วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

หน่อไม้ปี๊บทำพิษหวิดม้วย 4 ราย เมื่อ 23 เม.ย.57



หน่อไม้ปี๊บทำพิษหวิดม้วย 4 ราย
 
นพ.สมควร หาญพัฒนชัยกูรนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิได้รับรายงานจาก นพ.สมปอง เจริญวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยภูมิว่า พบมีผู้ป่วยได้รับพิษแบคทีเรียโบทูลิจากการกินหน่อไม้ปิีบอัดถุงถูกหามส่งโรงพยาบาล 

โดยผู้ป่วยมีอาการท้องเสียอาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียปวดศีรษะ ตาพร่ามัว หนังตาตกหายใจติดขัด กลืนลำบากและแขนขาอ่อนแรง มีอาการโคม่าแพทย์ต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาช่วยชีวิตในห้องไอซียูของโรงพยาบาลชัยภูมิจำนวน 2ราย ทราบชื่อผู้ป่วยภายหลังชื่อนางสาวนุชจริทร์ แสงชน อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 21/1หมู่ 2 บ้านโพนทองต.โพนทองอ.เมืองจ.ชัยภูมิ และนางสาวเบญจวรรณ สมหวัง อายุ 20 ปีอยู่บ้านเลขที่ 20หมู่9ต.ลาดใหญ่อ.เมืองจ.ชัยภูมิ โดยแพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา พร้อมเฝ้าระวังโรคแทรกซ้อนตลอดเวลา

จากการรสอบถามนายเล็ก นิลาชัย อายุ39 ปี สามีนางสาวนุชจรินทร์ ทราบว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านหนองไฮใต้ต.หนองไฮใต้อ.หนองบัวแดงจ.ชัยภูมิ ในช่วงวันสงกรานต์และได้รับของฝากจำพวกของป่าต่างๆ มาจากญาติรวมทั้งหน่อไม้ป่าอัดปี๊บ ซิ่งบรรจุถุง (หรือชาวบ้านเรียกว่าหน่อซิ่ง) จำนวน6ถุงนำกลับมาฝากครอบครัวที่บ้าน หลังตกเย็นภรรยานางสาวนุชจรินทร์ฯ ได้ทำการหุงหาอาหารทำน้ำพริกกะปิปลาทุ ให้ครอบครัวกินรวมกันจำนวน4คนคือ นางสาวนุชจริทร์ และนางสาวเบญจวรรณ สมหวัง อายุ 20ปีอยู่บ้านเลขที่ 20หมู่9ต.ลาดใหญ่อ.เมืองจ.ชัยภูมิโดยตั้งวงกินกับครอบครัวของนายธีระพัฒน์ นิลาชัย อายุ 37 ปีและนางประไพรวรรณ นิลาชัย อายุ 33ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ต.หนองมนอ.เมืองจ.ชลบุรีที่เดินทางมาเยี่ยมในช่วงสงกรานต์และเดินทางกลับ จ.ชลบุรี ในช่วงกลางคืนวันเดียวกัน

รุ่งเช้าพบว่านางสาวนุชจริทร์ และนางสาวเบญจวรรณ มีอาการปวดท้องอาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะตาพร่ามัว หนังตาตกหายใจรวยรินติดขัด กลืนลำบากและแขนขาอ่อนแรง และถ่ายเหลว ญาติจึงนำตัวส่งเข้าทำการรักษาช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลชัยภูมิเป็นการด่วนเพื่อให้แพทย์ทำการช่วยชีวิต นอกนั้นยังทราบข่าวว่าครอบครัวของนายธีระพัฒน์และนางประไพรวรรณ ที่ร่วมกินอาหารด้วยกันและเดินทางกลับไปจังหวัดชลบุรีก็ล้มป่วยอย่างหนักเช่นกันญาติๆ ต้องนำส่งไปรักษาตัวที่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลพญาไทย จ.ศรีราชา เป็นการด่วนเพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตเช่นกันโดยผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการป่วยขั้นโคม่าทั้ง 2 คนเช่นกัน

นพ.สมควร เผยว่าจากการตรวจสอบพบผู้ป่วยทั้งหมดเป็นประชาชนชาวตำบลโพนทองและตำบลลาดใหญ่อ.เมืองจ.ชัยภูมิผู้ป่วยทั้งหมดได้นำหน่อไม้ปิ๋บอัดถุงมาลวกน้ำร้อนแล้วนำมาปรุงเป็นอาหารแบ่งกันรับประทาน โดยมีผู้รับประทานทั้งหมดรวม4คนทุกคนมีอาการปวดท้องถ่ายเหลว และอาเจียนรุนแรงโดยเบื้องต้นมีผู้ป่วยรักษาที่รพ.ชัยภูมิจำนวน 2คนขณะนี้ทีมแพทย์ต้องนำตัวคนไข้ทั้งหมดเข้าห้องไอซียู เพื่อทำการช่วยชีวิตและให้ปฏิชีวนะชนิดพิเศษพร้อมใส่เครื่องช่วยหายใจและต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีอาการตับอ่อนแรงหายใจเองไม่ได้แต่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อนสำหรับหน่อไม้ป่าที่ผู้ป่วยเก็บมารับประทานคาดว่าจะเป็นหน่อไม้ที่เกิดตามธรรมชาติซึ่งอาจปนเปื้อนสารแบคทีเรียโบทูลิซึ่งเป็นสารพิษ

นพ.สมควร กล่าวต่อว่า อาการดังกล่าวเป็นอาการของโรคโบทูลิซึม(Botulism)เกิดจากสารพิษโบทูลินัม(Botulinumtoxin)ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทบริเวณส่วนปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อแม้มีปริมาณเพียงไม่ถึง1ไมโครกรัมและมีอันตรายถึงชีวิตภายใน18-36ชั่วโมง สารพิษนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียชนิดคลอสทริเดียมโบทูลินัม(Clostridiumbotulinum)ที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ไม่มีออกซิเจนมักพบอยู่ในหน่อไม้ปี๊บที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานและมีการปนเปื้อนสปอร์ของเชื้อคลอสทริเดียมโบทูลินัมที่ทนต่ออุณหภูมิสูง100องศาเซลเซียสนาน 5นาทีเมื่ออยู่ในปี๊บที่มีภาวะเหมาะสมสปอร์เหล่านั้นก็จะเจริญเติบโตและสร้างสารพิษออกมาปะปนอยู่ในหน่อไม้ปี๊บ

"ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการรับประทานอาหารจำพวกหน่อไม้บรรจุปี๊บและบรรจุถุงว่าการรับประทานหน่อดังกล่าวอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม ที่มักจะพบในอาหารกระป๋องพิษของเชื้อนี้จะทำให้เกิดอาการหนังตาตกพูดไม่ชัด ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อรุนแรง จนกระทั่งนำไปสู่การทำลายระบบทางเดินหายใจและเสียชีวิตในที่สุดหากจะรับประทานต้องต้มให้สุกในอุณหภูมิสูงถึง 120 องศา เพื่อแน่ใจว่าปลอดจากเชื้อโรคดังกล่าวหากพบผู้ป่วยดังกล่าวต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน" นพ.สมควร กล่าว
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น