วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไทยกับไพ่จีน-ไพ่สหรัฐ โดย : กาแฟดำ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 -



การมาเยือนไทยของรัฐมนตรีกลาโหมจีน พลเอกฉางว่านฉวน (常万全) พร้อมข้อเสนอให้มีการซ้อมรบร่วมกัน
   ระหว่างสองประเทศ และขยายความร่วมมือทางทหารสู่อุตสาหกรรมทหาร การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และการปราบอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกัน ทำให้นักวิเคราะห์บางท่านบอกว่านี่คือการเล่น “ไพ่จีน” หรือ China Card อย่างเต็มรูปแบบ
    บางคนมองต่อไปด้วยว่านี่เป็นการถ่วงดุลหรือคานอำนาจทางทหารกับสหรัฐ ของรัฐบาลไทยยุคนี้ในยามที่วอชิงตันมีความสัมพันธ์เย็นชากับไทยเพราะความเห็นขัดแย้งกันเรื่องประชาธิปไตย เลือกตั้ง และเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น
    ผมมองว่าไทยจะเล่นไพ่จีนก็ทิ้งไพ่อเมริกันและไพ่ญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะเราผ่านโลกยุคสงครามเย็น ที่ไทยเคยเลือกข้างสหรัฐและอยู่คนละข้างกับจีนเต็มตัว
    วันนี้เข้าสู่โลกยุคที่ทุกประเทศต้องพึ่งพากันและกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นนโยบายการทูตจะต้องนำการทหาร และนโยบายเศรษฐกิจต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าความมั่นคงทางทหาร เพราะในท้ายที่สุดความมั่นคงของประเทศและโลกจะวัดด้วยเศรษฐกิจมากกว่าด้านอื่นใด
    การที่จีนกับไทยจะมีแผนซ้อมรบทวิภาคีไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจีนกับสหรัฐ ก็มีการเพิ่มความร่วมมือทางทหารมากขึ้นแล้วอย่างเห็นได้ชัด
    เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา พลเอกฝางเฟิงฮุย (房峰辉)  ประธานเสนาธิการทหารของกองทัพจีน ได้รับเชิญให้ขึ้นไปตรวจเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ USS Ronald Reagan ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทางการทหารสหรัฐเปิดกว้างสำหรับผู้นำทหารจีนระดับนี้
    มีเสียงวิพากษ์จาก ส.ส.บางคนในวอชิงตันว่า การที่กองทัพสหรัฐยอมให้นายทหารจีนขึ้นบนเรือบรรทุกเครื่องบินทันสมัยของสหรัฐ มิเป็นการเปิดทางให้มีการล้วงความลับทางทหารหรือ?
    การกระทำเช่นนั้นมิเป็นการละเมิดข้อบังคับให้กฎหมายที่ขีดเส้นจำกัดความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐกับจีนหรือ?
    แต่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็ยืนยันว่านี่เป็นยุคสมัยใหม่แล้ว ความร่วมมือระหว่างสองมหาอำนาจต้องยกระดับขึ้นไปให้สูงกว่าเดิม ไม่อาจจะอยู่ด้วยความระแวงคลางแคลงกันได้อีกต่อไป แม้ว่าสองประเทศนี้จะมีความไม่เห็นพ้องกันในหลาย ๆ เรื่องก็ตาม
    จีนไม่รอช้า แสดงความใจกว้างเช่นกัน ส่งเทียบเชิญให้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ขณะนั้นคือ นายชั๊ก เฮเกิล ไปตรวจเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนที่ชื่อ “เหลียวหนิง” เป็นการแสดงท่าทีตอบสนองสหรัฐเช่นกัน
    ส่งสัญญาณว่าถ้าอเมริกาเปิดกว้าง จีนก็พร้อมจะตอบสนองในระดับเดียวกัน ไม่มีอะไรต้องเป็นความลับต่อกันแม้เรื่องทางทหารก็ตาม
    นายทหารสหรัฐที่รับผิดชอบย่านเอเชีย-แปซิฟิก ยืนยันว่าจะเดินหน้าสานสัมพันธ์ทางทหารกับจีน เพราะในโลกยุคนี้การเผชิญหน้าทางทหารเป็นอันตรายมากกว่าการร่วมมือกัน
    และเมื่อจีนมาร่วมการซ้อมรบ Cobra Gold ที่จัดขึ้นในไทยในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรก ก็เท่ากับว่าสหรัฐกับจีนก็มาร่วมกิจกรรมทางทหาร และรับรู้แผนยกพลขึ้นบก การต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติ และแผนร่วมมือด้านมนุษยธรรมในกรณีเกิดภัยธรรมชาติร่วมกันแล้ว
    ดังนั้น หากจีนกับไทยจะมีความร่วมมือทางทหารเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ จะต้องลดน้อยลงเมื่อสถานการณ์การเมืองกลับสู่ภาวะปกติ
    เพราะต้องไม่ลืมว่าสหรัฐก็ต้องพึ่งพามิตรภาพของไทยในการดำเนินนโยบาย “ปักหมุดเอเชีย” หรือ Pivot to Asia ขณะที่จีนก็ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของไทยในภาพความมั่นคงของภูมิภาคนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
    ไทยจึงต้องถือทั้งไพ่จีนและไพ่สหรัฐเอาไว้ทั้งคู่ ทิ้งใบใดใบหนึ่งก็จะเสียศูนย์ และผิดหลักการการทูตเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นแม่นมั่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น