ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา (สคร.5) ว่า ช่วงนี้สภาพอากาศร้อนชื้นและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน ซึ่งธรรมชาติของไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสารหากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ก็สามารถแพร่กระจายโรคติดต่อกันได้ทันที
ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย สามารถติดต่อด้วยการไอหรือจามรดกัน โดยเฉพาะบนรถโดยสารปรับอากาศ ที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ก็อาจแพร่เชื้อให้กับผู้โดยสารคนอื่นๆได้ เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วผู้ป่วยจะมีอาการไข้ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียนท้องร่วงได้มากกว่าผู้ใหญ่ แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบ รุนแรงจะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้มีโรคอ้วน
นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า การหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อยู่เสมอ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่นเช่น ปุ่มกดลิฟต์โดยสาร ลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับรถโดยสาร หรือเมื่อสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย หรือข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ สำหรับผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แนะนำให้หยุดเรียนหรือหยุดทำงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็นหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน เช่น มีไข้ หายใจหอบเหนื่อยให้รีบมาพบแพทย์
“ตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (2009) ซึ่งในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สคร.5 มีข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง ปัจจุบัน พบผู้ป่วยทั้งสิ้นจำนวน 1,502ราย แยกเป็น จ.นครราชสีมา ป่วย 1,019 ราย เสียชีวิต5 ราย ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังทั้งเบาหวานและความดัน ขณะที่ จ.บุรีรัมย์ ป่วย 253 ราย จ.สุรินทร์ป่วย 106 ราย และจ.ชัยภูมิ ป่วย 124 รายและมีแนวโน้มแพร่ระบาดมากขึ้นอีก” นพ.ธีรวัฒน์ ระบุ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น