วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

เมา68

ข้าพเจ้า จ.อ.ไพโรจน์  แก้วนิล  ได้รับคำสั่ง นำเรือเครื่องหางยาวช่วยเหลือน้ำท่วมในหมู่บ้าน นวนครในตอนบ่าย ข้าพเจ้าได้ขับเรือเข้าไปในหมู่บ้านนวนคร เพื่อนำคนออกจากหมู่บ้าน มาพักอยู่ที่ถนน บริเวณหน้าหมู่บ้าน มีอยู่เที่ยวหนึ่งข้าพเจ้าได้เข้าไปรับผู้หญิงชราร่างกายไม่คอยดีมีน้ำหนักมาก  อยู่กับลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเขาได้ติดอยู่ชั้น 2  เราได้จอดเรือเทียบอยู่ข้างตึก เพื่อรอรับแต่ปรากฏว่า ขั้น 2 ไม่มีทางออก เราต้องเดินลุยน้ำเข้าไปในชั้นล่าง ซึ่งระดับน้ำสูงกว่าพื้น ประมาณ 1.50 ม. ภายในมีของลอยน้ำเต็มไปหมด เราต้องเดินลุยน้ำเข้าไป เพื่อนำเขาออกมาแล้วก็อุ้มขึ้นเรือ หลังจากนั้นก็รับคนอื่นต่อไป ข้าพเจ้าได้ย้ายเรือออกจากหมู่บ้านนวนคร ประมาณ 3 ทุ่ม โดยการยกขึ้นรถบรรทุก และได้นำเรือลงที่ปากซอยหน้าหมู่บ้านไวท์เฮ้าท์ ซึ้งระยะทางเข้าไปในจุดที่น้ำท่วมหนักประมาณ 1 ก.ม. ข้าพเจ้ารู้สึกดีมากที่ได้เข้าไปช่วยในหมู่บ้านนี้ เนื่องจากได้เข้าไปช่วยชาวบ้านได้เต็มที่ ข้าพเจ้าได้นำเรือไป 2 ลำ พร้อมคน 4 คน เรือของข้าพเจ้ามี 4 คน  ข้าพเจ้าเป็นคนขับ และคนที่มากับข้าพเจ้าอยู่หัวเรือหนึ่งคนเป็นคนจับและส่องไฟ  และมีคนในพื้นที่อีก 2 คน คอยบอกทาง เพราะในหมู่บ้านนี้มีซอยหลายซอย ข้างในมีแต่ความมืดมองไม่เห็นทาง ข้าพเจ้าได้เข้าไปช่วยคนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในเวลาขณะนั้น คือ  คนชรา , เด็ก , คนตาบอด , คนที่เป็นอัมพฤกษ์ , ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก ข้าพเจ้าได้ขับเรือเข้าไปในหมู่บ้านที่มีแต่ความมืดสะนิดมองไปแล้วหน้าเศร้าใจมาก ข้าพเจ้าวิ่งเข้าไปได้สักพักก็ได้เห็น ดวงไปส่องแว๊บ ๆ  หลายดวงมาก  ข้าพเจ้าได้ขับเรือไปหาจุดที่ดวงไฟนั้นสองมา และได้เจอบ้านหลังหนึ่งมีคนยืนอยู่ดัวยกัน 3 คน  บนระเบียงชั้น 2  มีลูกกรงเหล็กกั้นสูงประมาณ 80 – 100 ซ.ม.  กั้นอยู่ด้านหน้า และมีชายคายื่นออกไปอีกประมาณ 1.50 ซ.ม. เป็นกระเบื้องเก่าๆ ข้าพเจ้าตะโกนถามว่าจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าครับ เข้าบอกว่าใช้ค๊ะ ณ ที่นั้นมีหญิงชรา 1 คน     เป็นคนตาบอด  หญิงวัยกลางคน และเด็กผู้ชาย 1 คน  เขาบอกว่ายายเขาจะออกไปข้างนอก ลูกเขามารออยู่ที่จุดขนยายคนขึ้นรถ  ข้าพเจ้าจอดเรือเทียบชายคา แล้วให้คนที่ไปด้วยจับเรือและก็ปีนขึ้นไป  แล้วถามว่า  พอมีอะไรมาปูบนชายคาบางไหม เขาบอกว่าไม่มี ข้าพเจ้าจึงพาเด็กเข้าไปข้างในและให้เขายกที่นอนขึ้น   และได้เห็นไม้ปูเตียงนอนหนึ่งแผ่นใหญ่  เป็นไม้อัด จึงขอมาเพื่อปูบนกระเบื้อง และก็อุ้มยายขึ้นเหนือลูกกรง     แล้วส่งต่อไปที่ชายคาและลงเรือด้วยความเรียบร้อย และได้พายายคนนั้นไปรับคนอื่นอีก เพื่อจะได้ไปกันหลายๆ คน หลังจากนั้นได้ไม่กี่เที่ยว  ข้าพเจ้าได้ไปเจอบ้านหลังหนึ่ง ตะโกนบอกว่าไปด้วย บ้านหลังนั้น     มีด้วยกันประมาณ 5 คน แต่มีไป 2 คน เป็นเด็ก เราไม่สามารถนำเรือเข้าไปรับถึงที่ได้  เนื่องจากเขาอยู่บ้านหลังใน หางจากบ้านหลังนอกเข้าไป 2 หลัง  เราจึงจอดบ้านหลังนอกและปีนขึ้นไปเหยียบบนหลังคา แล้วเดินไปหาเขา เพื่อที่จะนำเขาออกมาและพาเขาปีนบนหลังคาออกมาโดยที่เราหาไม้ไว้สำหรับเป็นทางเดิน และนำลงเรือขับต่อไปรับคนอื่นอีกจนเต็มลำ แล้วนำส่งที่จุดจอดรถ  หลังจากนั้นขับเข้าไปรับคนที่กำลังลอยคออยู่ในน้ำ โดยการกอดโฟมไว้กับตัว เพื่อจะได้ออกไปข้างนอกได้  เขาบอกว่าผมลอยน้ำอยู่ 6 ชั่วโมงแล้วครับหลังจากขึ้น
-2-
เรือแล้วก็ไปรับคนข้างในอีก แล้วก็ส่งไปยังที่จอดรถ และเราก็ขับเข้าไปด้านใน มีอยู่บ้านหนึ่งมีคนประมาณ  8  คน จะออกไปข้างนอก  บ้านหลังนั้นเป็นบ้านสองชั้น มีที่จอดรถเป็น  หลังคาจั่ว ยาวประมาณ 6 เมตร ซึ่งที่เขายืนอยู่ หางจากเรือจอดประมาณ 8 เมตร  ณ เวลานี้ ระยะทางไม่ใช้ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่น้ำหนักตัว คนที่จะออกมีจำนวน 5 คน  ผู้หญิง 3 ผู้ชาย 2 ซึ่งแต่ละคนมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม  มันเป็นปัญหาที่ต้องคิดมาก  เพราะที่นั้นน้ำสูงประมาณ  2.50 เมตร  ผมมองถึงความปลอดภัยในขณะนั้นมาก  เนื่องจากรู้อยู่ว่าคนที่มีน้ำหนักมากขนาดนั้น ถ้าตกมาจากหลังคาจะเป็นยังไง ข้าพเจ้าเลยสำรวจวัสดุอุปกรณ์หลังคาที่จอดรถนั้นว่าแข็งแรงพอหรือเปล่า โชคดีมากเลยที่จอดรถสร้างด้วยโครงเหล็ก หลังคาซีแพ๊ค  ผมก็ให้คนที่จะไปนั้น ปีนขึ้นบนยอดจั่วแล้วคอยๆ คลานมาทีละคนจนถึงข้างเรือ  และแล้วก็เจอปัญหาอีกแล้วครับ  เมื่อเรืออยู่ต่ำกว่ายอดจั่วประมาณ  1.50  เมตร  เราให้เขาหยอนตัวลงมาแล้วช่วยกันรับอย่างทุกลักทุเลมากเลย เราได้ปีนหลังคาช่วยคนออกจากบ้านหลายหลังมาก เพื่อให้เขาได้ปลอดภัยจากน้ำท่วมที่จะมีมาอีก เพราะขณะนั้นมีข่าวออกมาว่าน้ำจะสูงขึ้นอีกเป็นเมตร  แต่บางคนไม่ยอมออกมา เพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน และในขณะที่เราได้ขับเรือส่งผู้คนขึ้นฝั่งนั้น ข้าพเจ้าได้มองผู้คนแยงกันขึ้นรถสิบล้อที่มีเจ้าหน้าทีในหมู่บ้านอำนวยความสะดวกให้จนเต็มคัน ล้นออกมายังฝาท้าย ข้าพเจ้ามองแล้วว่ามันไม่ดีแน่       มันอาจทำให้เขาไปไม่ถึงที่พัก และอาจจะตกรถมาตายก่อนที่จะถึงแน่ ข้าพเจ้าเลยตะโกนบอกประมาณว่า  ทุกคนเรามาถึงที่นี้ เราปลอดภัยแล้ว เราไม่ต้องแย่งกันไปจนล้นอย่างนั้น มันอาจจะทำให้เราไม่ปลอดภัย  อาจตกลงมาจากรถได้ เรามีรถบริการท่านตลอดทั้งคืน ไม่ต้องกลัว หลังจากพูดเสร็จ คนเริ่มลงมาข้างล้าง   จนฝาปิดท้ายรถสิบล้อไม่มีใครยืน เวลาขณะนั้นประมาณ 0300 และได้เข้าไปอีกประมาณ 3 – 4 เที่ยว และมองดูแล้วว่าเหลือคนไม่กี่คนและมีคนเจ็บบางส่วนที่อยู่ในนั้นที่ต้องใช้เปลเข้าไปรับตอนเช้า และในขณะนั้นได้มีข่าวว่า มีเรือมาช่วย 2 ลำ  และได้รับคำสั่งให้นำเรือ ไปไว้ที่ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต ข้าพเจ้าได้นำเรือไปถึงศูนย์ธรรมศาสตร์ประมาณ 0500  และเราได้กลับไปพักที่ อ.คลองหลวง และกลับมาอีก ประมาณ 1100       พอตกกลางคืนประมาณ 0900 ก็มีข่าวว่าคันกันน้ำด้านกระทรวงวิทยาศาสตร์แตก พอไม่นานก็มีข่าวว่าสามารถอุดได้แล้ว  และไม่นานก็มีข่าวว่าแตกอีกแล้ว  และทีมของข้าพเจ้าก็ร่วมกับนักศึกษาธรรมศาสตร์เดินลุยสำรวจคันดินกั้นน้ำลอบธรรมศาสตร์ ขณะนั้นเราเกือบกลับออกมาไม่ได้ เพราะกระแสน้ำที่ไหลเข้ามานั้นแรงมาก เราเดินสำรวจกันจนถึงเวลาประมาณ 2400 และกลับไปพักที่ ศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมธรรมศาสตร์  และเช้าก็มีข่าวว่าด้านในของธรรมศาสตร์ ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ในนั้น น้ำได้ท่วมหมดแล้ว  และเช้าเราได้  ยกเรือขึ้นไปช่วยน้ำท่วมด้านใน  ซึ่งมีหลายกระทรวงในนั้น และมีหมู่บ้านอยู่ด้านในของธรรมศาสตร์  ซึ่งมีความลำบากมาก เนื่องจากเป็นบ้านชั้นเดียวส่วนใหญ่ และมีโรงเรียนประถมอยู่ในนั้น ขณะอยู่ที่นั้น ข้าพเจ้าได้ร่วมกับนักศึกษาธรรมศาสตร์ช่วยกันนำอาหารให้กับชาวบ้านในนั้น ซึ่งการนำอาหารไปให้กับชาวบ้านนั้น เป็นอะไรที่ลำบาก                       
-3-
มาก เนื่องจากก่อนเข้าหมู่บ้านมีสะพานสูง หนึ่งสะพาน มีความยาวประมาณ  20 เมตร  ซึ่งเราต้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านแถวสะพานเพื่อช่วยกันยกเรือพร้อมเครื่องยนต์ข้ามไปและข้ามกลับตลอดเวลาที่ไปส่งข้าว  หลังจากนั้นไม่กี่วัน น้ำได้ท่วมรอบๆ ศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมของธรรมศาสตร์  เราต้องขนย้ายคนในธรรมศาสตร์ มายังศูนย์ฯ เนื่องจาก สถานที่ธรรมศาสตร์เป็นสถานที่ใหญ่มาก มีหลายกระทรวง และหลายหน่วยงาน มีอาคารมากมาย ทำให้การดูแลของนักศึกษาและจิตอาสา ไม่สามารถดูแลทั่วถึงได้ และในเวลากลางคืนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ นอกจากศูนย์ฯที่เดียว ขณะที่เราไปส่งข้าวให้กับชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ดูแลอาคารต่างๆ ของธรรมศาสตร์ บ้างครั้งก็มืด  เนื่องจากบ้างครั้งอาหารยังมาไม่ถึง  เวลากลางคืนเราไปส่งข้าวในพื้นที่จะมีสุนักหอนโหยหวนตลอดเวลา มันเป็นบรรยากาศเหมือนในหนังผีเลย บางคืนเราต้องนำเรือไปรับคนท้อง จาก รพ.ศูนย์ธรรมศาสตร์ไปส่งที่ถนน เพื่อจะส่งต่อมายัง รพ.ในกรุงเทพ  เนื่องจาก  ห้องคลอดไม่สามารถใช้การได้ และบางคืนเราต้องไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้กับสถานีไฟฟ้าศูนย์ธรรมศาสตร์ เนื่องจากสถานีไฟฟ้าศูนย์ธรรมศาสตร์ได้ขอความช่วยเหลือให้หาเครื่องสูบน้ำให้ด้วย ห้องเครื่องปั่นไฟฟ้าของศูนย์ธรรมศาสตร์น้ำกำลังจะท่วม หลังจากนั้นได้ขับเรือไปกับเจ้าหน้าที่ศูนย์พร้อมเครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์เครื่องสูบน้ำไปให้เข้าติดตั้ง  ผลปรากฏว่าที่นั้นมีช่างแค่ 1 คน  และไม่มีประสบการในการใช้ เครื่องสูบน้ำ ข้าพเจ้าจึงต้องลงมือติดตั้งจนเสร็จ ถึงตี 5 หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมธรรมศาสตร์ก็ได้ถูกน้ำท่วมชั้นล่าง ในช่วงเวลาที่น้ำได้ท่วมชั้นล่างของศูนย์ธรรมศาสตร์ ผมรู้สึกแย่มากเลย เนื่องจากไฟฟ้าดับ แอร์ไม่มี น้ำไม่ไหล และน้ำที่ท่วมภายในศูนย์เน่ามากและมีกลิ่นเหม็น มีอยู่คืนหนึ่งที่ข้าพเจ้าต้องเอาน้ำดื่มในขวด เทใส่ผ้าแล้วเช็ดตัว  จากนั้นไม่กี่วันเราก็ต้องขนย้ายคนออกจากศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมไป   ยังถนนใหญ่ เพื่อนำคนเหล่านั้นไปยังศูนย์ใหม่  ข้าพเจ้าได้ขนย้ายคนตั้งแต่ 0600 ถึง 0300 เป็นเวลา 2 วัน   จนมองแล้วว่ามีคนส่วนหนึ่งที่มีความประสงค์อยู่ที่นั้น เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เนื่องจากบ้านและที่ทำงานอยู่นี้ บางคนที่ออกจากที่นี้บอกว่าฉันย้ายมา 2 ศูนย์แล้วน๊ะ  ในขณะที่อยู่ที่นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้ามาที่นี้เหนื่อยมากเพราะว่ามันใช้เวลาหลายวันและทำงานกันตั้งแต่เช้ากว่าจะได้พักผ่อนก็ประมาณตี 2 อย่างเร็ว อย่างช้าก็ตี 5 เราไม่สามารถพักผ่อนได้เลย เนื่องจากนักศึกษาและจิตอาสาเดินกันไปมาทั้งคืน  ทุกคนรู้ว่าตัวเองต้องออกจากที่นี้แล้วแน่นอน แต่ขณะที่อยู่ที่นั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากและภูมิใจมากกับการได้ช่วยเหลื่อในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่มากก็ตอนที่น้ำในศูนย์ฯ เริ่มเน่าเหม็น และอากาศก็ร้อนมาก  มันเหม็นจริง ๆ ครับ               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น