ล่าสุดพบความเคลื่อนไหวในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งคนร้ายมีเป้าหมายจะเดินทางไป สปป.ลาว จึงประสานไปยัง ตม.จว.หนองคาย ให้สกัดจับอีกทางหนึ่ง จากนั้น พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ รอง ผบก.ภ.จว.หนองคายพ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองแก้วผกก.สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.ท.เรืองยศ ภูแช่มโชติ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ วงศ์สนิทธีรา รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจ นปพ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคายออกสกัดจับกุม
ต่อมาพบรถคนร้ายวิ่งอยู่ที่ ถ.ประจักษ์ศิลปาคม ด้วยความเร็วสูงจึงไล่ติดตามพร้อมวิทยุแจ้งให้สกัดจับ ซึ่งของคนร้ายได้วิ่งหลบหนีเข้าซอยชัยภูมิ 2 เพื่อออกถนนใหญ่เมื่อถึงถนนใหญ่เจอรถเจ้าหน้าตำรวจ คนร้ายได้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยปิ่นแก้ว โดยมีตำรวจวิ่งไล่ติดตามมาติด ๆ
ทำให้คนร้ายจอดรถทิ้งแล้ววิ่งเข้าป่ารถทึบและมีบ้านร้างหลายหลัง ก่อนเจ้าเข้าตรวจสอบรถยนต์พบตัวผู้เสียหายนอนอยู่เบาะหลังรถ สภาพตกใจและอิดโรย ซึ่งถูกมัดมือไพล่หลังและใช้ผ้ามัดปิดปากที่นิ้วมือด้านซ้ายมีรอยถูกของมีคมบาด จึงรีบให้ความช่วยเหลือ ก่อนเจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังเข้าโอบล้อมป่าค้นหา กระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อนายสรพงษ์ ชำนาญการ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 262 ม.1 ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ค้นในตัวพบเงินสด 38,000 บาท บัตรผ่านแดนไป สปป.ลาว 1 ใบ จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวน
จากการสอบสวน น.ส.สุพรรณีให้การด้วยอาการที่ตกใจว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้ออกจากบ้านพักเพื่อไปพบแพทย์ที่ รพ.น้ำพอง ขณะออกจากบ้านพักเข้าสู่ถนนมิตรภาพฯ และกำลังจะกลับรถได้พบนายสรพงษ์ ฯซึ่งเป็นคนรู้จักกันแต่ไม่สนิทได้โบกรถ ตนจึงจอดรถพร้อมลดกระจกลงสอบถามนายสรพงษ์ บอกว่าขออาศัยรถไปลงที่ 4 แยกไฟแดงด้วย
เนื่องจากมีเรื่องกับลูกชายอดีตกำนัน เขากำลังจะมาฆ่าผม ตนเห็นว่าไม่ไกลนักและเป็นช่วงกลับรถพอดี จึงอนุญาตให้ขึ้นรถ โดยขึ้นมานั่งที่เบาะหลังด้านซ้าย พอถึง 4 แยก ตนจะจอดรถให้ลง นายสรพงษ์ฯ บอกว่าให้เลยสถานีตำรวจไปหน่อย พอเลยสถานีตำรวจนายสรพงษ์ฯ ได้ใช้อาวุธมีดจี้ที่คอ และบังคับให้ขับรถไปเรื่อยๆ ระหว่างทางได้บังคับให้ตนโทรศัพท์ติดต่อญาติของตน จากนั้นนายสรพงษ์ฯ ได้บอกญาติของตนให้โอนเงินเข้าบัญชีตนเพื่อเป็นค่าไถ่ 100,000 บาท
ถ้าไม่โอนให้จะฆ่า แล้วนำรถไปขายเพื่อข้ามไป สปป.ลาว เมื่อถึงทางแยกได้บังคับให้ตนเลี้ยวรถเข้าบ้านเสาเล้า อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ได้ประมาณ 7 กม. จึงบังคับให้ตนจอดรถ เมื่อตนจอดรถนายสรพงษ์ฯได้ดึงกระชากตนจากเบาะหน้าให้มาอยู่ที่เบาะหลัง ก่อนใช้เชือกมัดมือไพล่หลัง และมัดปาก
จากนั้นนายสรพงษ์ ได้พยายามลวนลามตน แต่มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา นายสรพงษ์จึงวางมือหันไปรับโทรศัพท์ และทำหน้าที่ขับรถเอง โดยมุ่งหน้ามาที่ จ.อุดรธานี ระหว่างทางได้โทรศัพท์ติดต่อกับญาติตนเรื่องการโอนเงิน และยังบังคับตนให้บอกรหัสด้วยความกลัวตนจึงยอมบอกระหว่างทาง นายสรพงษ์ได้จอดรถหลายครั้ง เพื่อไปกดเงินในตู้เอทีเอ็ม กระทั่งถึง จ.หนองคาย นายสรพงษ์ฯได้ใช้มีดจี้บังคับถอดสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์แล้วนำไปขายที่ร้านในตัวเมืองหนองคาย ตนกลัวมากจนไม่กล้าที่วิ่งหนีออกจากรถเพราะกลัวถูกฆ่ากระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือได้ดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น