วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

โอละพ่อ!คดีหักคอสาว ตร.แถลงที่แท้จัดฉากโดนอุ้มทำร้าย เมื่อ 9 มี.ค.58



โอละพ่อ!คดีหักคอสาว ตร.แถลงที่แท้จัดฉากโดนอุ้มทำร้าย
 
โอละพ่อ!คดีหักคอสาว ตร.แถลงที่แท้จัดฉากโดนอุ้มทำร้าย ผงะเปลี่ยนชื่อนับสิบครั้ง

จากกรณีที่นางสาวชนิตา กินนิส อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 

อ้างว่า ถูกทำร้ายร่างกาย มัดมือมัดเท้า และนำไปทิ้งบริเวณบ่อปลาหลังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนายสุพจน์ แซ่หลอ อายุ 30 ปี รปภ.ของสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ เห็นเหตุการณ์ 

 ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ฝ่ายสืบสวน กองปราบปราม เชิญตัวคนขับรถแท็กซี่ที่รับนางสาวชนิตา

 และคนร้ายไปส่งที่สนามกอล์ฟ พบว่าให้การขัดแย้งกัน โดยให้การว่า ขณะที่ทั้งสองโดยสารรถแท็กซี่ ไม่พบว่ามีการขู่บังคับหรือทำร้ายร่างกายนางสาวชนิตา และนางสาวชนิตายังเป็นผู้จ่ายค่าโดยสารเอง ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เรื่องที่นางสาวชนิตา อ้างว่าเป็นทายาทนักธุรกิจร้อยล้านและมีความสนิทสนมกับพล.ต.ท.พงพัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นั้นไม่เป็นความจริง และจากการเค้นสอบสวน นางสาวชนิตารับสารภาพว่า แต่งเรื่องทั้งหมดขึ้นเพื่อประชดแฟนหนุ่ม ซึ่งตำรวจสามารถจับกุมชายผู้ร่วมวางแผนอุ้มในครั้งนี้ได้ 1 คน 

 ขณะที่ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

เปิดเผยว่า ความคืบหน้าคดีที่นางสาวชนิตาอ้างว่า ถูกทำร้ายร่างกาย มัดมือมัดเท้า และนำไปทิ้งบริเวณบ่อปลาหลังสนามกอล์ฟสุภาพฤกษ์ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้ 1 ราย เบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพสอดคล้องกับ น.ส.ชนิตาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะจากการตรวจสอบประวัติ พบว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัย ไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือเป็นเศรษฐีทายาทร้อยล้านแต่อย่างใด แต่เป็นลักษณะคล้ายแก๊งค์ต้มตุ๋น ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการต่อไป  

 ส่วนที่ นส.ชนิตา อ้างว่า ทำไปเพราะประชดแฟนหนุ่มนั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องของการมุ่งประสงค์ทรัพย์สิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยจะไปหลอกใคร สำหรับน.ส.ชนิตาจากการตรวจสอบประวัติ เดิมนามสกุล "ปาทาน" อยู่จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมานับสิบครั้ง ซึ่งตำรวจจะเร่งหาเบาะแสว่าที่เปลี่ยนชื่อนั้น เพราะเหตุใด เข้าข่ายเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋นหลอก


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น