หลังรับแจ้งว่า มีการลักลอบเปิดเป็นร้านจำหน่ายยาเถื่อน และอาหารสมุนไพรทั่วไป จากการตรวจสอบพบยาสามัญประจำบ้านและยาอันตราย หลายประเภทที่กินแล้วถึงขึ้นเสียชีวิต ยาปฏิชีวนะ และยาควบคุมร้ายแรง ที่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น รวมถึงอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง และสมุนไพรหลายชนิด บางชนิดติดฉลากของประเทศไทย และอีกนับหมื่นห่อเป็นฉลากของประเทศจีน และประเทศพม่า แต่ไม่มีเครื่องหมาย อย. และเลขที่การผลิตหรือวันหมดอายุ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พร้อมจับกุมนายปรีชา รัตนสร้างสรรค์ อายุ 40 ปี ชาวเขาเผ่าอาข่า เจ้าของร้านส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พ.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ตำรวจได้รับการร้องเรียนว่าบ้านเป้าหมายมีการลักลอบเปิดเป็นร้านขายยาขายอาหารแบบร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยเป็นที่รู้กันในหมู่แรงงานต่างด้าวว่า “ร้านเซเว่นไทยใหญ่ “ เปิด 24 ชั่วโมงลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ โดยจะลักลอบซื้อขายกันตลอดทั้งกลางวันกลางคืน จึงสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้น จนพบว่ามีการจำหน่ายยาต้องห้ามหลายประเภทจึงสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจค้นจับกุม
ด้านนายมโนรมภ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบยาสเตียรอยด์ หรือยาคลอบจักรวาล ยาปฏิชีวนะ หลายชนิดรวมถึงยาควบคุมพิเศษ ยาแก้ปวด ซึ่งยาเหล่านั้นต้องจำหน่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และต้องใช้โรงพยาบาลเท่านั้น รวมถึงยาและอาการกระป๋องอาหารแห้งอีกจำนวนมากที่ไม่มีฉลาก อย. ของไทย แต่เป็นของต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่มาซื้อมากินเองจะมีอันตรายถึงชีวิต และผลข้างเคียงอื่นๆอีกจำนวนมาก ในเบื้องต้นเราก็ได้แจ้งข้อหาบ้างส่วนและจะตรวจสอบยาให้ละเอียดก่อนจะมีการเพิ่มเติมข้อหาต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายปรีชาให้การรับสารภาพว่า เปิดร้านขายยาดังกล่าวมานานกว่า 5 ปี โดยซื้อยามาจากพ่อค้า ในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และอ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะลักลอบนำมาขายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีลูกค้าเป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องการยาผิดกฏหมายพวกนี้ แรกเริ่มตนเปิดร้านเล็ก ๆ แต่มีลูกค้ามาซื้อมากมายจนมีรายได้มหาศาลสามารถสร้างบ้านหรูกว่า 3 ล้านบาทในเวลาไม่นาน โดยทุกครั้งที่ไปซื้อยามาขายก็จะผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ได้ทุกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาลักลอบจำหน่ายยาที่ไม่มีเลขทะเบียน เปิดร้ายขายเวชภัณฑ์ โดยไม่ได้รับอนุญาติ ไม่มีการขออนุญาติจำหน่ายยา อาหาร เครื่องสำอาง ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น