|
|
เกาะกระแส
00 เมื่อสถานการณ์เริ่มแหลมคม กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งท้ายๆ มันก็ต้องมีเรื่องให้หวาดเสียวตามมากันบ้าง อย่างล่าสุดเมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค.ก็เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ทั้งปืนกล และระเบิดถล่มเข้าใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก แม้ว่าจะมองว่าเป็นการข่มขู่ สร้างสถานการณ์ เพราะเป้าหมายเป็นลานจอดรถ ไม่มีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เมื่อเป้าหมายคือศาล มันก็มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า นี่คือการข่มขู่ในเชิง"สัญญลักษณ์" สามารถพิจารณาแยกย่อยออกไปได้หลายประเด็น คือ หนึ่งศาลกระทำการในพระปรมาภิไธย สองมีหลายคดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว และกำลังจะพิจารณารับฟ้อง ล้วนมีผลต่อชะตากรรมของคนบางกลุ่มทั้งสิ้น
00 หากพิจารณากันแบบไม่ต้องดูที่มาที่ไป แต่พิจารณาจากช่วงเวลาที่บังเอิญมาประจวบเหมาะกันพอดี หรือใกล้เคียงกัน มันก็น่าจับตาทุกกรณี เริ่มจากศาลจังหวัดพัทยาพิพากษาจำคุก 13 หัวโจกแดง ที่ยกพวกไปล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่โรงแรมรอยัลคลิปฯ เมื่อเดือนเมษายน ปี 51 โดยถูกจำคุกคนละ 4 ปี และมีปัญหาเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ ทำให้ยังต้องนอนคุกต่อเนื่องกันหลายคืน ต่อมาก็เป็นคดีที่องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนัดพิจารณาว่ารับฟ้องคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งยังไม่รู้ว่าออกหัวออกก้อย แต่ถ้าเชื่อตามความรู้สึกส่วนตัวก็ต้องเทน้ำหนักไปทาง "รับฟ้อง" ค่อนข้างแน่ ซึ่งถ้ารับฟ้องนั่นก็หมายความว่า "ขาแหย่เข้าคุก" ไปล่วงหน้าแล้ว และต่อไปจะไปไหนมาไหนก็จะลำบากมากขึ้น เช่น จะไปนอกก็ต้องขออนุญาตจากศาล
00 แม้ว่างานนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร แต่ก็มีข้อสังเกตว่าคราวนี้จากการให้ข่าวของ ผบ.ชน. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เผยว่า ทหารเป็นคนจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 2 คน กำลังสอบสวนขยายผลอยู่ ผิดกับคราวก่อนที่มีการลอบวางระเบิดที่ข้างห้างพารากอน เป็นตำรวจที่ติดตามผู้ต้องสงสัย แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่คืบหน้า แม้ว่าในตอนแรกจะขึงขัง มีการเปรียบคดีว่าคล้ายกับที่เกิดที่มีนบุรี และระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น บางบัวทอง นนทบุรี เมื่อปี 53 ซึ่งก็ต้องเชื่อมโยงกับคนเสื้อแดง และระบอบทักษิณ ซึ่งก็เหมือนกับก่อนหน้านี้เช่นเดียวกันที่มีการจับกุมชายชุดดำที่พยายามเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ที่แยกคอกวัวเมื่อ ปี 53 เช่นเดียวกัน แต่จนแล้วจนรอด ก็เหลว กลับมีข่าวความขัดแย้งปีนเกลียวกันระหว่าง "ขาใหญ่สีกากี" คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายคคดีความมั่นคง กับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ให้รำคาญใจตามมาอีก
00 ดังนั้น คดีนี้หากเป็นไปตามที่เปิดเผยคือ ทหารเป็นคนควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้สองราย มันก็ทำให้น่าคิดว่าเป็นคดีความมั่นคงตามกฎอัยการศึกสมบูรณ์แบบ เอาเป็นว่าสั้นๆเข้าใจง่ายก็คือ "ทหารไม่ปล่อยมือ" เพราะถือว่า "อุกอาจ" จงใจป่วนทำลายเครดิตฝ่ายความมั่นคงต้องการฉีกหน้า "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. และ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ยับเยิน อีกทั้งยังเป็นการข่มขู่ไปถึงกลุ่มอำนาจใหม่ว่า "อย่าล้ำเส้น" ปิดทางกันมากเกินไปหรือเปล่า !!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น