟสบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “บรรพต” (Banpodj) มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาด ร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันทำการอัพโหลดคลิปเสียง และโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอดในลักษณะของเครือข่ายกระจายกันออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการนำเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ทั้ง นางสาวสายฝนฯ และนายนทีฯ สองคนมีความผิดฐานสนับสนุน ผู้กระทำผิดกรณี หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และในวันที่ ๗ ก.พ.๒๕๕๘ ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวไปศาลทหารเพื่อฝากขังเรียบร้อยแล้ว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนว่า นายหัสดินมิได้เป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์ หรือเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีเทิดทุนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด ตรงกันข้ามนายหัสดินเป็นบุคคลที่เป็นภัยอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลที่ใกล้ชิดและผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ทั้งจากการบริจาคเงิน หรือการโพสต์แสดงความคิดเห็นสนับสนุน ซึ่งจะถือว่ามีความผิดในฐานะผู้ร่วมในเครือข่ายบรรพตด้วย
 ทั้งนี้ล่าสุด (9 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. ยืนยันว่า ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นคงได้จับกุม นายหัสดิน อุไรไพรวัน เจ้าของนามแฝง “บรรพต” ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี 112 ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ผลิตคลิปเสียงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงได้แล้วที่โรงแรมเอวัน ย่านพระราม9 โดยจะนำตัวไปสอบสวนก่อนสืบหาผู้บงการต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น