เพราะถูกฟ้องร้องหลายคดี และถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ จนในที่สุดได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้พ้นจากความเป็นพระภิกษุ แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ก่อนจะหลบหนีออกนอกประเทศไปอยู่สหรัฐอเมริกา
โดยมีคนในแวดวงพระเครื่องและประชาชนทั่วไป ที่เดินทางไปกราบไหว้อดีตพระยันตระที่บ้านบางบ่อ อ.ปากพนัง ได้ถ่ายภาพอดีตพระยันตระที่ห้อมล้อมด้วยบรรดาสาวก ทั้งที่เป็นฆราวาสและแต่งกายคล้ายพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง โดยพบว่าอดีตพระยันตระห่มจีวรสีเปลือกมังคุดไว้ด้านใน และมีสไบสีเขียวห่มทับอีกชั้นหนึ่ง โดยไว้ผมและหนวดเคราสีขาวรกรุกรัง มีประชาชนที่ทราบข่าวทยอยเดินทางไปกราบไหว้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพระภิกษุที่เคยใกล้ชิดและเคารพศรัทธาอดีตพระยันตระ ก็เดินทางไปกราบไหว้ด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบไปยังชาวบ้านใน ต.บางบ่อ อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตพระยันตระ ได้รับการยืนยันว่าอดีตพระยันตระพร้อมสาวกจำนวนกว่า 10 คน ได้เดินทางมาที่บ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้ได้เดินทางออกจาก อ.ปากพนัง ไปหลายวันแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปพำนักใน จ.สงขลา และ จ.ภูเก็ต โดยในเรื่องการเข้าเมืองนั้นมีการพูดกันในวงในว่าเดินทางกลับเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคดีความต่าง ๆ ผ่านมา 20 ปีเศษแล้ว คดีจึงหมดอายุความ ซึ่งในขณะนี้คาดว่าคณะของอดีตพระยันตระน่าจะพำนักอยู่ใน จ.สงขลา หรือ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ สำหรับอดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวนครศรีธรรมราช ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้ปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง พระวินัยเมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า “พระยันตระ” ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักปฏิบัติธรรมชื่อดัง ทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย
โดยใน พ.ศ. 2537 นายวินัยได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหา และถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ กับนางจันทิมา หรือแม่ ด.ญ.กระต่าย อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติ ที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น จนในที่สุดได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเปลือกมังคุด ก่อนที่นายวินัยจะลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอม เพื่อหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทำให้นายวินัยสามารถหลบหนีคดีความอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า อดีตพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งหลายข้อหา โดยเฉพาะข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ รวมทั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไทย โดยมีข่าวยืนยันว่าช่วงเวลาหนึ่งหลวงปู่เณรคำ ได้ไปพักอาศัยอยู่กับอดีตพระยันตระ เนื่องจากทั้งคู่มีความสนิทสนมกันเป็นส่วนตัว อีกทั้งกลุ่มลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระ ก็เข้ามาอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น