วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

ชัดๆ บทสัมภาษณ์ "หมอมโน" ทำ รพ.กรุงเทพ ดิ้น??(มีคลิป) เมื่อ 9 มี.ค.58



ชัดๆ บทสัมภาษณ์ "หมอมโน" ทำ รพ.กรุงเทพ ดิ้น??(มีคลิป)
 

เป็นเรื่องเป็นราวกันไป กับบทสัมภาษณ์ "หมอมโน" ดร.นพ.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ด้านการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวทีนิวส์ในประเด็นของพระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย ที่ทำเอาโรงพยาบาลกรุงเทพ ถึงกับดิ้นพล่าน?? ถึงขนาดสั่งให้ลบเทป และกักตัวทีมงาน ไปฟังกันแบบชัดๆ คำต่อคำ กันเลยว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นยังไง ทำไมถึงถึงเป็นเรื่องขึ้นมาได้....

มโน : เป็นคนเขียนการปฏิรูปการปกครองเขียนโครงสร้างใหม่ให้วัดหลังจากจบที่อ๊อกฟอร์ดมาแล้ว ประชุม 4,800 ชั่วโมง ทำโครงการปฏิรูปโครงสร้างเสร็จมีธรรมนูญการบริหารการปกครองชัดเจน
ทีนิวส์ : แล้วสิ่งก่อสร้างของวัดที่เป็นลักษณะของวัดมีที่มาที่ไปอย่างไร
มโน : ก็มาจากจินตนาการเจ้าอาวาสคนเดียวเลย ท่านเป็นคนตัดสินต้องการอย่างนี้ๆ ท่านเป็นคนออกแบบแม้กระทั่งสไตล์ของพระพุทธรูปท่านก็เป็นคนปั้นเองทำคูคลองอะไรต่างๆ ท่านก็เป็นคนคิดตรงไหนเป็นตรงไหนเป็นดินนะครับ ท่านเป็นคนคิดหมด
ทีนิวส์ : พอบวช 20 กว่าปี แล้วเพราะอะไรต้องออกมา แล้วก็มีการโจมตีไปยังวัด
มโน : ผมบวช 20 พรรษา ตอนแรกก็ ตอนผมจบฮาเวิร์ดผมก็มีความรู้สึกว่า ตอนนั้นก็เป็นกรรมการบริหารอาวุโสของวัดพระธรรมกาย ก็ดูแลหลายสำนัก การศึกษา การต่างประเทศ แล้วก็เป็นตัวแทนของวัดพระธรรมกายประจำสหประชาชาติ แล้วก็ทำงานในด้านสากลแล้วก็สร้างวัดพระธรรมกายที่แคลิฟอร์เนียเป็นสาขาแรก แล้วผมก็สร้างชมรมพระพุทธศาสตร์ของมหาลัยฮาเวิร์ดที่อเมริกา ตอนนั้นปี 2533-2534 ผมก็ทำคดีเรื่องโจนาธาน ดูดี้ ซึ่งเป็นเรื่องฆ่าพระไทยในอเมริกา ซึ่งผมก็ระดมทุนครั้งใหญ่สุด ทำอะไรหลายอย่างเลยทีเดียว ก็ไปพบกับญาติโยมที่เข้าวัดซึ่งหมดเนื้อหมดตัวทีเดียวแหละ เพราะว่าวิธีการระดมทุนของวัด ผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยกับการหาเงินระดมทุนแบบนี้ คือเป็นการปั่นศรัทธาจนกระทั่งทำบุญกันสุดฤทธิ์สุดเดช ครอบครัวที่ผมไปเจอก็มีบ้านอยู่ 4 หลังขายไปแล้ว 3 หลังเหลือหลังสุดท้ายจะเอาไปจำนองดีไหมเพื่อเอาเงินไปสร้างธรรมกายเจดีย์ ก็สงสัยว่าทำไมน้อ บุญยังไม่ส่งผลสักที สามีไม่ค่อยอยู่บ้านเลย ลูกก็ไม่ค่อยอยู่บ้านจะสอบเอ็นทรานซ์อยู่แล้ว ผมก็ดูแล้วเอ๊ะสามีจะไปอยู่บ้านได้ไง แกเปิดบ้านแกเป็นสำนักปฏิบัติทำวัตรเย็นทุกวัน สามีเปิดประตูเข้ามาก็เจอคนแปลกหน้าทั้งนั้นครอบครัวก็ไม่เป็นครอบครัว ลูกก็เห็นแม่สุดโต่งไปทางศาสนาก็ความรู้สึกเป็นครอบครัวก็หมดไป วันนั้นผมก็เข้าไปคุยเจ้าอาวาสเลย ถามท่านว่า ก็เรียนท่านตรงๆ ว่าอันนี้ไม่ควรทำ นโยบายหาเงินแบบนี้มันทำให้คนยากจน ทำยังไงเขาจะมีกิน ทำยังไงเขาจะมีความสุขในครอบครัวแล้วก็ลูกหลานก็มีความสุขอันนั้นน่าจะเป็นโจทย์ของเรามากกว่า แล้วครอบครัวเขามีความสุขเขาทำบุญเอง ท่านก็ค่อนข้างจะโกรธแล้วก็จ้องหน้าผมแบบขมึงตึงเลย แล้วก็ถามว่า ท่านรู้ไหมหลวงพ่อเป็นใคร ท่านคิดว่าหลวงพ่อคือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสพระธรรมกาย ละก็ ท่านเข้าใจผิดเสียแล้ว นี้ประโยคของท่านเลยจำแม่นเลยครับ
ทีนิวส์ : แล้วยังไงต่อครับ เข้าใจผิด ก็เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่แล้ว
มโน : คือท่านพยายามจะให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านเชื่อว่าท่านเป็นต้นธาตุต้นธรรม ก็คือ ก็อด พระผู้เป็นเจ้า ที่ลงมาเหมือนกับอวตารลงมา มาเป็นมนุษย์ นี้เป็นคำสอนที่พิเศษไปจากทุกวัด ในพุทธศาสนาเราไม่มีพระผู้เป็นเจ้าถูกไหมครับ พระพุทธเจ้าต้องเป็นผู้ตรัสรู้ธรรม ไม่มีพระเจ้าผู้สร้างโลก ทีนี้สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็เทศน์ไว้ แนวปฏิบัติของวัดปากน้ำคือ เมื่อบวช เมื่อมาบวชผู้บวชจึงทราบว่า พระต้นธาตุใช้ให้มาปราบมาร ถ้าไม่สำเร็จก็ยอมตายที่วัดปากน้ำนี้ คราวนี้พระต้นธาตุนี้คือใคร แล้วก็สมัยโบราณมีความเชื่อที่มีพระต้นธาตุต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า องค์แรกซึ่งสร้างสรรพสิ่งทุกอย่างทั้งปวงคราวนี้ท่านเองก็ตั้งใจในการปราบมาร คำสอนในวัดปากน้ำจะมีอยู่ 2 ส่วน ส่วหนึ่งเรียกว่า วิชามรรคผล ว่าด้วย 18 กายเข้าถึงเพื่อเป็นพระอรหันต์ อีกอันหนึ่งก็ปราบมาร ในเรื่องนี้วิชาปราบมารเป็นเรื่องที่ท่านทำเองเพื่อปราบมาร ทำยังไงมารจะหมด พอมารหมดนี้ก็โลกทั้งโลก ดวงดาวอะไรก็หายหมดทุกอย่างจะกลายเป็นนิพพาน มดสักตัว ยุงสักตัวก็กลายเป็นพระธรรมกายหมด นั้นสิ้นสุดของวัฏสงสารนั้นคือเป้าหมายที่ท่านจะทำ คราวนี้ท่านก็มรณภาพไป 2502 ในขณะนั้นของวัดธรรมกายโดยเจ้าอาวาสพระธรรมกายท่านธัมมชโย ท่านก็สอนลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านว่า ท่านเป็นพระต้นธาตุตัวจริง เป็นคนที่ใช้หลวงพ่อวัดปากน้ำลงมาปราบมาร หลวงพ่อทำไม่สำเร็จท่านเลยต้องลงมา หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นทัพหน้า ท่านเป็นทัพหลวงตัวจริง แล้วก็มาไม่ได้มาคนเดียว มาเป็นล้าน หลายล้าน ธรรมกาย พระพุทธเจ้าฝ่ายปราบเป็นล้าน แล้วมีบารมีแล้วก็แบ่งเป็นทัพ เขาเรียก กองทัพธรรม มีทั้งหมดอยู่ 4 กอง ฝ่ายรบ ฝ่ายเผยแผ่ ฝ่ายปฏิสังขรณ์ แล้วอันสุดท้ายคือกองเสบียง เป็นกองทัพเลย
ทีนิวส์ : นี้คือหลักของวัดพระธรรมกาย
มโน : ของวัดพระธรรมกาย
ทีนิวส์ : มี 4 กองทัพที่ว่า
มโน : พอเป็นลักษณะเช่นนี้ ลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ใกล้ชิด คำสอนนี้เป็นคำสอนลับ ไม่ได้เปิดเผย คือสอนให้คนในก่อน ลูกศิษย์ก็เกรงกลัวมากเพราะท่านเป็นต้นธาตุต้นธรรม ทุกคนก็เล็งสักวันหนึ่งจะทำวิชากับหลวงพ่อ
ทีนิวส์ : วิชาอะไร
มโน : วิชาไปปราบมารไง เป็นอิทธิฤทธิ์ปราบมาร แต่ว่าการปราบมาร มารในที่นี้ไม่ได้เป็นยักษ์ มารที่แท้จริงคือพระธรรมกายสีดำ เหมือนกับว่าในโลกนี้มีสีขาวทีดำต่อสู้กันตลอดเวลา แล้วโลกมนุษย์ก็คือสนามรบซึ่งสร้างด้วยฝ่ายขาว เพื่อมาทำวิชาปราบฝ่ายดำแล้วตอนนี้เป็นสงครามอันสุดท้ายนะครับ ที่จะปราบมารให้หมดเลย แล้วท่านก็จะลงมาทำอันนี้ภารกิจยิ่งใหญ่ คราวนี้ท่านธัมมชโยก็ให้แนวคิดนี้ใหม่เป็นแนวคิดที่ ท่านเป็นจักรพรรดิคุมทัพใหญ่ ทัพหลวงมาปราบมาร ลูกศิษย์แต่ละคนก็ทำหน้าที่เป็นขุนพล เป็นอะไรต่างๆ ไล่ลงไป เพราะฉะนั้นถ้าคนเชื่อท่านก็กลายเป็นคนสำคัญ คนที่เชื่อก็กลายเป็นทหารให้กองทัพธรรม พอเป็นทหารคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายถูกไหมครับ
ทีนิวส์ : มีอะไรที่ทำให้ลูกศิษย์เชื่อถึงขนาดนั้น
มโน : คือท่านเป็นคนเก่งในเรื่องของจิตวิทยา เวลาไปหา
ทีนิวส์ : เก่งจิตวิทยาหรือว่ามีอิทธิฤทธิ์เหมือนอย่างที่หลายคนเขาร่ำลือ
มโน : ครั้งหนึ่งสมัยก่อนผมก็เคยเชื่ออย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมก็คิดว่าท่านไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ทีนิวส์ : เมื่อก่อนเคยมีเหรอครับ ด้วยความเชื่อของอาจารย์มโน
มโน : เมื่อก่อนเคยมีความรู้สึกว่าท่านมีอะไรสักอย่าง อย่างเช่น ท่านรู้ ดักทายวาระจิตเรา รู้ว่าเรากำลังคิดอะไร
ทีนิวส์ : รู้จริงๆ ใช่ไหมครับ อาจารย์มโนก็เคยเจอมา
มโน : ครับก็เคยเจอ คุณยายจันทร์เป็นคนที่มีสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนมาก คุณยายก็ไปทักคนโน้นไปทักคนนี้ คุณอย่าคิดอย่างนั้นนะ อันนั้นไม่ดี
ทีนิวส์ : รู้เลย
มโน : ครับ ในขณะที่เรากำลังนั่งเฉยๆ แล้วมารู้วาระจิตเราได้อย่างไร นั้นก็เป็นอันที่เราเจอมากับตัวแต่ภายหลังคุณยายจันทร์ป่วย เป็นอัลไซเมอร์ตั้งแต่ปี 2526 บุคลิกท่านก็เปลี่ยนไป สมัยก่อนวัดไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้ คุณยายเองเป็นคนที่บอกว่าให้สมถะ สันโดษ พอมีพอได้ อย่าไปคิดมักใหญ่ใฝ่สูง วัดที่ยายสร้างจะต้องมีไม่เกินร้อยคน ทั้งพระ ทั้่งฆราวาส เกินร้อยยายจะไล่คุณยายก็บอกว่าใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็ไม่ไหว ต้องพอดีๆ อันนี้เป็นคำสอนที่คุณยายสอนเป็นประจำ แต่พอคุณยายป่วยไป อำนาจของเจ้าอาวาสก็เพิ่มมากขึ้นๆ แล้วก็ใช้คุณยายเป็นเครื่องมือในการหาเงิน ตอนปี 2525 ตอนพบกับผม ตอนนั้นผมเพิ่งบวชใหม่ๆ คือท่านเป็นคนชวนให้ผมบวช หาเงินมาจ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลเพราะว่าหมอได้รับทุนจากรัฐบาลมาเรียนแพทย์ ก็ต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด ทางวัดก็ออกเงินทุนที่เหลือให้ ผมก็ไม่ต้องไปออกต่างจังหวัด ก็มาบวชเลย แล้วก็ตั้งใจเรียน ก็การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นช้าๆ นะครับ ปี 2525 ท่านก็ตอนนั้นก็พูดกับผมในออฟฟิศของท่าน ท่านก็มองออกไปแล้วก็ชี้ให้ดูป้ายโฆษณาแผ่นใหญ่แล้วก็มีรูปโลกอยู่ ท่านก็บอกว่า ท่านไม่ต้องการหรอกที่จะเป็นพระสังฆราช ท่านต้องการจะครองโลก โลกใบนี้มันเล็กเกินไปสำหรับท่าน แล้วท่านก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างไม่มีความสิ้นสุด แล้วท่านก็ชอบวีรบุรุษคนสำคัญคนหนึ่งก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ท่านคิดว่าฮิตเลอร์เป็นคนเก่ง ท่านคิดว่าถ้าฮิตเลอร์ชนะสงครามพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง แล้วก็วิชาธรรมกายจะเผยแพร่ไปทั่วโลก สร้างวัดขึ้นมาท่านก็ขยายที่ใหญ่โตตั้งแต่ปี 2526 ซื้อที่เป็นพันไร่
ทีนิวส์ : ทำธุรกิจ?
มโน : ธุรกิจเริ่มปี 2526 พอมีเงินคนทำบุญมากๆ แล้วท่านก็เอาไปลงทุน ลงทุนอะไรจะเหมาะก็สร้างบริษัทเอง ให้ลูกศิษย์เป็นนอมินี ส่วนใหญ่เป็นอุบาสิกา บริษัทเดี๋ยวนี้ก็กระจายไปเยอะแยะในหลายๆรูปแบบ
ทีนิวส์ : ก่อจะไปถึงบริษัท ผมขอถามที่บอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิฤทธิ์แล้วบอกว่าหมดไปเพราะอะไรครับ
มโน : เพราะไปยุ่งเรื่องธุรกิจเรื่องเงิน ปี 2530 ท่านก็บอกกับผมเองว่าท่าน ตอนนี้ไม่เห็นอะไรนอกจากตัวเลข
ทีนิวส์ : มาบอกกับคุณมโนเอง
มโน : ใช่ครับ เห็นแต่ตัวเลข ท่านลงทุนไปเยอะ ก็ลงทุนไว้เยอะ
ทีนิวส์ : แต่ก็ยังมีจิตวิทยาในการพูด
มโน : แน่นอนๆ ท่านเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการพูดคุยนะครับ ไม่เหมือนคนอื่น สมมุติเราไปหาพระเถระ ไปหาท่านเจ้าคุณพระพุทธทาส ก็จะมีความรู้สึกว่าหลวงพ่อรู้อะไรไปหมดเลยเรานี้ เป็นคนไม่มีอะไรนิดเดียว แต่ว่าถ้าไปหาท่านธัมมชโย ความรู้สึกคนละแบบ ทำไมเรานี้เป็นคำสำคัญกับโลกนี้ ขนาดนี้เลยเหรอ สำคัญกับสากลจักรวาลขนาดนี้เลยเหรอ ขณะที่คิดว่าเราสำคัญขนาดนี้ ท่านก็สำคัญกับเราไปด้วย
ทีนิวส์ : ท่านสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้เกิดขึ้นได้
มโน : ใช่ครับ ท่านสร้างให้กับคนทุกคนที่เข้ามาเลยครับ ว่าทุกคนเป็นคนสำคัญ ซึ่งกับสำนักอื่นๆ แล้วจะเลือกประโยคคำพูดที่จะเอาใจคนนะครับว่าจะพูดคำไหนให้เขารัก ให้เขายอมรับเราเร็วที่สุด อย่างโยมผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามากราบ จำดิฉันได้ไหมค่ะ หลวงพ่อก็จะบอกว่า ต่อให้โยมไปยืนในท่ามกลางคนสักล้านหนึ่ง อาตมาก็จำโยมได้ ความรู้สึกมันก็ดี เราเป็นคนสำคัญ เพราะฉะนั้นวิธีการเข้าถึงญาติโยมท่านเก่งและเทคนิคดีกับคนอื่น แล้วให้ความสำคัญกับผู้ฟัง
ทีนิวส์ : อาจด้วยวิธีคิดที่อยากเป็นผู้ครองโลก แล้วก็บอกว่าทางธรรมกายเป็นสีขาว ต้องการเอาชนะสีดำ ด้วยการขยายอาณาจักรต่างๆ จะชนะอะไรครับ จะสู้กับอะไร
มโน : ก็สู้กับหนึ่ง ต้องการจะเผยแพร่วิชาธรรมกายไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องสร้างศูนย์กลางขนาดใหญ่ มหาธรรมกายเจดีย์จุคนได้เป็นแสนเป็นล้าน ทำกิจกรรมไปทั่ว แต่ว่าไปมากไปกว่านั้นก็คือการเผยแพร่กองทัพธรรมให้รู้สึกว่าคนอยู่ในกองทัพนี้เป็นคนอยู่ในกองทัพธรรม พระพุทธเจ้าพระต้นธาตุผู้มีบารมี พระพุทธเจ้าถูกลดค่าลงเลย ท่านไม่ได้เป็นผู้ปราบมาร ท่านเป็นแค่ผู้เผยแผ่ เป็นพระพุทธเจ้าฝ่ายโปรด ของท่านนี้คือพระผู้เป็นเจ้าตัวจริง
ทีนิวส์ : บอกกับลูกศิษย์ว่าเป็นผู้เป็นเจ้า
มโน : โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเด็กๆ ซึ่งไม่ค่อยรู้อะไรแล้วท่านเอามาสอน เด็กพวกนี้ก็จะเชื่อท่านเป็นพระต้นธาตุต้นธรรม คนก็เชื่อกัน แล้วก็สอนให้เด็กทั้งหลายกลัวท่าน พอท่านสั่งอะไรต้องกลัวทันทีเพราะนี้เป็นคำสั่งเฉียดขาดของพระต้นธาตุ ใครไม่เชื่อก็จะจับขังในเซฟ เขาเรียกเซฟ ไม่รู้หน้าตาเป็นไง แต่เซฟอันนี้มันจะเป็นที่กันไม่ให้ไปผุดไปเกิด เหมือนเป็นคุกมืด
ทีนิวส์ : มีคุกมืดอยู่ในธรรมกาย
มโน : ไม่ๆ เป็นแค่ขู่
ทีนิวส์ : แล้วมีคนที่ดื้อขัดขืนคำสั่งท่านทำยังไงครับ
มโน : ท่านก็บอกจะเอาไปใส่เซฟซะเลย ก็กลัวกันใหญ่
ทีนิวส์ : แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนใช่ไหม
มโน : ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทีนิวส์ : แต่ทุกคนจะกลัวอยู่แล้ว
มโน : แล้วก็บอกให้ทำบุญกันให้เยอะ รีบทำเลย ปิดบัญชีโลกเปิดบัญชีสวรรค์ คนก็ทำบุญกันแบบมีร้อยทำพัน มีพันทำหมื่น
ทีนิวส์ : เอาล่ะก็คือวิธีคิดต้องการจะเผยแพร่วิชาธรรมกายออกไปทั่วโลก ก็ต้องสร้างศูนย์กลางให้มันใหญ่เข้าไว้ แล้วก็ต้องใช้เงิน การระดมทุนนอกเหนือจากการใช้จิตวิทยา ก็คือสำคัญเลยก็คือการเปิดบริษัท
มโน : การลงทุนเอง สิ่งที่มันผิดพลาดเลยก็คือท่านเอาเงินของวัดไปซื้อที่ เช่น ที่พิจิตร ที่เพชรบูรณ์ ท่านรู้ว่ามีเหมืองทอง มีทองอยู่ มีเจ้าหน้าที่กรมธรณีวิทยามาบอกท่านว่า  ที่นี้มีทอง ท่านก็ไปให้คนไปตักดินมา 1 คิวบิกเมตร มาร่อนดู มีทองไหม แล้วก็เจอบาทหนึ่้ง ก็เลยซื้อด้วยเงินสด เอาเงินในวัดออกไปเป็นพันล้าน หลายพันล้านไปซื้อที่ดินมา นี้คือจุดที่สมเด็จพระสังฆราชท่านบอก พระลิขิตปี 42 เอามาคืนยกให้วัดปี 49

เกริ่นนำโดยทีมงาน teenee.com
ขอบคุณที่มา tnews

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น