“ตอนนั้นรถจอดอยู่ข้างถนนหนูเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เป็นจังหวะที่สามีโมโหเร่งเครื่องขับออกไปพอดี ทำให้หนูกระเด็นกลิ้งไปกับถนนจนมีแผลทั้งตัว เลือดเปรอะไปหมด ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาช่วย แต่สามีกลับไล่ไปจนหมด บอกว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว” น.ส.ประภัสสรกล่าว และว่า ช่วงนั้นสามีโทร.เรียกเพื่อน 4-5 คนซึ่งเป็นพวกปล่อยเงินกู้มาที่เกิดเหตุ จากนั้นก็มีตำรวจสายตรวจมาเช่นกัน เข้าใจว่าคงมีชาวบ้านโทร.แจ้งตำรวจ
“ตำรวจมาถึงก็ขอตรวจไอดีการ์ด ตรวจพาสปอร์ต ช่วงนั้นสามีกับเพื่อนๆ ก็เข้าไปคุยกับตำรวจ บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ สักพักตำรวจก็กลับไป ส่วนสามีก็ให้เพื่อนพาหนูไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอก็ทำแผลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ จ่ายยามาให้กิน แล้วก็ให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
แต่ผ่านไปหลายวันหนูยังระบมไปทั้งตัว ตอนนี้ยังเดินเหินไม่ค่อยได้ ต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ” น.ส.ประภัสสรกล่าว
น.ส.ประภัสสรกล่าวต่อว่าหลังเกิดเหตุวันนั้นสามีก็เก็บข้าวของกลับไปอยู่บ้านแม่
ส่วนตนก็พักฟื้นตามลำพัง จะคุยกับใครก็ไม่ได้ เพราะพูดภาษามาเลย์ไม่ได้ เลยโพสต์เรื่องนี้ในเพจของกลุ่มแม่บ้านชาวไทยในมาเลย์ จากนั้นก็มีเพื่อนๆ คนไทยทราบเรื่องก็มาเยี่ยม เอาหยูกยามาให้ มาอยู่เป็นเพื่อน มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงานที่กัวลาลัมเปอร์ก็ติดต่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น นอกจากนี้ตนได้ประสานไปทางมูลนิธิเพื่อนหญิง เพื่อปรึกษาเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นตนตัดสินใจเลิกราเด็ดขาด และเมื่อรักษาตัวดีขึ้นแล้วก็จะเดินทางกลับเมืองไทยทันที
“ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเลิกรากับสามีแน่นอนเพราะทนไม่ได้ที่ทำรุนแรงขนาดนี้ส่วนลูกสาววัย 4 ขวบคงเอากลับเมืองไทยไม่ได้ เพราะเด็กเกิดที่มาเลย์ เป็นสัญชาติมาเลย์ และทางฝ่ายนั้นคงไม่ยอมให้เอาลูกกลับด้วย คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้ หวังว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเดินทางกลับไทย เพราะอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว พูดหรือติดต่อกับใครไม่ได้ ต้องอาศัยเพื่อนคนไทยที่ไปเยี่ยมช่วยเหลือดูแลเท่านั้น” น.ส.ประภัสสรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเรื่องนายไพศาล ณ สงขลา (เฟซบุ๊ก Sarn N. Songkhla) เจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงาน ประจำสถานทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้ติดต่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น