เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ร.ต.ท.พรชัย เหลือผล พนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี
ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ชุมชนดามมาพี หน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ หมู่ 1 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 4 หลังคาเรือน หลังรับแจ้งได้ประสานขอรับการสนันสนุนรถดับเพลิง จากองค์การลบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง องค์การบริหารส่วนตำบลช่องแสมสาร เทศบาลเมืองสัตหีบ จำนวน 5 คัน เข้าระงับเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้หลังคาสังกะสีอยู่ติดกันภายในชุมชน ต้นเพลิงมาจากบ้านของนายสำรวย สมุทระปาระยะ อายุ 60 ปี
อาชีพรับจ้างเข็นของในตลาด กม.10 ซึ่งเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็วและลุกลามไปยังบ้านติดกันจำนวน 3 หลัง ของนางไพรินทร์ พูลพัก อายุ 45 ปี และเครือญาติกัน อีก 2 หลัง ซึ่งบ้านทั้งหมดไม่มีเลขที่ เนื่องจากเป็นชุมชนที่ปลูกสร้างบนเขตที่ดินของกองทัพเรือ โดยชาวบ้านที่อยู่อาศัยใกล้เคียงต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด พร้อมขนย้ายสิ่งของหนีไฟกันอย่างอลหม่าน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ได้ระดมฉีดน้ำอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงสามารถระงับเพลิงไว้ได้
ตรวจสอบตัวบ้านทั้ง 4 หลัง ถูกเพลิงเผาวอดเสียหาย ซึ่งมีสิ่งของ ทรัพย์สิน เครื่องใช้ไฟฟ้า ถูกเพลิงเผาวอดหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงตรวจสอบภายในกองเพลิง พบศพนางนน ใจเที่ยงแท้ อายุ 57 ปี ภรรยาของนายสำรวย สมุทระปาระยะ ที่พิการขาลีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม
จากการสอบสวน นายสำรวย ให้การว่า เมื่อช่วงก่อนเกิดเหตุตนได้ออกไปทำงานรับเข็นรถขนผักในตลาด กม.10
โดย เพื่อหาเลี้ยงภรรยา ซึ่งคือผู้ตายที่นอนพิการอยู่ที่บ้าน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งขณะเกิดเพลิงไหม้ ตนทราบข่าวจึงได้รีบกลับมาช่วยภรรยา แต่ไฟได้โหมไหม้อย่างหนัก ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งได้ยินเสียงร้องของภรยยา ตะโกนให้ช่วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่าจะดับไฟและเข้าไปถึงห้องนอนบ้านตน ภรรยาก็ถูกไฟคลอกตายในกองเพลิงไปแล้ว
นางไพรินทร์ พูลพัก อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านหลังติดกันให้การว่า ขณะตื่นมาร้อยพวงมาลัย เพื่อจะนำไปขายได้ยินเสียงเหมือนไฟฟ้าลัดวงจรดังสนั่น ก่อนจะมีกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องและมีเปลวเพลิง ตนจึงได้ตะโกนว่า ไฟไหม้ จนชาวบ้านในชุมชนตื่นและต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดพร้อมย้ายสิ่งของหนีไฟกันอย่างอลหม่าน ดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.พรชัย เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดถึงที่มาของเพลิงได้
โดยก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ มีเพียงคนได้ยิงเสียงดังสนั่น คล้ายไฟฟ้าลัดวงจรและต่อมาได้มีกลุ่มเปลวควันและไฟลุกขึ้นมา ซึ่งก็ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจพิสูจน์หลักฐานโดยละเอียด จึงจะสามารถทราบแน่ชัดถึงที่มาของเพลิง อย่างไรก็ตาม ได้เรียกผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไปสอบปากคำเพิ่มเติม ในการสรุปผลของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตไปชันสูตรยังโรงพยาบาล สัตหีบ กม.10 เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนจะให้ญาติมารับศพไปดำเนินพิธีทางศาสนาต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น